‘มิใช่หรอกกระมัง ! ’
‘หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่จะเอาคืนจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘นี่มันดูจริงจังเกินไปหน่อยกระมัง ! ’
‘คิดมิถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่ปกติเป็ นคนสุภาพอ่อนโยน เวลานี้กลับ จะเอาคืนด้วยการใช ้ก าลัง ! ’
‘แต่คราก่อนอาจารย์ทุบตีศิษย์พี่ใหญ่ไปหนักเพียงนั้น อาจารย์ คงจะมิยอมให้ศิษย์พี่ใหญ่เอาคืนหรอกกระมัง ! ’
‘มิหนาซ้าเรื่องนี้ก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว คิดมิถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่จะ จาฝังใจเช่นนี้ ดูท่าต่อไปคงต้องระวังศิษย์พี่ใหญ่ให้มากซะแล้ว’
‘จริงสิ ! ’
‘อีกอย่างเมื่อสองปีก่อน ข้าเคยยืมศิลาวิญญาณศิษย์พี่ใหญ่มา สองก้อนแต่ยังมิได้คืน ศิษย์พี่ใหญ่จะเก็บเอาเรื่องนี้ไว้ในใจหรือไม่นะ ? ’
‘หลังศิษย์พี่ใหญ่เอาคืนอาจารย์เรียบร ้อยแล้ว คงต้องรีบเอาไป คืนซะแล้ว ! ’
ระหว่างที่ศิษย์อีกแปดคนที่เหลือ กาลังคิดกันไปต่าง ๆ นานา
ตอนนั้นเองนักพรตชิงอวิ๋นที่ยืนหันหลังให้กับพวกเขาอยู่ กลับ รู ้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
ตอนนั้นเขามอบเงิน 500 ตาลึงให้แก่หลี่ซิวหยวนขณะลงเขาไป เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช ้ที่จาเป็ นในสานัก
แต่สุดท้ายหลี่ซิวหยวนมิเพียงใช ้เงิน 500 ตาลึงนั้นจนหมด เกลี้ยง ทว่ากลับยังเอายันต์หยกอีกหนึ่งชิ้นไปแลกกับภาพเทพปีศาจ โบราณภาพนั้นมา
เงิน 500 ตาลึงนั้น เขามิได้เสียดายเท่าไรนัก
แต่สิ่งสาคัญคือยันต์หยกชิ้นนั้นต่างหากเล่า
เพราะยันต์หยกชิ้นนั้นเทียบเท่ากับค่ายกลรวมวิญญาณแบบ พกพาเลยก็ว่าได้ ตอนบ าเพ็ญเพียรหากพกติดกายเอาไว้ จะช่วยใน เรื่องการบาเพ็ญเพียรได้เป็ นอย่างดี
แค่คิดก็รู ้แล้วว่ายันต์หยกชิ้นนั้นล้าค่าเพียงใด
หากเป็ นโลกมนุษย์อย่าว่าแต่หมื่นตาลึงเงินเลย ต่อให้ขายใน ราคาหมื่นก้อนทองก็ยังน้อยไปเสียด้วยซ้า
และสิ่งที่น่าโมโหมากที่สุดก็คือ
ทั้งสานักชิงหยางยังมิมีผู้ใดสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณ ได้แม้แต่คนเดียว
เช่นนั้นจึงเป็ นที่สงสัยว่าตัวภาพเทพปีศาจโบราณภาพนี้ใช่ของ จริงหรือไม่
หรือหลี่ซิวหยวนจะถูกคนหลอกมา
จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งเดือน
นักพรตชิงอวิ๋นจึงรู ้สึกโมโหอย่างมาก จึงได้เรียกหลี่ซิวหยวนเข้า พบ จากนั้นก็ปิดประตูแล้วชกเขาไปหนึ่งที
อีกทั้งตอนนั้นหลี่ซิวหยวนเป็ นตายเยี่ยงไรก็มิยอมรับผิด และคิด ว่าเป็ นเพราะคุณสมบัติของคนทั้งสานักชิงหยางต่าเกินไป จึงมิ สามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้นได้
นักพรตชิงอวิ๋นที่จากเดิมก็รู ้สึกโมโหมากอยู่แล้ว เมื่อถูกหลี่ซิว หยวนพูดจาอวดดีเช่นนั้นอีก ในที่สุดเขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมา
วันนั้นทั่วทั้งเขาอวิ๋นชางกลับดังระงมไปด้วยเสียงครวญครางอัน บีบคั้นหัวใจ ที่ดังขึ้นเป็ นระลอก
ทั่วทั้งสานักชิงหยางที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน บรรยากาศ เช่นนั้นกลับยิ่งสร ้างความรู ้สึกกดดันให้แก่ทุกคน อย่างมิเคยมีมา ก่อน
หลังจากนั้นหลี่ซิวหยวนมิได้ก้าวลงจากเตียงอีกเลย เป็ นเวลา กว่าสองเดือน
ในตอนนั้นนักพรตชิงอวิ๋นเองก็ทาเกินกว่าเหตุไปจริง ๆ
หากทาให้ศิษย์เอกผู้นี้เป็ นอะไรขึ้นมา สิบกว่าปีที่เขาคอยสั่งสอน มามิเท่ากับเสียเปล่าหรอกหรือ ?
เช่นนั้นทุกคืนขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว เขาจึงต้องไปช่วยหลี่ซิว หยวนในการฟื้นฟูลมปราณ
และด้วยเหตุนี้จึงทาให้ศิษย์รองชวี่เหวินเซี่ย คอยงัดข้อกับเขา ตลอดหลายปีมานี้
“ตาเฒ่าชิงอวิ๋น ทาไมเจ้ามิตีเจ้าเศษสวะหลี่ซิวหยวนนั่นให้ตาย ไปซะเลยล่ะ ตีให้ตายไปเลย ข้าก็จะได้ขึ้นเป็ นศิษย์เอกแทนอย่างไร เล่า ! ”
“ตาเฒ่าชิงอวิ๋น รอข้าได้ขึ้นเป็ นศิษย์เอกเมื่อใด เจ้าก็จะทากับ ข้าเหมือนที่ทากับเขาด้วยงั้นหรือ ? ”
“ตาเฒ่าชิงอวิ๋น ในเมื่อเจ้าช่างมีอานาจถึงเพียงนี้ ทาไมมิเห็นเจ้า วางอ านาจเช่นนี้ ต่อหน้าคนของนิกายกระบี่สวรรค์บ้างเล่า ? ”
“……”
“……”
ต้องบอกว่าหลายปีที่ผ่านมา คาพูดเหล่านี้ของชวี่เหวินเซี่ย ล้วน คอยตอกย้าและสร ้างความเสียใจอย่างมากให้แก่นักพรตชิงอวิ๋น
บัดนี้แม้ความสัมพันธ ์ระหว่างศิษย์อาจารย์จะเริ่มดีขึ้น
ทว่าสุดท้ายการที่เย่ฉางชิงรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณได้สาเร็จ
จึงท าให้บาดแผลในอดีต ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก นักพรตชิงอวิ๋นก็อดมิได้ที่จะทอดถอน ใจออกมา ก่อนจะพูดกับตัวเองว่า ‘ซิวหยวน ดูเหมือนว่าในตอนนั้น เป็ นอาจารย์ที่ทาผิดต่อเจ้า มิใช่เพราะภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้น มีปัญหา แต่เป็ นเพราะคุณสมบัติวิถีเซียนของพวกเราต่าเกินไปจริง ๆ จึงทาให้มิมีผู้ใดสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้นได้’
‘แต่ในโลกมนุษย์มีคากล่าวหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า เป็ นศิษย์ อาจารย์เพียงวันเดียว เปรียบดั่งเป็ นพ่อลูกกันตลอดชีวิต หลายปีมานี้ อาจารย์ดูแลเจ้าอย่างดี หวังว่าเจ้าจะไว้หน้าอาจารย์บ้าง’
‘เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากเจ้าต้องการเอาคืนจริง ๆ อาจารย์ก็จะมิ ว่าอะไร แต่ขอให้พวกเราไปตกลงเรื่องนี้กันที่เขาด้านหลังเถอะนะ’
คิดได้เช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหมุน กายไปมองหลี่ซิวหยวน
“ซิวหยวน มีอะไรเจ้าก็พูดมาตามตรงเถอะ อาจารย์พร ้อมแล้ว ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน