มินานเย่ฉางชิงและตู๋กูชิงเฟิงก็มาถึงหน้าประตูเมืองทางทิศเหนือ
ทว่าเมื่อองครักษ์ที่เฝ้ าประตูเมืองกาลังจะซักถามนั้น
จู่ ๆ องครักษ์สวมชุดเกราะสองคน พลันมีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทาง เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านเทพ… ท่านเทพฉางชิง ! ”
องครักษ์ทั้งสองคุกเข่าลงกับพื้นทันที พลางตะโกนออกมาด้วย เสียงที่สั่นเทา
สิ้นเสียง ผู้คนที่กาลังสัญจรผ่านเข้าออกประตูเมืองอยู่ ต่างก็ สะดุ้งไปตาม ๆ กัน พร ้อมกับหันไปมองเย่ฉางชิงในทันที
“ท่านเทพฉางชิง ? ”
“อ๊ะ เป็ นท่านเทพฉางชิงจริง ๆ ด้วย หน้าตาท่าทางเช่นนี้มิผิดแน่ นี่คือท่านเทพฉางชิง”
“คิดมิถึง… ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นท่านเทพฉางชิงด้วยตา ตนเองเช่นนี้ ! ”
“ผ่านมาหลายปี ในที่สุดท่านเทพฉางชิงก็ได้ปรากฏตัวที่เมือง หลวงของเราอีกคราแล้ว ! ”
จากหนึ่งเป็ นสิบ จากสิบเป็ นร ้อย จากร ้อยเป็ นพัน…
เวลามิถึงหนึ่งก้านธูป
นอกประตูทางทิศเหนือของเมืองหลวงแคว้นต้าเยี่ยน บัดนี้ได้มีผู้ เลื่อมใสศรัทธาต่างคุกเข่าอยู่เต็มไปหมด
มิเพียงแต่ประตูเมืองทางเหนือจะแออัดเป็ นอย่างมากแล้ว ทว่า เวลานี้บนถนนหลายสายที่ทอดยาวจากประตูเมืองก็เริ่มแออัดเช่นกัน
ผู้เลื่อมใสศรัทธามากมาย แม้มิเคยเห็นตัวจริงของท่านเทพฉาง ชิงมาก่อน ก็ยังพากันคุกเข่าลงกับพื้นโดยมิได้ลังเลใด ๆ
อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ยังได้ขยายวงกว้างมากขึ้น เรื่อย ๆ
เริ่มจากประตูเมืองทางเหนือของเมืองหลวง
ก่อนจะกระจายออกไปยังถนนหลายสาย
สุดท้ายก็ลามไปทั่วทั้งเมืองหลวง
มิว่าจะเป็ นชาวบ้านร ้านตลาด ไปจนถึงขุนนางชนชั้นสูง ผู้ ศรัทธาทั้งหมดล้วนคุกเข่าลงกับพื้นแทบทั้งสิ้น
เพราะนับตั้งแต่เย่ฉางชิงไปจากเมืองหลวง
ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าเยี่ยน เยี่ยนหยางเหนียน ก็ได้ออกราช โองการ มิเพียงให้สร ้างรูปปั้นของท่านเทพฉางชิงเพิ่มขึ้นอีกในเมือง หลวงเท่านั้น ทว่าหัวเมืองน้อยใหญ่รอบเมืองหลวงเองก็ได้มีราช โองการให้สร ้างอารามฉางชิงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
อีกทั้งจางเฉินปรมาจารย์วิถีปรัชญา ผู้เข้าสู่เต๋าด้วยวิถีปรัชญา ก็ยังได้เขียนตาราเพื่อท่านเทพฉางชิงด้วยตัวเอง และได้มีการ เผยแพร่ไปทั่วอีกด้วย
แต่ส าคัญที่สุดก็คือ คากล่าวที่ท่านเทพฉางชิงเคยพูดเอาไว้ ที่ ด้านล่างเขาตะวันออก ส่วนใหญ่ล้วนเป็ นจริงทั้งสิ้น
เช่นนั้น ในระยะเวลาเพียงห้าปี
ภายในแคว้นต้าเยี่ยน
ท่านเทพฉางชิงผู้ลงมาท่องโลกมนุษย์ท่านนี้ เรียกว่าได้รับความ เลื่อมใสศรัทธาเป็ นอย่างมาก
บัดนี้มิเพียงแต่เฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น ทว่าทั่วทั้งแคว้น ต้าเยี่ยน ผู้คนล้วนเป็ นสาวกของท่านเทพฉางชิงแทบทั้งสิ้น
ตอนนั้นเอง เมื่อเห็นภาพอันตระการตาตรงหน้า รวมทั้งเสียงที่ดัง กึกก้องไปทั่ว
ทาให้พลังลึกลับที่บริสุทธิ์ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้จานวน มหาศาล ก็ไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของเย่ฉางชิง และช่วยบ ารุงกาย เนื้อรวมถึงจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาอย่างมิหยุดหย่อน
แต่ใบหน้าของเย่ฉางชิงก็ยังคงเรียบนิ่ง และลอบขมวดคิ้วขึ้น เล็กน้อยเท่านั้น
ใช่แล้ว !
จุดประสงค์ที่เขามาในครั้งนี้ก็มิมีอะไรมาก เขาแค่ต้องการมาพบ ท่านเทพฉางชิงก็เท่านั้น
เพราะหลังจากที่เขาหลุดเข้ามาในความฝัน
เย่ฉางชิงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงพลังลึกลับที่บางเบาที่ไหลมา จากทุกทิศทุกทาง และช่วยบารุงกายเนื้อรวมถึงจิตวิญญาณดั้งเดิม ของเขาได้เป็ นอย่างดี
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่เมืองศิลาสวรรค์
ขณะที่ผู้ศรัทธามากมายตะโกนเรียกขานนามของท่านเทพฉาง ชิง เขาก็รับรู ้ได้ถึงพลังลึกลับที่ไหลออกมาจากร่างของผู้ที่ศรัทธา ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา
ตอนนั้นเองเขาจึงเริ่มเอะใจขึ้นมา หรือว่าแท้จริงแล้วเขาก็คือ ท่านเทพฉางชิงอะไรนั่นจริง ๆ ?
และเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเมืองหลวงแคว้น ต้าเยี่ยน
และที่สาคัญก็คือเย่ฉางชิงยังได้พบกับผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านเทพ ฉางชิงครั้งแรกที่นี่อีกด้วย
อีกทั้งพลังลึกลับที่มาจากที่แห่งนี้ ยังบริสุทธิ์และเข้มข้นมากที่สุด อีกด้วย
ขณะเดียวกัน แม้เย่ฉางชิงจะรู ้ตัวดีว่าตอนนี้ตนนั้นยังอยู่ในความ ฝัน ทว่าความฝันในครั้งนี้กลับยากที่เชื่อ
เรียกได้ว่าเหมือนจริงเกินไปก็ว่าได้
เช่นนั้น เขาจึงอยากมาพบหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านเทพฉางชิง ท่านนั้นอีกสักครั้ง
คิดถึงตรงนี้ เย่ฉางชิงก็ได้หันไปสบตากับตู๋กูชิงเฟิงเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน