ตอนที่ 309 มิใช่ระดับจักรพรรดิ ก็เป็นเพียงมดปลวก
เทพหลิวเอ่ยออกมาทีละคำอย่างช้า ๆ
ทว่าน้ำเสียงอันเย็นเฉียบกลับแฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว
เพราะเมื่อนานมาแล้ว การที่นางถูกเหล่าสิ่งมีชีวิตโบราณมากมายในแดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิตแห่งนั้นขนานนามว่า ‘เทพหลิว’ นั้น เป็นเพราะนางได้เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตโบราณไปมากมาย ด้วยความเด็ดขาดและเลือดเย็น
เช่นนั้นในส่วนลึกของแดนต้องห้ามแห่งนั้น
พื้นที่ที่นางครอบครอง จึงถูกขนานนามว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามของดินแดนดังกล่าว
เพียงแค่ก้าวเข้ามาไปในพื้นที่ของนาง สิ่งมีชีวิตโบราณใด ๆ ล้วนยากที่จะมีชีวิตรอดออกไปได้อีก
ทว่าเมื่อห้าปีก่อน
เผ่าพยัคฆ์ดำกล้าขัดขวางราชันทมิฬในการเข้าไปหาหินหุนหยวนให้นายท่าน
และขณะที่นางจะลงมือสังหารเผ่าพยัคฆ์ดำนั้น ชิวหลงผู้นี้กลับกล้ายื่นมือเข้ามาขวางเอาไว้
หากมิใช่เพราะตอนนั้นนางกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น เกรงว่าคงบุกไปเทือกเขาแดนใต้แล้ว
วันนี้นายท่านให้พวกนางมาแจ้งแก่ปีศาจเผ่าต่าง ๆ ว่าให้ถอยกลับไปยังเทือกเขาแดนใต้เสีย
เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็จะสังหารชิวหลงต่อหน้าปีศาจเผ่าต่าง ๆ และทำลายเผ่าพยัคฆ์ดำเสีย เพื่อเป็นการเขย่าขวัญปีศาจเผ่าอื่น ๆ ที่เหลือมิให้เหิมเกริมอีก
สิ้นเสียงรอบกายเทพหลิวก็เกิดแสงสีเขียวระยิบระยับเปล่งประกายออกมา พลังปราณมหาศาลปะทุขึ้น
ขณะเดียวกันห้วงอากาศรอบ ๆ ตัวของนางก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น ไอพลังปั่นป่วนและพลุ่งพล่าน จากนั้นต้นไม้เทพที่ปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์โบราณมากมายต้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงไอพลังอันแข็งแกร่ง รวมทั้งจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ที่แผ่ออกมาจากร่างของเทพหลิว
เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจที่อยู่ทางด้านล่าง ต่างก็มีสีหน้าซีดเผือดลง เหงื่อกาฬเย็นเยียบไหลออกมาจนชุ่ม ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
‘น่ากลัว ! ’
‘สตรีอาภรณ์สีเขียวผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ เพียงแค่ไอพลังก็แข็งแก่งถึงเพียงนี้’
ขณะเดียวกัน พวกชิวหลงต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ผู้อาวุโส มิทราบว่าท่านกับข้า เราเคยมีเรื่องบาดหมางกันเมื่อใดหรือขอรับ ? ”
ชิวหลงจ้องไปยังเทพหลิว พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลางเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
สิ้นเสียงชิวหลงก็อดมิได้ที่จะชำเลืองไปยังราชันทมิฬ ที่ถอยไปอยู่ทางด้านหลังของเทพหลิว พลางฉีกยิ้มออกมาน้อย ๆ พร้อมดวงตาที่เปล่งประกายแฝงเลศนัยบางอย่างออกมา
‘อ๊ะ ! ’
‘ใช่แล้ว ! ’
‘เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่ราชันทมิฬและเผ่าพยัคฆ์ดำมีเรื่องผิดใจกัน’
‘มิใช่สิ ! ’
‘ตอนนั้นเพื่อแก้ไขความบาดหมาง’
‘เผ่าพยัคฆ์ดำหาหินหุนหยวนได้มิครบ ข้ายังได้นำหินหุนหยวนที่สะสมมานาน มอบให้กับเผ่าพยัคฆ์ดำไปทั้งหมดอีกด้วย’
‘หรือว่า ! ’
‘หรือว่าเจ้าราชันทมิฬนั่น มิได้คิดที่จะแก้ไขความบาดหมางนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว’
‘ต้องเป็นเช่นนั้นแน่’
‘มิเช่นนั้นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิท่านนี้ จะมาชำระความกับข้าได้เยี่ยงไรกัน ? ’
‘อีกอย่างการที่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิท่านนี้ เลือกที่จะชำระความกับข้าในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการใช้ข้าเขย่าขวัญเหล่าปีศาจ’
‘มิยุติธรรม ! ’
‘ช่างมิยุติธรรมเอาเสียเลย ! ’
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าชราของชิวหลงพลันฉาบไปด้วยความดุร้าย ดวงตาเย็นเยียบจ้องเขม็งไปยังราชันทมิฬ ที่ดูจะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
เขามิคิดเลยว่า
ตาเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มานานเช่นตน จะมาถูกเด็กคนหนึ่งหลอกเอาได้
“ราชันทมิฬ คิดมิถึงว่าเจ้า…”
ชิวหลงมุมปากกระตุกขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปที่หน้าของราชันทมิฬ
ราชันทมิฬมิมีทีท่ายี่หระใด ๆ ยิ้มออกมา “ตาเฒ่า ข้ามิชอบเจ้ามาตั้งนานแล้ว หากมิใช่เพราะพลังของข้ายังมิแก่กล้าพอล่ะก็ ข้าคงขุดสุสานตระกูลเจ้าไปนานแล้ว ! ”
ได้ยินเช่นนั้น ขมับของชิวหลงก็มีเส้นเลือดปูดโปนจนเต้นตุบ ๆ ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับจ้องเขม็งด้วยความเคียดแค้น “ราชันทมิฬ หากครานี้ข้ารอดไปได้ คราหน้าที่พบกัน ข้าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย คอยดูเถอะ ! ”
“ตาเฒ่า ข้าเสียใจด้วยนะ เพราะเกรงว่าเจ้าคงจะมิมีคราหน้าแล้วล่ะ”
ราชันทมิฬแลบลิ้นสีแดงสดออกมา พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มยั่วโมโห “และข้าจะบอกเจ้าเอาบุญไว้อีกอย่างว่า หลังจากที่พี่ต้นไม้สังหารเจ้าแล้ว ข้าจะนำร่างเดิมของเจ้ากลับไป ให้นายท่านลองชิมด้วยนะ”
“พรวด ! ”
สิ้นเสียงร่างกายกำยำของชิวหลงก็สั่นเทาอย่างรุนแรง จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาทันที
ตอนนั้นเอง
“ราชันทมิฬ พอได้แล้ว”
เทพหลิวเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ก่อนจะเพ่งสมาธิ
กิ่งหลิวที่ราวกับหลอมมาจากทองคำ และปกคลุมไปด้วยแสงอันเจิดจ้ากิ่งหนึ่ง ก็พุ่งออกมาจากกลางอากาศด้านหลังของนาง จากนั้นก็พุ่งลงด้านล่างในพริบตา
ทันใดนั้น ทุกที่ที่กิ่งหลิวพาดผ่านจะเกิดรอยแยกขึ้น พลังฟ้าดินเกิดโกลาหลราวกับพายุแห่งการทำลายล้างก็มิปาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน