ตอนที่ 297 ภรรยาทั้งสองของท่านเย่
ทันทีที่ได้ยินผู้อาวุโสเย่ขอร้องให้พวกนางช่วยนั้น ทั้งเทพหลิวและถูสือซานต่างก็รู้สึกตกตะลึง
‘ยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานเช่นผู้อาวุโสเย่ ยังมีเรื่องอะไรที่ทำมิได้อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘ในเมื่อผู้อาวุโสเย่ยังทำมิได้ เช่นนั้นพวกข้าทั้งสองจะทำได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘ใช่แล้ว ! ’
‘คงเป็นเพราะผู้อาวุโสเย่มิอยากจะลงมือเอง จึงต้องการให้พวกข้าทั้งสองออกหน้าแทน’
‘อืม ! ’
‘คงจะเป็นเช่นนั้น ! ’
‘มิใช่สิ ! ’
‘ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ! ’
หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก เทพหลิวก็เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ท่าน… เย่ เชิญท่านบอกมาได้เลย พวกเราจะทำอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ”
ถูสือซานเองก็พยักหน้ารับเช่นกัน
เย่ฉางชิงยกถ้วยชาขึ้นจิบเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาตรง ๆ ว่า
“ความจริงแล้วในเมืองเสี่ยวฉือแห่งนี้มีคนใจดีอยู่คนหนึ่ง และเห็นว่าข้ายังไร้คู่ครอง เช่นนั้นนางจึงอยากจะแนะนำญาติห่าง ๆ ของนางคนหนึ่งให้แก่ข้า”
“พวกเจ้าเองก็คงรู้ดีว่าข้านั้นแสวงหาเพียงจิตใจที่บริสุทธิ์ ตั้งมั่นในหลักของเต๋า มิมีเวลามาสนใจเรื่องวุ่นวายทางโลกเช่นนี้ จึงจำต้องขอให้พวกเจ้าทั้งสองช่วย”
“อีกอย่างตอนนี้พวกเจ้าทั้งสองก็ได้แปลงกายเป็นมนุษย์แล้ว หากต้องการอยู่ที่นี่ต่อก็ควรจะต้องมีฐานะอะไรบางอย่างจริงหรือไม่ ? ”
สิ้นเสียงเทพหลิวและถูสือซานก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะหันมาสบตากัน
เรื่องที่ผู้อาวุโสเย่ต้องการให้ช่วยนั้นง่ายมาก
นั่นก็คือเขาต้องการให้พวกนางทั้งสองออกหน้า เพื่อให้ผู้ใจดีท่านนั้นตัดใจเสีย
เช่นนั้นแล้วการมีตัวตนอยู่ของพวกนางทั้งสองก็จะมิมีปัญหาตามมาด้วย
ในฐานะว่าที่ภรรยา ?
ขณะเดียวกันพวกนางทั้งสองก็ต้องใช้ฐานะนี้ ขณะอาศัยอยู่ในเมืองเสี่ยวฉือเป็นการชั่วคราวอีกด้วย
คิดถึงตรงนี้ พวงแก้มของทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ช่างดูงามหยดย้อย สะกดใจคนยิ่งนัก
เทพหลิวสูดหายใจเข้าเล็กน้อย พยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ
“ท่านเย่ ทำเช่นนั้นพวกเราอาจทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงได้นะเจ้าคะ”
เทพหลิวเอ่ยขึ้นมาอย่างนุ่มนวล
‘ชื่อเสียง ? ’
เย่ฉางชิงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มิอาจคาดเดาความหมาย
‘เจ้ากำลังเหน็บแนมข้าอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘ข้ากลั่นหินหุนหยวนไปแล้วตั้งหนึ่งล้านก้อน ทว่าบัดนี้ยังเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรระดับรวบรวมชีพจรเท่านั้น’
‘ชื่อเสียงนั้นเกรงว่าคงเป็นสิ่งไกลเกินเอื้อมไปหน่อยกระมัง ! ’
หลังจากลอบบ่นอยู่ภายในใจแล้ว
เย่ฉางชิงก็ยังคงพยายามเอ่ยอธิบายออกมาอย่างใจเย็นว่า
“ผู้บำเพ็ญเพียรเช่นพวกเรา ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ จิตใจควรบริสุทธิ์และเป็นอิสระ สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงก็เป็นเพียงแค่ภาพมายาเท่านั้น ส่วนสิ่งที่เรียกว่าบารมียิ่งเป็นสิ่งที่มิจำเป็นแต่ต้องมีอยู่”
สิ้นเสียงเทพหลิวก็ขมวดคิ้วเบา ๆ ดวงตาที่เปล่งประกายแสงสีเขียวแวววับออกมา
ทันใดนั้น นางก็ตกอยู่ในภวังค์ของความรู้แจ้งบางอย่าง
ตอนนั้นเอง หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
ถูสือซานก็เอ่ยกับเย่ฉางชิงอย่างลังเลว่า
“ท่านเย่ หากพวกเราสองคนออกหน้าปฏิเสธผู้ใจดีท่านนี้แล้ว พวกเราก็ต้องสมอ้างเป็นว่าที่ภรรยาของท่านด้วยนะเจ้าคะ ? ”
‘ว่าที่ภรรยา ? ’
เย่ฉางชิงผงะไปเล็กน้อย ดวงตาที่มองถูสือซานและเทพหลิวที่งดงามราวกับเทพธิดา มีประกายสับสนแวบผ่าน
ก่อนหน้านี้เขาเองก็คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้เช่นกัน
แต่เมื่อได้ยินคำนี้จากปากของถูสือซาน กลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป
หากสามารถหาหญิงสาวที่สวยหยาดเยิ้มราวกับเทพธิดามาเป็นภรรยาได้จริง
ต่อให้มิได้เป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน เขาก็ยอมสละได้
แต่จนใจที่เขานั้นต้อยต่ำเกินไป !
นางหนึ่งคือปีศาจจิ้งจอกระดับจ้าวปีศาจ !
อีกนางหนึ่งคือปีศาจต้นไม้ที่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้ตลอดเวลา !
หากเกิดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในฐานะสามีภรรยาขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะก็
คาดว่าร่างกายเขาคงจะรับมิไหวเป็นแน่ และมิแน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะทำบางสิ่งบางอย่างที่โหดร้ายต่อเขาก็เป็นได้
หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ เย่ฉางชิงก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นลำบากใจ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงทำได้เพียงเท่านี้”
สิ้นเสียงถูสือซานก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันก็อดมิได้ที่จะใจเต้นรัว แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพราะนับตั้งแต่ถูกราชันทมิฬพามาที่นี่ ครั้งแรกที่ได้พบผู้อาวุโสเย่ ถูสือซานก็อดมิได้ที่จะเกิดความรู้สึกรักใคร่ในตัวเขาขึ้นมา
แต่เมื่อคิดถึงฐานะของอีกฝ่ายแล้ว นางก็อดที่จะรู้สึกละอายใจตัวเองมิได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน