ตอนที่ 302 แดนใต้เปิดศึก
“เป๊ง ! ”
“เป๊ง ! ”
“เป๊ง ! ”
ขณะที่ปีศาจเทือกเขาแดนใต้กำลังจะบุกเข้าโจมตี
ศิษย์ลัทธิเต๋าที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองก็ปล่อยพลังปราณ กระหน่ำตีระฆังสัมฤทธิ์โบราณสามใบ ที่แขวนอยู่บนกำแพงเมืองอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้น เสียงระฆังดังสนั่นหวั่นไหวไกลเข้าไปถึงภายในเมืองทันที
ผ่านไปมิกีอึดใจ
เหล่าผู้นำลัทธิเต๋าก็มาปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงเมืองก่อนเป็นกลุ่มแรก
“พวกเราประเมินความทะเยอทะยานของเผ่าปีศาจต่ำเกินไปแล้ว”
นักพรตไท่หัวแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กู่หัวขมวดคิ้วพลางมองออกไป ด้วยท่าทางเคร่งเครียดอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน “นับตั้งแต่ศึกในสมัยบรรพกาลครานั้น เผ่าปีศาจกับลัทธิเต๋าของเราต่างก็มีข้อตกลงร่วมกัน และปีศาจเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ก็แทบจะมิมีผู้ใดกล้าบุกเข้ามาจงหยวน”
“บัดนี้เพราะฝ่ายมารเปิดศึกกับแดนเหนือ ทำให้ปีศาจเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ฉวยโอกาสบุกเข้ามาโจมตี เช่นนี้แสดงว่าพวกมันวางแผนที่จะบุกจงหยวนมานานแล้ว ! ”
สิ้นเสียง
“พี่ไท่หัว ตอนนี้มิใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องความทะเยอทะยานของพวกปีศาจนะ”
เจ้าสำนักต้าหลัว หลัวชุนเฟิง มีสีหน้าเข้ม พร้อมเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน “แดนใต้มิเหมือนกับแดนเหนือ บนกำแพงของแดนใต้หาได้มีค่ายกลสังหารและค่ายกลป้องกันที่บรรพบุรุษสมัยบรรพกาลทิ้งเอาไว้ไม่”
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ปีศาจเผ่าต่าง ๆ จากเทือกเขาแดนใต้คงจะพากันบุกมาแทบทั้งหมด พวกเราต้องเตรียมพร้อมรับมือนะ ! ”
เจ้าสำนักหยินหยาง ต้วนฉางเต๋อ จ้องไปยังมังกรดำยาวร้อยจั้งที่อยู่บนท้องฟ้าตัวนั้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “บัดซบ หนอนสีดำตัวนั้นแข็งแกร่งมิน้อยเลย คาดว่ามันคงก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิไปแล้วครึ่งก้าว”
“ห๊ะ ! ”
ทันทีที่ต้วนฉางเต๋อเอ่ยออกมา
เหล่าผู้นำทั้งหลายของลัทธิเต๋าต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เพราะแผนเดิมที่วางเอาไว้นั้น เนื่องจากแดนเหนือได้มีจักรพรรดิมารบุกเข้ามา ทำให้ผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลผู้พิทักษ์โบราณทั้งหมดต่างต้องรีบไปที่แดนเหนือก่อน เพื่อต้านจักรพรรดิมารเอาไว้
แต่บัดนี้ปีศาจจากเทือกเขาแดนใต้ กลับมีปีศาจระดับจักรพรรดิอยู่ด้วย
มิใช่ !
พูดให้ถูกก็คือ ปีศาจเทือกเขาแดนใต้ในตอนนี้ ได้มีผู้แข็งแกร่งที่ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิแล้วถึง 5 ตน !
นอกจากมังกรดำที่มีร่างยาวนับร้อยจั้งและมีไอปีศาจรุนแรงตัวนั้นแล้ว
ยังมีอินทรีเพลิงที่มีเปลวเพลิงสีแดงลุกโชนไปทั่วทั้งร่าง ราวกับมีสายเลือดของสัตว์เทพจูเชวี่ย
นอกจากนี้ยังมีนกยูงหลากสีสันและพยัคฆ์ขาวที่มีไอพลังชั่วร้าย รวมถึงเต่าภูเขาที่ตัวใหญ่มหึมาอีกหนึ่งตน
มิหนำซ้ำบนกระดองของเต่าภูเขาตัวนี้ยังเต็มไปด้วยลวดลายโบราณอันซับซ้อนที่ส่องประกายระยิบระยับออกมา
ขณะเดียวกันยังปกคลุมเอาไว้ด้วยไอพลังของค่ายกลสังหารอันน่าสะพรึงกลัวชนิดหนึ่งอีกด้วย
เมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังของผู้ที่ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิปีศาจทั้งห้าตนแล้ว เหล่าผู้นำลัทธิเต๋าที่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่บนกำแพง ก็มีสีหน้าตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
ประมุขเฒ่าของนิกายกระดูกเหล็กลอบกลืนน้ำลาย ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจว่า
“ทุกท่านข้าคิดว่า ต่อให้พวกเราที่เป็นผู้นำ รวมทั้งศิษย์ของสำนักน้อยใหญ่ทั้งหมดจะสู้จนตัวตายอยู่ตรงนี่ เกรงว่าก็มิอาจจะขวางเหล่าปีศาจจากเผ่าต่าง ๆ ให้เข้าสู่จงหยวนได้ ! ”
สิ้นเสียงมินาน ก็มีหลายคนต่างเอ่ยสนับสนุนขึ้น
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น อาศัยเพียงพลังของพวกเราคงมิอาจสามารถขวางผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจจอมละโมบเหล่านี้ได้เป็นแน่”
“คนแก่อย่างพวกเราต่อให้ต้องสู้ตายอยู่ที่นี่ก็มิเป็นไร แต่ศิษย์ลัทธิเต๋าอีกนับแสนคนที่อยู่ด้านหลัง และเป็นความหวังในภายภาคหน้าของลัทธิเต๋าเรานั้น การให้ความหวังของพวกเราต้องจบสิ้นลงที่นี่ เป็นสิ่งที่มิฉลาดเอาเสียเลย ! ”
“ข้าคิดว่ามิสู้พวกเราปล่อยให้เหล่าปีศาจข้ามพรมแดนเข้าไปจงหยวนเสียก่อน จากนั้นพวกเราก็กลับไปยังสำนัก และวางแผนหาชัยภูมิที่ดีใช้ค่ายกลปกป้องของแต่ละสำนักต้านทานผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจเผ่าอีกทีจึงจะถูก”
“เจ้าสำนักต้าหลัว เจ้าสำนักกู่หัว ลัทธิเต๋าในตอนนี้มิได้เจริญรุ่งเรืองดังเช่นสมัยบรรพกาลแล้ว พวกเราต้องคิดถึงผลในระยะยาว มิเช่นนั้นโลกใบนี้คงก็จะไร้ซึ่งสำนักเต๋าอีกเป็นแน่ ! ”
นักพรตไท่หัวและหลัวชุนเฟิงที่กำลังถูกหลาย ๆ คนเกลี้ยกล่อมอยู่นั้น กลับมิมีทีท่าแยแสแต่อย่างใด เพียงแค่มองตรงไปยังกองทัพปีศาจด้วยสายตาแน่วแน่เท่านั้น
เจ้าสำนักหยินหยางที่อยู่ข้าง ๆ แม้จะเกิดความคิดที่จะถอย แต่ด้วยดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยางนั้นเป็นหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของลัทธิเต๋าแห่งจงหยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน