เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 313

ตอนที่ 313 ข้าเป็นคนปล่อยนางออกมาเอง

ทันใดนั้น หลังจากที่ทั้งสองสบสายตากัน เย่ฉางชิงก็นิ่งงันไปทันที

‘เฮ้อ ! ’

‘ตอนนี้จะทำเช่นไรดี ? ’

‘พวกเสี่ยวหลิวก็ยังมิกลับมา’

‘เวลานี้จะให้ข้าที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรน้องใหม่ซึ่งมีตบะบารมีแค่ระดับรวบรวมชีพจรขั้นกลาง ไปเจรจากับกองทัพมารนับแสนคงมิได้กระมัง ? ’

‘จริงสิ ! ’

‘ข้ามีเจดีย์เสวียนหวงคุ้มภัยอยู่ ปทุมสูติที่สามารถขี่ไปไหนมาไหนได้ และยังมีสมบัติของศาสนาพุทธอย่างวัชระปราบมารด้วย’

‘หากวันนี้พวกเสี่ยวหลิวกลับมามิทัน แล้วเจ้าสำนักไท่เสวียนท่านนี้ขอร้องมิเลิก’

‘และถ่วงเวลาเอาไว้มิได้แล้ว’

‘อย่างมากข้าก็แค่เสี่ยงไปเจอกับกองทัพมารนับแสนสักคราก็เท่านั้นเอง’

‘หากสมบัติของศาสนาพุทธอย่างวัชระปราบมารมิสามารถสำแดงอิทธิฤทธิ์อันเหนือชั้น ขู่ให้กองทัพมารถอยทัพได้ ก็สามารถอาศัยเจดีย์เสวียนหวงและปทุมสูติหนีกลับมาก็ได้นี่นา’

‘เฮ้อ ! ’

‘การถูกผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงเหล่านี้เข้าใจผิด บางทีก็มิใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ ! ’

คิดถึงตรงนี้ เย่ฉางชิงก็พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา พยายามทำให้ดูสงบนิ่งเข้าไว้

“ท่านเหอ มิได้พบกันเสียนาน”

เย่ฉางชิงโบกไม้โบกมือให้กับนักพรตฉางเสวียน ก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างมิรีบร้อน

เวลานี้แม้นักพรตฉางเสวียนจะรู้สึกมิพอใจท่านบรรพจารย์เย่ท่านนี้มากเพียงใด แต่ก็ต้องจนใจ ในเมื่อเขาเป็นเพียงแค่ผู้น้อยคนหนึ่งเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานเช่นท่านบรรพจารย์เย่ การกระทำของเขาไหนเลยที่ผู้น้อยคนหนึ่งจะสามารถตั้งคำถามได้ ?

หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง นักพรตฉางเสวียนก็ฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมา พลางโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิง

“เหอฉางเสวียนคาราวะท่านบรรพจารย์เย่”

‘ท่านบรรพจารย์เย่ ? ’

‘วันนี้ทำไมเจ้าสำนักไท่เสวียนท่านนี้ถึงดูเป็นทางการเช่นนี้เล่า’

‘อีกอย่างเรียกเขาเช่นนี้ต่อหน้าตู๋กูชิงเฟิงได้เยี่ยงไรกัน ? ’

‘อยากจะให้ข้าเป็นโสดไปจนตายเลยหรือเยี่ยงไร ! ’

‘หากข้าเป็นท่านบรรพจารย์เย่ที่พวกเจ้าเอ่ยถึงท่านนั้นจริง ๆ ล่ะก็ วันนี้คงต้องเรียกเจ้ามาปรับทัศนคติสักหน่อยแล้ว’

มินาน เขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าของนักพรตฉางเสวียน

เย่ฉางชิงลอบพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้แก่ตู๋กูชิงเฟิง ก่อนจะหันกลับมามองนักพรตฉางเสวียที่มีท่าทางเคารพนอบน้อม

“มาตั้งแต่เมื่อใดงั้นหรือ ? ”

เย่ฉางชิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเรียบ ๆ

“เมื่อครู่นี้ขอรับ”

นักพรตฉางเสวียนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยตอบ

เย่ฉางชิงยิ้มออกมา แล้วจึงเอ่ยเชื้อเชิญว่า “ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปคุยกันด้านในเถอะ”

สิ้นเสียงเย่ฉางชิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยดื่มสุรากับเจ้าสำนักไท่เสวียนท่านนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

อีกฝ่ายคออ่อนกว่าเขามาก

ถ้าเช่นนั้นก็เกลี้ยกล่อมให้เขาดื่มสุรา เพื่อถ่วงเวลารอพวกเสี่ยวหลิวกลับมาก็พอ

รอจนเมื่อพวกนางกลับมาแล้ว ก็ค่อยสั่งให้พวกนางไปจัดการกับกองทัพมารอีกที

เยี่ยงไรเสียในโลกบำเพ็ญเพียรแห่งนี้ ผู้ที่สามารถพร้อมเป็นเซียนได้ตลอดเวลา ย่อมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว

คิดได้เช่นนั้นแล้ว เย่ฉางชิงก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “อีกอย่างพวกเราสองคนก็มิได้พบกันมาพักใหญ่แล้ว เจ้ามาดื่มเป็นเพื่อนข้าสักจอกเถอะ”

นักพรตฉางเสวียนใคร่ครวญอยู่สักพัก ก่อนจะประสานมือคาราวะอีกครั้ง “เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้วขอรับ”

ตอนนั้นเอง ตู๋กูชิงเฟิงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า “ฉางชิง ข้าต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย คาดว่าคงจะกลับมาตอนดึก ๆ”

เย่ฉางชิงหันไปมองตู๋กูชิงเฟิง แล้วพยักหน้าให้ “ระวังตัวด้วยล่ะ”

ตู๋กูชิงเฟิงพยักหน้ารับ ก่อนจะปรายตามองนักพรตฉางเสวียน แล้วหมุนตัวจากไป

จากนั้นทั้งสองก็มานั่งเผชิญหน้ากันอยู่ในลานเล็ก ๆ

ตอนนั้นเอง ระหว่างที่เย่ฉางชิงกำลังจะเอ่ยปาก

นักพรตฉางเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่น พลางเอ่ยคำถามที่น่าตกใจออกมาเสียก่อน “ท่านบรรพจารย์เย่ ท่านทราบหรือไม่ว่าสตรีเมื่อครู่คือจักรพรรดิมารขอรับ ? ”

‘จักรพรรดิมาร ? ’

ขณะที่เย่ฉางชิงเตรียมจะนำสุราที่ตนเองหมักไว้มาแนะนำกับเจ้าสำนักไท่เสวียน เพื่อเป็นการเลี่ยงหัวข้อสนทนา เรื่องสงครามระหว่างเต๋าและมารนั้น

วินาทีต่อมาภายในใจของเขากลับมึนงงไปหมด เพียงพริบตาก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน