เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 38

ตอนที่ 38 ตามหาโอกาส

‘เสียงพิณนี่ ! ’

‘ใช่แล้ว เสียงพิณจริง ๆ ! ’

ตอนนั้นเองเสียงพิณอันไพเราะนุ่มนวลก็ดังแว่วมาจากเมืองเสี่ยวฉือทางด้านล่าง

บางครั้งก็เหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อยผ่านสะพานเล็ก ๆ บางครั้งก็เหมือนธารน้ำที่ไหลจากภูเขาสูง ท่วงทำนองที่ลื่นไหลผสานกับความรู้สึกที่เลือนราง ราวกับเป็นดนตรีที่ขับกล่อมมาจากสรวงสวรรค์

เสียงพิณนี้อาจจะดูปกติสำหรับผู้อื่น แต่สำหรับผู้ที่บำเพ็ญเพียนวิถีดนตรีเช่นถานไถชิงเสวี่ยแล้ว เสียงพิณนี้ส่งผลกระทบต่อนางอย่างมาก

“แดนจิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแห่งนี้ช่างพิเศษจริง ๆ เมืองนี้มิเพียงแต่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ แต่ยังมีคนบรรเลงดนตรีได้ไพเราะเยี่ยงนี้อีก ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”

“จริง แดนจิตเล็ก ๆ แต่กลับมีคนบรรเลงดนตรีได้ไพเพราะเช่นนี้ ช่างน่าแปลกเสียจริง”

“เพลงนี้ไพเราะก็จริง แต่หากเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรวิถีดนตรีเช่นศิษย์พี่หญิงแล้ว เกรงว่าก็ยังคงแตกต่างราวฟ้ากับดินอยู่ดี”

“ศิษย์พี่พูดได้ถูกต้องแล้ว ศิษย์พี่หญิงมีความสามารถในด้านดนตรีเป็นเลิศ คนธรรมดาทั่วไปย่อมมิมีทางเทียบเคียงได้”

“พวกเจ้าหุบปากให้หมด ! ”

ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้น พลันมีเสียงตะคอกที่เย็นชาดังขึ้น

สีหน้าทุกคนตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปมองเรือนร่างอันงดงามที่ยืนอยู่ด้านหน้าราวกั้น

และก็เป็นเสียงของถานไถชิงเสวี่ยจริง ๆ

แต่ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจที่สุดก็คือ ท่าทางเอียงหูฟังเสียงพิณที่ดังแว่วมาอย่างตั้งอกตั้งใจของถานไถชิงเสวี่ยเช่นนั้น

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”

“หรือว่าเสียงพิณที่ดังมาจากเมืองเสี่ยวฉือนี่ ได้รับการยอมรับจากศิษย์พี่หญิงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“แต่ด้านล่างเป็นเพียงแดนจิตหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเท่านั้น หรือว่าที่นี่จะมีนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่เร้นกายอยู่ ? ”

“เป็นไปมิได้ ! ”

“เป็นไปมิได้เด็ดขาด ! ”

“ใช่แล้ว ! ”

“เป็นไปมิได้อย่างแน่นอน ! ”

มินานทุกคนก็ไล่ความคิดนี้ออกไปจากหัว

เสียงพิณเลือนลางไปตามระยะทางที่เรือเหาะได้ผ่านเมืองเสี่ยวฉือออกมา

ขณะนั้นสีหน้าของถานไถชิงเสวี่ยกลับเต็มไปด้วยความสับสน มือทั้งสองข้างกำราวกั้นเอาไว้แน่น

นางบำเพ็ญเพียรวิถีดนตรีเป็นสายหลัก เช่นนั้นสิ่งที่แฝงอยู่ในท่วงทำนองดนตรีเมื่อครู่เกรงว่าคงมีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้นที่รับรู้ได้

‘เสียงพิณเมื่อครู่มาจากเมืองเสี่ยวฉือด้านล่างจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘หากเป็นความจริงแสดงว่าต้องมีปรมาจารย์ที่แตกฉานในวิถีดนตรีเร้นกายอยู่ที่นี่เป็นแน่’

‘แต่หากปรมาจารย์ท่านนี้เพียงแค่เดินทางผ่านที่นี่เล่า ? ’

‘มิได้ ! ’

‘นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของข้าก็เป็นได้ ! ’

คิดได้ดังนั้นถานไถชิงเสวี่ยก็ตัดสินใจทันที

นางเพ่งสมาธิแล้วเหาะขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นผมยาวสลวยก็ปลิวไสว ชายเสื้อโบกสะบัด ราวกับเทพธิดาบนสวรรค์ก็มิปาน

“ศิษย์น้องสวี่ ข้าจะลงไปข้างล่างสักครู่ หากอาจารย์ถามถึงข้าก็บอกไปว่าข้าไปตามหาโอกาสในการบำเพ็ญเพียร”

เมื่อเอ่ยจบถานไถชิงเสวี่ยก็กลายเป็นลำแสงสายรุ้งเส้นหนึ่ง พุ่งไปทางเมืองเสี่ยวฉือ

‘ตามหาโอกาสในการบำเพ็ญเพียรเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง

‘ศิษย์พี่หญิงบอกว่าจะไปตามหาโอกาสในการบำเพ็ญเพียร และมันคือโอกาสแบบไหนกัน ? ’

‘หรือว่าจะเป็นเสียงพิณเมื่อครู่นี้ ? ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘ต้องเป็นเสียงพิณเมื่อครู่นี่เป็นแน่ ! ’

เวลานี้แม้แต่ผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงอย่างอินฉางเฟิง ก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นและแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน

‘หรือว่าเสียงพิณเมื่อครู่จะมาจากปรมาจารย์ที่บำเพ็ญเพียรวิถีดนตรีเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน