ตอนที่ 34 บังเกิดนิมิต
“ถวายบังคมฝ่าบาทและองค์หญิงเก้าพะยะค่ะ”
หลังเยี่ยนหยางเหนียนและเยี่ยนปิงซินปรากฎตัว ทั้งเหล่าขุนนางที่อยู่ในลานและราษฎรที่อยู่รอบนอกต่างก็คุกเข่าลงคำนับทันที
จนเกิดเสียงก้องกังวานไปทั่วบริเวณเชิงเขาตะวันออกอยู่นาน
“ทุกคนลุกขึ้นได้ ! ”
เยี่ยนหยางเหนียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พลางสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
ตอนนั้นเอง คงเฉาชิ่งเจ้ากรมโยธาที่รับผิดชอบการสร้างอารามได้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
เขาโค้งคำนับให้เยี่ยนหยางเหนียน ก่อนจะเอ่ยว่า “เรียนฝ่าบาท หลังจากก่อสร้างมาสองวันสองคืนบัดนี้อารามฉางชิงได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ นอกจากนี้เทียนซือของจวนผู้กล้าได้แจ้งว่า วันนี้เป็นวันมงคลสามารถทำพิธีเปิดอารามได้พะยะค่ะ”
“เช่นนั้นก็เริ่มดำเนินการได้เลย ! ”
เยี่ยนหยางเหนียนเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ก่อนจะเดินตรงไปทางลานกว้างและขึ้นบันไดไป โดยมีเยี่ยนปิงซินอยู่ข้าง ๆ และมีอัศวินเกราะดำนำทางให้
ขณะเดียวกันขุนนางทั้งหลายต่างก็ทยอยเดินตามหลังเยี่ยนหยางเหนียนไปอย่างเป็นระเบียบ
ผ่านไป 1 ก้านธูป เยี่ยนหยางเหนียนก็ได้ยืนอยู่หน้าประตูที่สูงตระหง่าน พร้อมกับเหล่าขุนนางยืนอยู่ด้านหลัง
เหล่าอัศวินเกราะดำที่ยืนอยู่ตามขั้นบันไดอย่างสง่าผ่าเผย แต่ละคนล้วนแผ่จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา เยี่ยนหยางเหนียนกวาดตามองผู้คนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าทุกท่านคงสงสัยว่าเหตุใดข้าต้องสร้างอารามขึ้นในเมืองหลวงด้วย ในเมื่อวันนี้ทุกท่านมาที่นี่แล้วข้าก็จะบอกให้ทุกท่านได้ทราบ”
ทันทีที่เยี่ยนหยางเหนียนเอ่ยออกมา ทั้งราษฎรที่อยู่ด้านล่างและเหล่าขุนนางที่อยู่บนเขาต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะหันหน้าสบตากันไปมา
เยี่ยนหยางเหนียนชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยต่อว่า “ผู้อาวุโสเย่นั้นมีพระคุณต่อแคว้นต้าเยี่ยนอย่างมาก อีกทั้งบุญคุณนี้ยังส่งผลถึงความรุ่งเรืองของแคว้นต้าเยี่ยนอีกนับพันนับหมื่นปี และการสร้างอารามฉางชิงนั้นถือเป็นความตั้งใจของท่านบรรพบุรุษอีกด้วย”
หลังกล่าวจบลานด้านล่างก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
“บุญคุณที่จะส่งผลให้แคว้นต้าเยี่ยนรุ่งเรืองไปอีกนับพันนับหมื่นปี ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้เป็นใครกันแน่นะ ? ”
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ”
“หากข้าเดามิผิด ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ต้องเป็นปรมาจารย์ หรือไม่ก็เป็นเซียนที่ขึ้นสวรรค์ไปแล้วเป็นแน่”
“เซียนงั้นหรือ ? ”
“แคว้นต้าเยี่ยนของเรามีบุคคลเช่นนี้คอยปกป้องคุ้มครองตั้งแต่เมื่อใดกัน เช่นนี้ต้องทำให้แคว้นต้าเยี่ยนมั่นคงไปอีกหลายพันหลายหมื่นปีเป็นแน่”
“ใช่แล้ว เมื่อครู่ฝ่าบาททรงตรัสว่าท่านบรรพบุรุษเป็นคนเสนอความคิดให้สร้างอารามฉางชิงขึ้น ก็หมายความว่าท่านบรรพบุรุษเคยพบผู้อาวุโสเย่ท่านนี้แล้วงั้นหรือ ? ”
“ใช่ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราต้องมากราบไหว้บ่อย ๆ เพื่อท่านเย่จะได้ปกป้องราษฎรแคว้นต้าเยี่ยนให้สงบสุข และเพื่อให้ดินน้ำอุดมสมบูรณ์ฝนตกต้องตามฤดูกาลด้วย”
“หากมากราบไหว้ท่านเย่แล้วเปลี่ยนโชคชะตาได้ วันนี้ข้าจะต้องชิงธูปดอกแรกให้ได้ มิแน่คืนนี้ข้าอาจจะชนะจนได้เงินเป็นกอบเป็นกำก็ได้ ! ”
“……”
“เมื่อครู่เยี่ยนหยางเหนียนบอกว่าการสร้างอารามแห่งนี้เป็นความคิดของท่านบรรพบุรุษ ก็แสดงว่าท่านบรรพบุรุษของราชวงค์ต้าเยี่ยนยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่ด้วยน่ะสิ”
“หากมิมีอะไรผิดพลาดท่านบรรพบุรุษที่อยู่มาหลายพันปีผู้นี้คงใกล้จะบรรลุในเร็ว ๆ นี้เป็นแน่ ! ”
“ดูท่าก่อนหน้านี้พวกท่านผู้นำคงจะคิดผิดเสียแล้ว”
“รีบส่งข่าวนี้กลับไปเร็วเข้า ! ”
“รีบส่งข่าวนี้กลับไปที่สำนักเร็วเข้า ! ”
“รีบส่งข่าวนี้กลับไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์เร็วเข้า ! ”
ไม่นานคนมากมายที่ลานด้านล่างต่างก็ทยอยจากไปคนละทิศละทาง
“บัดนี้ข้าขอประกาศว่าอารามฉางชิงได้เปิดสักการะอย่างเป็นทางการแล้ว ! ”
เยี่ยนหยางเหนียนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังกังวาน จากนั้นจึงหมุนตัวกลับไปดึงผ้าแดงที่คลุมประตูบานใหญ่เอาไว้ลงมา
“แอ๊ด ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน