ตอนที่ 300 ข้าคือกระบี่
เพียงพริบตา พวกฮูเอี๋ยนเจินชวนก็รุกคืบเข้าไปหาตู๋กูชิงเฟิงแทบจะพร้อม ๆ กัน
วินาทีต่อมาก็มีแสงสีแดงเคลื่อนที่รอบกายฮูเอี๋ยนเจินชวน แผ่ไอพลังที่ดุดันจนยากที่เทียบได้
ขณะเดียวกัน ด้านหลังของเขาก็ปรากฏภาพมายาขนาดใหญ่ขึ้น และปกคลุมเอาไว้ด้วยไอพลังอันเกรี้ยวกราด ราวกับเทพมารที่ถูกปลุกขึ้นมา หวังจะทำลายทุกสิ่งก็มิปาน
“หมัดเทียนกัง ! ”
ฮูเอี๋ยนเจินชวนคำรามก้อง จากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไปกลางอากาศ
ทันใดนั้น แขนของเขาก็มีสายฟ้าเปล่งประกายออกมา ไอพลังเต๋าลอยอบอวล สัญลักษณ์โบราณส่องแสงระยิบระยับ
จากนั้นเจตจำนงแห่งหมัดที่ทรงอำนาจก็พวยพุ่งออกมา ก่อนที่พลังแห่งการทำลายล้างจะพุ่งเข้าสังหารจักรพรรดิมารตนนั้น
ขณะเดียวกัน ซีเหมินเหลยหู่ที่ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ รอบกายก็มีแสงสว่างไสวเปล่งออกมา พลังปราณพลุ่งพล่าน
คิ้วของเขาขมวดแน่น ก่อนจะกวาดเท้าแตะไปกลางอากาศ จนเกิดแสงอันรุนแรงสายหนึ่งออกมา ส่องทะลวงความว่างเปล่าไปทันที
หนานกงชิงหมิงมือกุมดาบรบโบราณเอาไว้ สะบัดร่างกายเล็กน้อย จากนั้นชุดคลุมสีดำบนกายก็มลายหายไป เพียงพริบตาก็เผยให้เห็นชุดเกราะสีดำบนกายของเขาแทน
รอบกายของเขาปรากฏแสงสีดำขลับไหลวน ไอดาบอันทรงอำนาจ เจตจำนงแห่งดาบที่มีพลังทำลายล้างสูงราวกับแม่น้ำไหลบ่า พร้อมฟาดฟันพลังไร้พ่ายเข้าใส่ตู๋กูชิงเฟิง
มู่หรงหลินที่อยู่ในชุดคลุมสีแดง รอบกายเปล่งแสงสีแดงโชติช่วง พลังปราณอันเข้มข้นเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ
หลังจากที่มือทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อย ๆ พลังฟ้าดินจำนวนมหาศาลตรงหน้าก็พลุ่งพล่านตามไปด้วย ก่อนที่ตราประทับโบราณที่ถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงอันลุกโชนจะปรากฏสู่สายตา
……………………………..
เวลานี้แม้สุดยอดผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลผู้พิทักษ์โบราณ กำลังใช้ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่ง ตัดสินแพ้ชนะกับจักรพรรดิมารตนนี้
ทว่าตู๋กูชิงเฟิงกลับยังคงสงบนิ่ง และมิมีการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
นางยังคงยืนอย่างทะนง รอบข้างยังคงเลือนลางปกคลุมไปด้วยไอพลังอันแข็งแกร่ง และใช้แค่ปลายนิ้วอันเรียวยาวกดสายพิณเอาไว้เบา ๆ เท่านั้น
“เจตจำนงแห่งหมัดทรงอำนาจเช่นนี้ ดูเหมือนไร้ช่องโหว่ แต่ความจริงแล้วก็แค่แข็งนอกอ่อนในเท่านั้น”
ตู๋กูชิงเฟิงเอ่ยวิจารณ์เสียงเรียบ ให้ความรู้สึกราวกับผู้สูงส่งกำลังชี้แนะผู้น้อยอยู่ก็มิปาน
ทันทีที่สิ้นเสียง ขณะที่เจตจำนงแห่งหมัดทำลายความว่างเปล่าตรงหน้า ทั้งยังห่อหุ้มไว้ด้วยพลังที่ทรงอำนาจกำลังพุ่งเข้ามาหมายสังหารนางนั้น
“แต๊ง ! ”
ในที่สุดตู๋กูชิงเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ทว่านางเพียงแค่สัมผัสสายพิณเบา ๆ จากนั้นก็มีเสียงพิณกังวานใสดังขึ้นมา
วินาทีต่อมาคลื่นพลังสายหนึ่งที่อบอวลไปด้วยไอพลังแห่งเต๋าก็เปล่งแสงออกมา
เพียงพริบตา ขณะที่คลื่นพลังลึกลับและเจตจำนงแห่งหมัดอันดุดันนั้นปะทะกัน เจตจำนงแห่งหมัดก็ถูกคลื่นพลังลึกลับนั้นตัดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
เสี้ยววินาที เจตจำนงแห่งหมัดก็พลันมลายหายไปในอากาศ ถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดาย
จากนั้นแสงอันรุนแรงที่ซีเหมินเหลยหู่สร้างขึ้นเปล่งออกมา
ตู๋กูชิงเฟิงก็ดีดไปที่สายพิณเบา ๆ อีกครั้ง
หลังจากเสียงพิณกังวานใสดังขึ้นมา ก็มีคลื่นพลังลึกลับสายหนึ่ง ทว่าอบอวลไปด้วยไอพลังแห่งเต๋าก็ส่องออกมา
เมื่อแสงอันรุนแรงที่ซีเหมิยเหลยหู่สร้างขึ้นปะทะเข้ากับคลื่นพลังลึกลับนั้น ก็หลอมละลายลงราวกับขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟก็มิปาน
จากนั้น ทุกครั้งที่ตู๋กูชิงเฟิงดีดไปที่สายพิณและมีเสียงพิณดังขึ้น จะเกิดคลื่นพลังลึกลับส่องออกมา
มิกี่อึดใจ
การโจมตีของผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลผู้พิทักษ์โบราณก็ถูกนางทำลายจนหมดสิ้น
ทว่าศึกในครั้งนี้ยังมิจบ
แม้พวกฮูเอี๋ยนเจินชวนจะรับรู้ถึงความน่ากลัวของจักรพรรดิมารตนนี้ แต่พวกเขากลับมิเชื่อและมิอยากที่จะยอมรับ
พวกเขาห้าคนร่วมมือกันเช่นนี้ ยังมิอาจบีบให้จักรพรรดิมารใช้พลังทั้งหมดเพื่อตั้งรับได้
แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าพวกฮูเอี๋ยนเจินชวนก็ยังคงร่วมมือกันโจมตีอย่างมิหยุดหย่อน แต่ตู๋กูชิงเฟิงเองก็ยังสามารถรับมือ และทำลายการโจมตีของพวกเขาได้ทุกครา
ขณะเดียวกัน ซือถูเจิ้นผิงที่ใช้พลังไปจนหมด จึงจำต้องถอยออกมาตั้งหลัก และเฝ้าดูอยู่ทางด้านหลังแทน
ขณะที่การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดนั้น จู่ ๆ เขากลับเกิดการรู้แจ้งบางอย่างขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน