เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 301

สรุปบท ตอนที่ 301 ปีศาจเทือกเขาแดนใต้รุกราน: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

สรุปตอน ตอนที่ 301 ปีศาจเทือกเขาแดนใต้รุกราน – จากเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 301 ปีศาจเทือกเขาแดนใต้รุกราน ของนิยายนิยายแปลเรื่องดัง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่​ 301 ปีศาจ​เทือกเขา​แดน​ใต้​รุกราน​

ทันทีที่​สิ้น​เสียง​ วินาที​ที่​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ลืมตา​ขึ้น​มา ไอ​กระบี่​ที่​รุนแรง​สอง​สาย​ก็​พวยพุ่ง​ออกมา​

ขณะเดียวกัน​ รอบกาย​ของ​เขา​ก็​มีไอ​พลัง​เต๋า​ลอย​วน​ ไอ​กระบี่​มากมาย​ปรากฏ​ขึ้น​กลางอากาศ​ ส่งเสียงคำราม​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ออกมา​มิหยุด​

วินาที​นั้น​ เขา​ราวกับ​เป็น​ร่าง​จำแลง​ของ​กระบี่​ แม้ร่างกาย​จะมิมีไอ​พลัง​และ​พลัง​ปราณ​ใด​ ๆ วนเวียน​อยู่​ แต่​ด้วย​เหตุ​นั้น​กลับ​ให้​ความรู้สึก​ที่​มีอาจจะ​มองข้าม​ได้​

“ในที่สุด​ข้า​ก็​เหมือน​จะเข้าใจ​จิตใจ​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​แล้ว​”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ลุกขึ้น​ยืน​ พร้อม​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ที่​เรียบ​นิ่ง​และ​เต็มเปี่ยม​ไป​ด้วย​ความมั่นใจ​

ทว่า​ยัง​มิทัน​สิ้น​เสียง​ ใน​จังหวะ​ที่​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ค่อย ๆ​ ก้าว​ออก​ไป​นั้น​

ร่าง​ทั้ง​ร่าง​ของ​เขา​ก็​ราวกับ​หายวับ​ไป​ใน​อากาศ​

เพียง​พริบตา​ ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​อีกครั้ง​บน​พื้นหญ้า​เบื้องล่าง​ราวกับ​ภูตผี​

ท่ามกลาง​สายตา​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​ฉงน​ของ​หลาย​ ๆ คน​ ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​กวาดตา​มอง​ไป​ยัง​ตู๋​กู​ชิงเฟิงที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ จากนั้น​ก็​ก้มลง​ไป​เด็ด​หญ้า​ต้น​หนึ่ง​ขึ้น​มากุม​เอาไว้​ใน​มือ​

“หญ้า​ต้น​เดียว​ก็​ฟัน​ตะวัน​ จันทรา​ และ​ดวงดาว​ได้​ สิ่งที่​ผู้อาวุโส​เย่​กล่าวถึง​คือ​ระดับ​เช่นไร​กัน​แน่​ ? ”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​กุม​หญ้า​ต้น​หนึ่ง​เอาไว้​ใน​มือ​ จากนั้น​ก็​เอ่ย​ขึ้น​พร้อมกับ​มอง​ขึ้นไป​บน​ฟ้า

สิ้น​เสียง​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ก็​สะบัด​แขน​เสื้อ​ ไอ​กระบี่​สาย​หนึ่ง​ทะยาน​ขึ้น​ฟ้า ทะลวง​เมฆสีคราม​ที่​ลอย​ต่ำ​ใน​ทันใด​

วินาที​นั้น​ มิเพียงแต่​ตู๋​กู​ชิงเฟิงที่​ทน​มอง​และ​ทน​ฟังต่อไป​มิไหว​ ทว่า​แม้แต่​พวก​ฮูเอี๋ยนเจิน​ชวน​ที่​ถูก​สะกด​เอาไว้​เอง​ก็​รู้สึก​หน้าชา​ขึ้น​มาเช่นกัน​

‘ตา​เฒ่าคน​นี้​เป็น​อะไร​กัน​แน่​ ? ’

‘หรือว่า​เมื่อ​ครู่​เกิด​ไป​รู้แจ้ง​บางอย่าง​เข้า​ จน​สมอง​ฟั่นเฟือน​ไป​แล้ว​อย่างนั้น​หรือ​ ? ’

‘หาก​มิใช่ ! ’

‘ต่อให้​บรรลุ​ใน​วิถี​กระบี่​แม้ยิ่งใหญ่​เพียงใด​ ก็​มิถึงกับ​ต้อง​แสดงละคร​ฉากใหญ่​เพียงนี้​นี่​นา​ ? ’

‘ก่อนหน้านี้​คิด​ว่า​ตา​เฒ่าผู้​นี้​เป็น​คน​จริงจัง​’

‘คาด​มิถึงว่า​จะกลายเป็น​คน​เช่นนี้​ไป​ได้​ ! ’

‘หาก​เขา​ประสบความสำเร็จ​เช่น​ผู้อาวุโส​เย่​ มิวางท่า​ทั้ง​ตอน​เดิน​ตอน​นอน​เลย​งั้น​หรือ​ ? ’

‘ดูท่า​ต่อไป​ถ้าจะคบ​เป็น​สหาย​ต่อ​ คง​ต้อง​คิดดู​ใหม่​เสียแล้ว​ ! ’

ตอนนั้น​เอง​

“ผู้อาวุโส​เย่​ที่​เจ้าเอ่ยถึง​เป็น​ใคร​กัน​แน่​ ? ”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงที่​มิเข้าใจ​ความหมาย​ จึงถามออกมา​เสียง​เรียบ​ “หรือว่า​ภายใน​จงหยวน​ ยังมี​ผู้​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​นี้​อีก​งั้น​หรือ​ ? ”

ได้ยิน​เช่นนั้น​ ในที่สุด​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ก็​ได้สติ​ขึ้น​มา

มือ​เขา​ยังคง​ถือ​ต้น​หญ้า​เอาไว้​ ก่อน​จะหันไป​มอง​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​

“ผู้อาวุโส​เย่​แท้จริง​แล้ว​เป็น​ผู้ใด​กัน​ ? ”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ยิ้ม​ออกมา​ จากนั้น​จึงเอ่ย​ด้วย​สีหน้า​ดูแคลน​ว่า​ “ข้า​จะบอก​ให้​เอา​บุญ​ก็แล้วกัน​”

“ข้า​ยอมรับ​ว่า​จักรพรรดิ​มาร​เช่น​เจ้าแข็งแกร่ง​มาก​จริง ๆ​ และ​เหนือ​ความคาดหมาย​ของ​พวกเรา​อีกด้วย​ แต่​พลัง​ของ​เจ้าหา​ใช่อยู่​ใน​ระดับ​ที่​ไร้​คู่ต่อสู้​ใน​โลก​ใบ​นี้​ไม่”

“ข้า​มองว่า​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​ของ​ผู้อาวุโส​เย่​ เจ้ากับ​พวกเรา​ก็​หา​ได้​แตก​ต่างกัน​ไม่ หรือ​จะเรียก​ว่า​มิได้​ต่าง​อะไร​กับ​คน​ทั่วไป​ก็​ว่า​ได้​”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงหัวเราะเยาะ​ออกมา​ทันที​

“หาก​เป็น​เช่นนั้น​จริง​ โลก​นี้​ก็​คงจะ​มิเป็น​เช่นนี้​หรอก​ หรือว่า​เจ้าเพียงแค่​อุปโลกน์​ตัวละคร​เช่นนี้​ออกมา​ เพื่อ​ต้องการ​ให้​ข้า​ยอม​รามือ​และ​ล่าถอย​ไป​กระมัง​ ? ”

ประโยค​สุดท้าย​ น้ำเสียง​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงแปร​เปลี่ยนเป็น​เย็นเฉียบ​ ขณะเดียวกัน​ก็​ระเบิด​จิต​สังหาร​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ออกมา​

นาง​มิเชื่อ​เด็ดขาด​ ว่า​โลก​ใบ​นี้​จะมีผู้​ที่​น่ากลัว​เช่นนั้น​อยู่​อีก​

การ​ที่​มนุษย์​เฒ่าผู้​นี้​เอ่ย​ออกมา​ ก็​เพื่อ​ต้อง​การขู่​ให้​นาง​กลัว​เท่านั้น​

แต่​นาง​เป็น​ถึงจักรพรรดิ​มาร​ การ​ที่​คน​ผู้​นี้​มาข่มขู่​นาง​เช่นนี้​ เท่ากับ​เป็นการ​ดูหมิ่น​ความ​น่าเกรงขาม​ของ​จักรพรรดิ​เช่น​นาง​ !

สมควร​ตาย​ !

คิดได้​เช่นนั้น​ จิต​สังหาร​ของ​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ทวี​ความรุนแรง​มากขึ้น​

“จักรพรรดิ​มาร​ ดูท่า​เจ้าจะคิด​เข้าข้าง​ตัวเอง​มากเกินไป​กระมัง​”

ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​หัวเราะ​เสียง​เรียบ​ออกมา​ พร้อม​เอ่ย​ว่า​ “เกรง​ว่าด้วย​ความเข้าใจ​ใน​วิถี​กระบี่​ของ​ข้า​ใน​ตอนนี้​ หาก​ต้องการ​จะไป​จาก​ที่นี่​ ต่อให้​เป็น​เจ้าก็​มิอาจ​ขวาง​ข้า​ได้​”

“อีก​อย่าง​ข้า​มั่นใจ​ว่า​ตอนนี้​จะสามารถ​อัญเชิญ​ทัณฑ์​สวรรค์​พิฆาต​และ​บรรลุ​เป็น​เซียน​ได้​ตลอดเวลา​ คิด​ว่า​ผลกรรม​นั้น​เจ้าคง​มิกล้า​เอา​ตัว​เข้าไป​แปดเปื้อน​ด้วย​กระมัง​ ? ”

“แน่นอน​ว่า​สิ่งสำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ ผู้​ที่​เก่งกาจ​เช่น​ผู้อาวุโส​เย่​ หา​ใช่ผู้​ที่​เจ้าจะดูหมิ่น​ได้​”

เอ่ย​เพียง​เท่านั้น​ ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ก็​โยน​ต้น​หญ้า​ใน​มือ​ออก​ไป​ใน​อากาศ​

เวลานี้​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​เอง​ก็​มิได้​ประมาท​แต่อย่างใด​

เขา​เพ่ง​สมาธิ ก่อนที่​พลัง​ปราณ​รอบกาย​จะพลุ่งพล่าน​ จิต​กระบี่​มหาศาล​ปะทุ​ออกมา​

จากนั้น​ก็​เกิด​การ​สั่นสะเทือน​ขึ้น​ใน​อากาศ​ มีไอ​พลัง​วิถี​กระบี่​หมุน​วน​ขึ้น​รอบกาย​

หลังจาก​เขา​สะบัด​แขน​เสื้อ​ ไอ​กระบี่​มากมาย​ที่​เต็มไปด้วย​ไอ​พลัง​วิถี​กระบี่​ก็​พวยพุ่ง​ออก​ไป​ราวกับ​ฝูงตั๊กแตน​ก็​มิปาน​

…………………………………

ขณะที่​จักรพรรดิ​มาร​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเปิดศึก​ครั้ง​ใหญ่​กับ​ซือ​ถูเจิ้น​ผิง​ผู้นำ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​ ผู้​ที่​เพิ่งจะ​เลื่อนขั้น​บน​วิถี​กระบี่​นั้น​

ขณะเดียวกัน​ วัน​เดียว​กับ​ที่​แดน​เหนือ​ของ​จงหยวน​เปิดศึก​กับ​ฝ่าย​มาร​

พลบค่ำ​ของ​วันนั้น​

ณ แดน​ใต้​ของ​จงหยวน​

ขณะที่​เหล่า​ผู้นำ​ของ​ลัทธิ​เต๋า​คิด​ว่า​ปีศาจ​จาก​เทือกเขา​แดน​ใต้​จะยัง​มิบุก​เข้า​โจมตี​นั้น​ พวกเขา​จึงชะล่าใจ​เพียงแค่​วาง​การป้องกัน​เอาไว้​เท่านั้น​

“โฮก​ ! ”

จู่ ๆ เสียงคำราม​เสียง​หนึ่ง​ก็​ดัง​กึกก้อง​ขึ้น​มาจาก​ทางทิศใต้​

มินาน​ศิษย์​ลัทธิ​เต๋า​ผู้​ที่​ประจำการ​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ ก็​พบ​ว่า​มีบัดนี้​ได้​มีเหตุการณ์​อัน​น่า​ตกตะลึง​เกิดขึ้น​แล้ว​

เมื่อ​มีมังกร​สีดำ​ยาว​ถึงร้อย​จั้งตัว​หนึ่ง​ทะยาน​เข้ามา​ ส่วน​ด้านหลัง​ก็​มีนก​ป่า​นา​ ๆ ชนิด​จน​นับ​มิถ้วน​บิน​ตามมา​ติด ๆ​

แทบจะ​เรียก​ได้​ว่า​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ท้องฟ้า​ก็​ว่า​ได้​

มิหนำซ้ำ​บน​พื้นดิน​อัน​กว้างใหญ่​

บัดนี้​ได้​มีผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​ปีศาจ​มากมาย​ที่อยู่​ใน​ร่าง​เดิม​ ได้​แผ่​ไอ​ปีศาจ​อัน​รุนแรง​และ​ไอ​สังหาร​จำนวนมาก​พวยพุ่ง​มาจาก​แดน​ใต้​ ราวกับ​ภูเขา​ลูก​ใหญ่​หลาย​ร้อย​ลูก​กำลัง​เคลื่อนที่​

แค่​คิดดู​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ภาพ​น่ากลัว​เช่นนี้​ จะทำให้​ผู้คน​ตื่นตระหนก​มาก​เพียงใด​

หลังจาก​ได้สติ​ เหล่า​ศิษย์​ลัทธิ​เต๋า​ที่​ประจำการ​อยู่​บน​กำแพง​ ต่าง​ก็​ตะโกน​ออกมา​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ราวกับ​คน​คลุ้มคลั่ง​

“รีบ​เคาะ​ระฆัง​เตือน​เร็ว​เข้า​ เผ่า​ปีศาจ​เทือกเขา​แดน​ใต้​บุก​เข้ามา​แล้ว​ ! ”

“รีบ​เคาะ​ระฆัง​เตือน​เร็ว​เข้า​ เผ่า​ปีศาจ​เทือกเขา​แดน​ใต้​บุก​เข้ามา​แล้ว​ ! ”

“รีบ​เคาะ​ระฆัง​เตือน​เร็ว​เข้า​ เผ่า​ปีศาจ​เทือกเขา​แดน​ใต้​บุก​เข้ามา​แล้ว​ ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน