เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 22

ตอนที่ 22 วิถีชีวิตของผู้อาวุโสเย่

ความจริงแล้วในสายตาของผู้ฝึกตนชั้นสูงเช่นหลิวฉางเหอและนักพรตฉางเสวียนนั้น

แม้ลานด้านหลังจะมีขนาดเล็ก แต่กลับตกแต่งอย่างประณีตจนช่างน่าเหลือเชื่อ

ต้นหลิวที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลาน สูงประมาณ 5 เมตรเห็นจะได้ กิ่งก้านสีเขียวมากมายลู่ลงมา แม้จะมิได้ดูพิเศษอะไรแต่กลับมีพลังชีวิตและคลื่นปราณลึกลับแผ่กระจายออกมาเหลือคณา

เมื่อพวกเขาทั้งสองสำรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่า ต้นหลิวต้นนี้ดูเหมือนจะกำเนิดจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว และกำลังลอบสำรวจพวกเขาทั้งสองคนอยู่เช่นกัน

เช่นนี้จะให้พวกเขาสงบนิ่งราวกับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ?

ตามตำนานกล่าวว่าต้นไม้เก่าแก่ที่เกือบจะกลายเป็นปีศาจเช่นนี้ จะพบได้ในดินแดนโบราณที่ดำรงอยู่มานับพันนับหมื่นปีเท่านั้น

อีกทั้งดินแดนโบราณเช่นนี้ต่อให้มีโอกาสและวาสนาพลิกฟ้าพลิกดินเยี่ยงไร แต่ก็มีภยันอันตรายมากมายอยู่เช่นกัน

แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทวาเมื่อเข้าสู่เขตมรณะเยี่ยงนี้ ก็อาจจะกลับมามิได้หรือถึงขนาดสิ้นชีพลงก็เป็นได้

แต่การที่ต้นไม้ปีศาจในตำนานเติบโตอยู่ในลานเล็ก ๆ แห่งนี้

เกรงว่าคงมีเพียงยอดคนเช่นผู้อาวุโสเย่ที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้ !

นักพรตฉางเสวียนและหลิวฉางเหอสบสายตากันครู่หนึ่ง ภายในใจพลันบังเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันขึ้นมา

และเมื่อทั้งสองคนเบนสายตาไปยังใต้ต้นหลิว ก็พบกับพิณโบราณบนโต๊ะไม้ตัวเล็กตัวหนึ่งเข้า

บนตัวพิณสลักลวดลายที่ประณีตงดงาม ดูกลมกลืนราวกับเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แผ่กลิ่นอายโบราณกาลออกมา

แต่…

ดูเหมือนว่าจะมีไอพลังของแก่นแท้ล่องลอยอยู่ หากลองสังเกตดูดี ๆ แล้วก็จะเห็นได้ว่าไอพลังที่ล่องลอยอยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือวิถีแห่งดนตรีนั่นเอง

นักพรตฉางเสวียนและหลิวฉางเหอสบตากันอีกครั้ง และยังคงมีท่าทางตกตะลึงอยู่มิคลาย

‘สมกับเป็นยอดคนจริง ๆ แม้แต่บนพิณยังมีไอพลังของแก่นแท้ล่องลอยออกมา ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ! ’

นักพรตฉางเสวียนได้แต่พร่ำบ่นอยู่ภายในใจว่า ‘ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าท่านผู้อาวุโสเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนจนถึงแดนสูงสุดของวิถีดาบ แต่ดูแล้วข้าคงมีสายตาที่คับแคบเกินไปเสียแล้ว’

ในระหว่างที่นักพรตฉางเสวียนพร่ำบ่นอยู่ภายในใจนั้น สายตาของเขาก็เผลอเหลือบไปเห็นกระดานหมากล้อมที่อยู่บนโต๊ะหินที่อยู่ด้านข้างเข้าพอดี

‘ท่านเย่มีความรู้ด้านหมากล้อมจริง ๆ ด้วย ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ’ ใบหน้าของนักพรตฉางเสวียนปรากฏแววยินดีขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบเดินไปยังด้านหน้าโต๊ะหิน

หลิวฉางเหอที่เห็นท่าทางประหลาดของนักพรตฉางเสวียน จึงได้เดินตามไปยังหน้ากระดานหมากล้อมด้วยอีกคน

แต่เพียงแค่ทั้งคู่จ้องมองกระดานหมากล้อมเพียงครู่เดียว สีหน้าก็ซีดเผือดลงทันที พร้อมกับมีท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นมา

ท่าทางของนักพรตฉางเสวียนยังถือว่าดูปกติอยู่ แต่หลิวฉางเหอนั้นกลับมีใบหน้าซีดขาว เส้นเลือดที่หน้าผากถึงกับเต้น “ตุ๊บ ๆ” จนเหงื่อโทรมกาย

“ซืด ! ”

นักพรตฉางเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกระชากจิตวิญญาณออกมาจากกระดานหมากล้อม

เขามิกล้าที่จะหันไปมองกระดานหมากล้อมอีก แต่กระนั้นก็อดดีใจมิได้ ‘ผู้อาวุโสเย่มิเพียงแต่ศึกษาเรื่องการเล่นหมากล้อมเท่านั้น แต่ดูท่าคงจะบรรลุขั้นสูงสุดของการเล่นหมากล้อมเสียแล้ว’

‘ดูจากการเดินหมากของผู้อาวุโสเย่แล้ว หมากสี่มังกรพ่นวารีของสวี๋ชิ๋งเทียนนั่นหาได้เทียบเคียงไม่…’

“ซืด ! ”

ในที่สุดหลิวฉางเหอก็ดึงจิตวิญญาณออกมาจากกระดานหมากล้อมได้แล้วเช่นเดียวกัน แต่ใบหน้าก็ยังคงซีดขาวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอยู่เหมือนเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน