เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 238

ตอนที่ 238 เจ้าทำให้ข้าไปต่อมิถูก

ผู้อาวุโสเย่ ?

ได้ยินเช่นนั้นเจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่เหลือพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไป

จริงด้วย !

ในการประชุมเจ้าสำนักบำเพ็ญเพียรครั้งก่อน

นักพรตฉางเสวียนยังพูดจาโอ้อวดว่าบรรพจารย์ท่านนี้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของพวกเขาเทียบได้กับจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ ถึงขนาดที่ว่าอาจเหนือกว่าจักรพรรดิอีกด้วย

อีกทั้งตอนนั้นเจ้าสำนักจื่อชิงก็ยังเห็นด้วยกับคำพูดนี้

บัดนี้ลัทธิเต๋าทั่วทั้งจงหยวนถูกศาสนาพุทธคุกคาม เช่นนั้นบรรพจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนท่านนี้ก็มิควรที่จะนิ่งดูดายมิใช่หรือ ?

คิดได้เช่นนั้น พวกต้วนฉางเต๋อก็สื่อสารกันทางสายตาเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปทางนักพรตฉางเสวียน

ผู้อาวุโสเย่ท่านนั้นเป็นบรรพจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เช่นนั้นก็ต้องให้เจ้าสำนักไท่เสวียนเป็นคนเอ่ยปากย่อมจะเหมาะสมที่สุด

หลังจากลังเลเล็กน้อย

“ทุกท่าน เอาเช่นนี้ดีหรือไม่”

นักพรตฉางเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้วมุ่น “คิดว่าพวกท่านคงพอคิดได้ ยอดฝีมือเช่นท่านบรรพจารย์เย่นั้น เดิมเขาเพียงอยู่อย่างสงบที่เมืองเสี่ยวฉือ ก่อนหน้านี้พวกข้าได้ไปรบกวนความสงบของเขาหลายต่อหลายครั้ง”

“เช่นนั้นข้าคิดว่า หากเอ่ยไปตอนนี้คงมิเหมาะเท่าไรนัก”

ได้ยินเช่นนั้น

“พี่เหอ พูดมีเหตุผล”

สวีฉิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนเอ่ยว่า “เวลานี้นักบวชเสวียนเต๋อผู้นั้นยังมิได้เข้ามาในจงหยวน แต่ต่อให้เขาเข้ามาในจงหยวนก็จะต้องเริ่มจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวก่อนเป็นแน่”

“อีกอย่างขอเพียงทุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์หาวิธีถ่วงเวลาเอาไว้ เพื่อให้พี่เหอมีเวลามากพอ เมื่อเสวียนเต๋อมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ถึงตอนนั้นค่อยเชิญผู้อาวุโสเย่ออกหน้าก็ยังมิสาย”

“ทุกท่าน พวกท่านคิดเห็นเป็นเช่นไรบ้าง ? ”

นักพรตไท่หัวลูบหนวดตัวเองแล้วเอ่ยว่า “พี่สวีวางแผนได้ดี ข้าคิดว่าวิธีนี้มิเลวเลย”

หลัวชุนเฟิงพยักหน้า “ข้าก็เห็นด้วย”

ตอนนั้นเองต้วนฉางเต๋อก็ชำเลืองมองคนอื่น ๆ จากนั้นจึงเอ่ยถามนักพรตฉางเสวียนอย่างสงสัยว่า “พี่เหอ ท่านคิดว่าท่านบรรพจารย์เย่ของพวกท่านจะรับมือได้หรือไม่ ? ”

“ปัง ! ”

นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็ทุบโต๊ะเสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ต้วนฉางเต๋อ เจ้าอาจสงสัยข้าได้ แต่หากเจ้ากล้าสงสัยท่านบรรพจารย์เย่ นั่นเท่ากับต้องการเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วย ! ”

ต้วนฉางเต๋อหดคอลงทันที ก่อนเอ่ยอย่างหวาดหวั่นว่า “พี่เหอ ข้ามิได้ว่าท่านบรรพจารย์เย่ของพวกท่านมิเก่งนะ”

ขณะเดียวกันสวีฉิงเทียนก็หรี่ตาลง เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “ต้วนฉางเต๋อ หากเจ้ากล้าล่วงเกินผู้อาวุโสเย่ ระวังเจ้าจะต้องดับสิ้น ระวังดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยางของเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย ! ”

ต้วนฉางเต๋อเม้มริมฝีปากแน่นแล้วถามขึ้นว่า “เจ้าแซ่สวี เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ! ”

“เปรี้ยง ! ”

ต้วนฉางเต๋อเพิ่งจะเอ่ยจบ จิตกระบี่อันหนักแน่นและมหาศาลราวกับคลื่นในมหาสมุทรพลันปกคลุมไปทั่วเขาไท่เสวียน

มินานบนยอดเขาฉางหมิงที่อยู่ติดกับเขาไท่เสวียนจู่ ๆ ก็เกิดประกายกระบี่อันงดงามขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา เมฆหมอกจางหายไปแทบทันที ช่างน่าตกใจยิ่งนัก

ทันใดนั้นเหล่าคนที่อยู่ในตำหนักไท่เสวียน ต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

…………………………………..

ณ ยอดเขาฉางหมิง

หลังจากลู่อู๋ซวงพาเย่ฉางชิงมาถึงยอดเขาฉางหมิงแล้ว

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม

เนื่องด้วยต้องเตรียมตัวสำหรับพิธีแต่งตั้งในวันพรุ่งนี้ เช่นนั้นจึงจำต้องเอ่ยลาเย่ฉางชิง

ทว่าเย่ฉางชิงแม้จะอยู่ในหอเก็บตำรามาทั้งคืน แต่เวลานี้เขากลับมิรู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย จนถึงตอนนี้ในสมองของเขาก็ยังคงคิดถึงเคล็ดวิชาและสิ่งสำคัญของเคล็ดกระบี่แสงทองมาจนถึงเวลานี้

ส่วนผู้สืบทอดหลี่ฉางหมิงนั้น

เนื่องจากระหว่างทางเดินกลับมาบังเอิญพบกับลู่อู๋ซวงเข้าพอดี ลู่อู๋ซวงจึงได้กำชับเขาว่าท่านบรรพจารย์เย่กำลังพักผ่อนอยู่

เช่นนั้นหลังกลับมาถึงยอดเขาฉางหมิง เมื่อเห็นประตูของตำหนักหลักปิดสนิท หลี่ฉางหมิงจึงนั่งสมาธิลงกับพื้นและเริ่มบำเพ็ญเพียร

เขามองว่าที่เขาเปลี่ยนมาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่เป็นเพราะได้รับคําบอกใบ้ของท่านบรรพจารย์เย่

แม้ว่าตั้งแต่เปลี่ยนมาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่จะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเยี่ยงไรเสีย เขาก็มิใช่ยอดฝีมือเช่นท่านบรรพจารย์เย่ มิมีทางทำได้อย่างดีและสมบูรณ์แบบเช่นนั้นได้

เช่นนั้นหากเขาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ใกล้ ๆ ท่านบรรพจารย์เย่ เมื่อท่านบรรพจารย์เย่ตื่นขึ้นมา จะต้องให้คำชี้แนะเขาอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน