ตอนที่ 380 จริงหรือ ?
เห็นเช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็มีสีหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาในทันที
ตอนนี้เขากลับยิ่งสงสัยว่า การที่ลู่ซานหยางวิ่งมาหาเขาเช่นนี้ ก็เพราะตั้งใจที่จะมากลั่นแกล้งเขาจริง ๆ
มิแน่อาจเป็นเพราะแพ้พนันกับศิษย์คนใดคนหนึ่งมาก็เป็นได้
ทว่าลู่ซานหยางเองก็มิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
คิดได้เช่นนั้น นักพรตชิงอวิ๋นจึงเอ่ยถามเสียงเข้มว่า “ลู่ซานหยาง เจ้าคิดว่าก่อนหน้านี้ข้ายังสั่งสอนเจ้ามิพอใช่หรือไม่ ? ”
ลู่ซานหยางมีท่าทีนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อาจารย์ ท่านคงมิคิดว่าศิษย์กำลังหลอกท่านอยู่ใช่หรือไม่ขอรับ ? ”
นักพรตชิงอวิ๋นลุกขึ้นยืนทันที พร้อมจ้องเขม็งไปยังลู่ซานหยางแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปดูกับเจ้าสักครา หากที่เชิงเขามีคนกำลังทำลายค่ายกลอยู่จริง ข้าก็จะมิถือสาใด ๆ ”
“แต่หากเจ้าหลอกข้าแล้วล่ะก็ นับแต่นี้ไปเจ้าเตรียมตัวนอนบนเตียงเดียวกับเจ้าสวะฉีชางหยวนผู้นั้นได้เลย”
ได้ยินเช่นนั้นลู่ซานหยางก็ขมวดคิ้วแน่น เผยท่าทีบึ้งตึงออกมา
เขายอมรับว่าเมื่อก่อนนั้นตนเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ก็จริง แต่บัดนี้เขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
หากใครกล้าสงสัยในความสามารถของเขา เขาจะขอสู้สุดชีวิตเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ให้จงได้
มิใช่สิ !
รักษาชื่อเสียงของศิษย์น้องเย่เอาไว้ให้ได้ต่างหาก !
ต่อให้เป็นอาจารย์ก็ปล่อยไว้มิได้
หลังจากเงียบอยู่สักพักลู่ซานหยางก็มองไปยังนักพรตชิงอวิ๋น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อาจารย์ หากมีคนกำลังทำลายค่ายกลอยู่จริง ๆ ท่านจะว่าเยี่ยงไรขอรับ ? ”
สิ้นเสียงนักพรตชิงอวิ๋นก็นิ่งอึ้งไป ประกายดำมืดพาดผ่านดวงตา
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงตอบกลับไปอย่างมิลังเลแล้ว
ทว่าตอนนี้กลับต่างออกไป นับตั้งแต่เย่ฉางชิงเข้ามาบำเพ็ญเพียรในสำนักชิงหยาง
ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจผิดหลี่ซิวหยวนมาแล้วครั้งหนึ่ง มาบัดนี้ลู่ซานหยางกลับกล้าถามเช่นนี้ขึ้นมาอีก
มิแน่ลู่ซานหยางอาจจะเป็นอัจฉริยะค่ายกลอะไรนั่นจริง ๆ ก็ได้
อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้เห็นความสามารถของลู่ซานหยางมาบ้างแล้ว
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ลู่ซานหยาง เจ้าเด็กคนนี้มิได้มีนิสัยเหมือนกับหลี่ซิวหยวน
เจ้าเด็กคนนี้มักจะมีนิสัยดื้อรั้น เรื่องที่เขามั่นใจแล้วจะมิมีทางเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด
จะต้องเอาคืนเขาอย่างแน่นอน !
คิดถึงตรงนี้ มุมปากของนักพรตชิงอวิ๋นก็กระตุกเล็กน้อย แค่นเสียงเย็นออกมา “ลู่ซานหยาง เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นคนร้ายกาจไปแล้วงั้นหรือ ? ”
ลู่ซานหยางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างกระดากอาย
………………………….
จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
นักพรตชิงอวิ๋นและลู่ซานหยางก็มาถึงริมหน้าผา ที่อยู่ใกล้เชิงเขาอย่างเงียบเชียบ
ทั้งสองคนลอบมองจางเฉิงเจิ้น รวมถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักฉือเซี่ยะและสำนักงูศักดิ์สิทธิ์ ที่กำลังทำลายค่ายกลอยู่ด้านล่าง เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็มีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างห้ามมิได้
“อาจารย์ คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่ ดูเหมือนจะเป็นผู้มิหวังดีนะขอรับ ! ”
“แม้อาจารย์จะมิรู้จักว่าตาเฒ่าที่กำลังทำลายค่ายกลผู้นั้นแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ตาเฒ่าที่อยู่มิไกลออกไปสองคนนั้น อาจารย์รู้จักดี”
“อาจารย์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ขอรับ พวกเขาเป็นศัตรูของท่านหรือขอรับ ? ”
“ถูกต้อง เมื่อก่อนนั้นอาจเป็นเพียงคู่ปรับของข้า ทว่าตอนนี้… นับว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตก็คงได้”
“อาจารย์ ท่านจะให้ข้าตำหนิท่านเช่นไรดี ! ”
“สถานการณ์ของสำนักชิงหยางของเราเป็นเช่นไร คิดว่าท่านคงจะรู้ดียิ่งกว่าใคร แต่สุดท้ายท่านกลับไปหาเรื่องคนอื่นอีกเยี่ยงนั้นหรือขอรับ”
“ลู่ซานหยาง นี่เจ้ากำลังสั่งสอนข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อาจารย์ ศิษย์ย่อมมิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ”
หลังจากสองคนศิษย์อาจารย์ กระซิบกระซาบกันเสร็จแล้ว
“ตาเฒ่าสองคนนี้เลือกเวลามาได้เหมาะจริง ๆ ยังมิทันถึงการคัดเลือกของนิกายกระบี่สวรรค์ ก็บุกมาหาข้าถึงที่ซะแล้ว”
นักพรตชิงอวิ๋นลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะหันไปถามอย่างอดมิได้ว่า “ซานหยาง เจ้ามั่นใจนะว่าตาเฒ่าผู้นั้น จะมิสามารถทำลายค่ายกลที่ฉางชิงวางเอาไว้ได้จริง ? ”
“หากปล่อยให้ตาเฒ่าไร้ความสามารถพวกนี้ทำลายค่ายกลลงได้ ความพยายามของข้าลู่ซานหยางตลอดหลายปีมานี้ มิเท่ากับเสียเปล่าหรอกหรือขอรับ ? ”
ลู่ซานหยางหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะเอ่ยอย่างภูมิใจว่า “อาจารย์ ท่านยังมิรู้อะไร ค่ายกลนี้ทำงานโดยอาศัยปราณวิญญาณฟ้าดิน อีกทั้งยังสอดรับกับทุกอย่างโดยรอบ เช่นนั้นหากวางสำเร็จแล้วก็ยากที่จะทำลายลงได้ ยิ่งกว่านั้นค่ายกลนี้ศิษย์น้องเย่ยังเป็นผู้ที่วางเองกับมือด้วยขอรับ”
“อีกอย่างจากการตรวจสอบหลายวันมานี้ของศิษย์ ค่ายกลนี้สมบูรณ์แบบอย่างที่ศิษย์คิดเอาไว้มิมีผิด ถึงขนาดสามารถอาศัยพลังฟ้าดินในการโจมตีได้ด้วยนะขอรับ”
เอ่ยถึงตรงนี้ลู่ซานหยางก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสริมว่า “อีกอย่างหากก่อนหน้านี้ มิใช่เพราะศิษย์ยังสำรวจค่ายกลมิเสร็จสิ้นแล้วล่ะก็ วันนั้นท่านอาจจะบาดเจ็บหนักก็ได้นะขอรับ”
นักพรตชิงอวิ๋นปรายตามองลู่ซานหยาง ก่อนจะเอ่ยอย่างเอือมระอาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็กระตุ้นค่ายกลให้โจมตีใส่ตาเฒ่าพวกนั้นซะ”
“อาจารย์ ต้องทำเช่นนี้จริง ๆ หรือขอรับ ? ”
ลู่ซานหยางลังเลเล็กน้อย “ท่านต้องคิดให้ดีนะขอรับ หากศิษย์เริ่มการโจมตีในเวลานี้จะมีคนตายได้นะขอรับ”
นักพรตชิงอวิ๋นตอบกลับเสียงเรียบว่า “หากเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นจริง ก็มิจำเป็นจะต้องออมมือใด ๆ ทั้งสิ้น”
ได้ยินเช่นนั้นลู่ซานหยางก็หันไปสบตากับนักพรตชิงอวิ๋น ก่อนจะนั่งสมาธิลงกับพื้นในทันที
วินาทีต่อมาลู่ซานหยางก็ได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นมือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นทำท่ามุทรา
มินาน หลังจากลู่ซานหยางผสานตราโบราณรอยหนึ่งเข้ากับห้วงอากาศ
ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเขาอวิ๋นชางก็เหมือนจะเริ่มทำงานขึ้นมาจริง ๆ
ทันใดนั้น ห้วงอากาศภายในรัศมีร้อยจั้งก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น มวลพลังฟ้าดินจำนวนมหาศาลและน่าสะพรึงกลัว ที่ห่อหุ้มกลสังหารเอาไว้ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นักพรตชิงอวิ๋นพลันเบิกตากว้าง ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน