ตอนที่ 328 ผู้ไร้เทียมทานในความฝัน
มินาน เมื่อร่างสีทองตัวจิ๋วที่นั่งอยู่บนดอกบัว หายเข้าสู่หน้าผากตรงระหว่างคิ้วไปเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้น เย่ฉางชิงที่ยังคงหลับสนิทอยู่ก็เกิดสั่นเทาขึ้นมา รู้สึกราวกับมีลมลึกลับพัดผ่าน ทว่าให้ความรู้สึกเบาสบายไหลเวียนไปทั่วร่าง
ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับตัวเองแช่กายอยู่ในน้ำอุ่น และอาบแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ จนรู้สึกเบาสบายไปทั่วทั้งร่าง
ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนนั้น เหมือนกับกำลังเกิดการพัฒนาขึ้นจนถึงขีดสุด
ทว่าเมื่อเขาต้องการที่จะลืมตาตื่นขึ้นมา เพื่อทดสอบว่าร่างของตนนั้นมีการพัฒนาขึ้นจริงหรือไม่นั้น
เขารู้สึกราวกับถูกพลังลึกลับบางอย่างสะกดเอาไว้ ทำให้มิว่าจะพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาเยี่ยงไร ก็มิสามารถที่จะตื่นขึ้นมาได้
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ’
‘หรือว่าเป็นเพียงความฝันงั้นหรือ ? ’
‘อืม ! ’
‘คงเป็นเพียงความฝันเท่านั้น’
จากนั้นสติของเย่ฉางชิงก็ค่อย ๆ เลือนลางลง
นับตั้งแต่เขาทะลุมิติมายังโลกบำเพ็ญเพียรแห่งนี้ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขานอนหลับแล้วฝันเช่นนี้
ทว่าเมื่อความฝันของเย่ฉางชิงเริ่มขึ้นนั้น
จู่ ๆ หว่างคิ้วของเขาก็มีประกายบางอย่างแวบขึ้นมา
มินานตราลึกลับและซับซ้อนตราหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
ในตอนนั้นเอง ภาพอันน่าพิศวงก็เกิดขึ้น
เมื่อจู่ ๆ วิญญาณของเย่ฉางชิงได้หลุดออกจากร่าง และลุกขึ้นนั่งทั้ง ๆ ที่ร่างจริงของเขายังคงนอนอยู่ ก่อนดวงตาเรียวยาวคู่นั้นจะลืมขึ้น
เมื่อเขาลงจากเตียง แล้วหันกลับไปเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยที่นอนอยู่นั้น มุมปากพลันโค้งขึ้นอย่างเลี่ยงมิได้
“นี่มันอะไรกัน วิญญาณหลุดออกจากร่างในตำนานงั้นหรือ ? ”
ร่างที่ยืนอยู่ข้างเตียงยิ้มเยาะตัวเองออกมา “ตบะบารมีของข้ายังอยู่ในระดับรวมชีพจรขั้นกลางเท่านั้น อิทธิฤทธิ์เช่นนี้เกรงว่าคงมีเพียงในความฝันเท่านั้นจึงสามารถทำได้กระมัง ? ”
“แต่ช่างเถอะ นับตั้งแต่มายังโลกบำเพ็ญเพียรใบนี้ ก็หมกตัวอยู่แค่ในเมืองเสี่ยวฉือที่ห่างไกลแห่งนี้ มิหนำซ้ำที่ผ่านมายังไม่เคยฝันเช่นนี้เลยสักครา”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะสำแดงอิทธิฤทธิ์ เป็นผู้ไร้เทียมทานในฝันดูสักคราก็แล้วกัน”
“อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ท่านเทพฉางชิงอะไรนั่นยังพูดจาเหน็บแหนมให้ข้าไปฝันดู ในความฝันทุกอย่างล้วนเป็นจริงได้ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะทำตามที่เจ้าบอกก็แล้วกัน”
คิดได้เช่นนั้น เย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิ จากนั้นร่างก็หายวับไปทันที ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ลานด้านนอก
ทว่าลานแห่งนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ต้นไม้ใบหญ้าต่าง ๆ ภายในลาน ล้วนมีสีสันสว่างสดใสและงดงามไร้ที่เปรียบ
โดยเฉพาะพิณโบราณและกระดานหมากล้อม มิเพียงโดยรอบจะมีไอหลากสีสันลอยวนแล้ว
ยังมีสัญลักษณ์มากมายล่องลอยระยิบระยับราวกับดวงดาว ดูเหมือนอาวุธเทพในตำนานก็มิปาน
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“สมกับที่เป็นความฝันจริง ๆ คิดมิถึงว่าลานเล็ก ๆ ที่ดูธรรมดาแห่งนี้ จะสวยงามและลึกลับน่าค้นหาขึ้นเช่นนี้”
ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของเย่ฉางชิงมีสีหน้าสับสน ก่อนเขาส่ายหน้าพร้อมยิ้มออกมา “น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่ความฝัน หากทุกสิ่งล้วนเป็นความจริง ลานเล็ก ๆ แห่งนี้คงเปรียบได้กับแดนสวรรค์ที่แท้จริงกระมัง ? ”
สิ้นเสียงเย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิอีกครั้ง รอบกายพลันเกิดคลื่นแสงเป็นระลอกขึ้น
ขณะเดียวกันก็มีหมอกไหลวน หมอกแสงแผ่ออกมา ห้วงอากาศที่ว่างเปล่าทางด้านหลังเกิดการสั่นสะเทือน ก่อนจะมีพลังอันรุนแรงปะทุออกมา
มินานก็มีวงแสงสว่างโชติช่วงมากมายลอยขึ้นมาจากพลังอันปั่นป่วนนั้น
วินาทีนี้ เย่ฉางชิงนั้นดูราวกับเซียนผู้ไร้เทียมทานไปแล้วจริง ๆ
โดยเฉพาะความน่าเกรงขามที่แผ่รัศมีออกมา มองแค่แวบเดียวก็ทำให้คนขนลุกชันขึ้นมาได้แล้ว
เย่ฉางชิงก้มลงสำรวจอาภรณ์ของตัวเองคร่าว ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “แม้จะเป็นความฝัน แต่นี่ต่างหากคือสิ่งที่ยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานควรมีมิใช่หรือ ? ”
ในตอนนั้นเอง พวกตู๋กูชิงเฟิงเหมือนกับสัมผัสได้ถึงไอพลังอันน่ากลัวบางอย่าง จึงได้รีบออกมาจากห้องของตัวเองทันที
ขณะเดียวกัน แม้แต่ราชันทมิฬเองก็ยังมุดออกมาจากในห้องครัวด้วยความระมัดระวัง
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นเย่ฉางชิงที่ยืนอยู่กลางลาน รอบกายปกคลุมไว้ด้วยนิมิตอันน่าสะพรึงกลัวในเวลานี้
ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งและอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่คือตบะบารมีที่แท้จริงของนายท่านเช่นนั้นหรือ ? ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน