ตอนที่ 382 อาจารย์ ศิษย์ช้ำใจขอรับ
ได้ยินเช่นนั้น ลู่ซานหยางก็ได้สติขึ้นมาทันที ทว่าใบหน้าก็ยังคงเรียบนิ่งดังเดิม
“ศิษย์น้องเย่ เจ้าคงจะยังมิรู้ว่าสิ่งนี้ก็คือมุกสารพัดนึก”
ลู่ซานหยางเอามือไพล่หลัง พลางพูดไปเรื่อยเปื่อย ด้วยท่าทางจริงจังว่า “ดังคำกล่าวที่ว่าค่ายกลบนโลกมีหลายรูปแบบ และสามารถปรากฏให้เห็นได้มากมาย”
“มุกสารพัดนึก ที่มาของชื่อนี้ก็คือหากผู้ใดมีมุกสารพัดนึกนี้ติดกาย จะสามารถใช้พิจารณาและจดจำรูปแบบของค่ายกลได้ทั้งหมด และสามารถใช้ทำลายค่ายกลทั้งหมดได้เช่นกัน”
ทันทีที่สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะมองลู่ซานหยางอีกครั้ง ด้วยแววตาที่ซาบซึ้งใจ
สามารถพิจารณาและจดจำรูปแบบของค่ายกลได้ทั้งหมด !
และยังสามารถอาศัยมุกเม็ดนี้ทำลายค่ายกลทั้งหมดได้อีกด้วย !
คุณสมบัติเช่นนี้ หากมิใช่สุดยอดของวิเศษแล้วจะเป็นอะไรได้ ?
อีกทั้งก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ลู่ก็บอกว่า จะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้แก่เขา
เช่นนั้นแสดงว่ามุกสารพัดนึกนี้ก็คือของขวัญที่ศิษย์พี่ลู่มอบให้เขา
นี่คือน้ำใจของสำนักเซียนลึกลับเช่นสำนักชิงหยางสินะ
ก่อนหน้าท่านเจ้าสำนักก็มอบกระบี่จื่อชิงให้เขา มาวันนี้ศิษย์พี่ลู่ก็ยังมอบสุดยอดของวิเศษเช่นนี้ให้อีก !
น่าเสียดายที่ข้ามีคุณสมบัติอ่อนด้อยเกินไป จึงมิมีอะไรที่จะสามารถตอบแทนพวกเขาได้เลย
คิดถึงตรงนี้
“ฉางชิงขอขอบคุณศิษย์พี่ลู่ ที่มอบสุดยอดของวิเศษเช่นนี้ให้ขอรับ”
เย่ฉางชิงโค้งคำนับให้แก่ลู่ซานหยางอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ
ลู่ซานหยาง “……”
‘มอบให้ ? ’
‘ศิษย์น้องเย่ เจ้าอย่ามาล้อข้าเล่นแบบนี้นะ’
‘หากข้ามีสุดยอดของวิเศษเช่นนี้ ต่อให้เจ้าตีข้าให้ตาย ข้าก็มิมีทางนำออกมาอย่างแน่นอน’
‘ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว’
‘ยังต้องการสุดยอดของวิเศษพวกนี้ไปทำไมกัน ? ’
‘นี่มิเท่ากับตั้งใจยั่วโมโหกันหรอกหรือ ? ’
‘อีกอย่างความสามารถในการหยิบจับของที่อยู่ในอากาศของเจ้านี่มันอะไรกัน ! ’
‘นี่มันน่าประหลาดเกินไปแล้ว ! ’
‘แต่หากเจ้าจะถ่ายทอดอิทธิ์ฤทธิ์เหล่านี้ให้ข้า ต่อไปข้าจะยอมเป็นสมุนของเจ้า และจะติดตามเจ้าไปตลอดชีวิต’
‘ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนเลย ! ’
แม้ในใจของลู่ซานหยางจะคิดเช่นนั้น แต่เขารู้ดีว่า
หากเขาสารภาพความจริงต่อหน้าศิษย์น้องเย่ผู้นี้ มิต้องพูดถึงว่าศิษย์น้องเย่จะรับได้หรือไม่ แต่อาจารย์คงมิมีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
เพราะเยี่ยงไรเสียศิษย์น้องเย่ผู้นี้ก็เกี่ยวพันถึงอนาคตของสำนักชิงหยาง
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ลู่ซานหยางก็ชำเลืองมองมุกสารพัดนึกในมือของเย่ฉางชิงอย่างปวดใจ ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาอย่างกล้ำกลืนฝืนทน
“ศิษย์น้องเย่ เจ้ามิต้องเกรงใจ แค่เก็บเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
ลู่ซานหยางแสร้งหัวเราะออกมาอย่างใจกว้าง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เจ้าตั้งใจบำเพ็ญเพียรต่อไปเถอะ ข้าได้เวลากลับไปเข้าฌานแล้ว”
“อีกอย่างเจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี มิว่าจะอยู่ที่สำนักชิงหยาง หรือว่าสำนักนิกายกระบี่สวรรค์ เรื่องการบำเพ็ญเพียรก็จงอย่าได้ปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด”
เย่ฉางชิงประสานมือแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ลู่ที่สั่งสอน เย่ฉางชิงภายหน้ามิว่าอยู่ที่ใดก็จะตั้งใจบำเพ็ญเพียรขอรับ”
ลู่ซานหยางพยักหน้ารับ
ทว่าในวินาทีที่เขาปรายตามองมุกสารพัดนึกในมือของเย่ฉางชิงอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและหมุนกายจากมานั้น
สีหน้าของเขาพลันเต็มไปด้วยเจ็บปวด
เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป
ขณะที่ลู่ซานหยางกลับมาหานักพรตชิงอวิ๋นอีกครั้ง
ขอบตาของเขาก็เริ่มแดงเรื่อ และมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความปวดร้าว
เห็นเช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป และเต็มไปด้วยความสับสน
เห็นได้ชัดว่าการที่ลู่ซานหยางมีท่าทางเช่นนี้
แสดงว่าแม้แต่ผู้ที่เก่งกาจอย่างเย่ฉางชิง ก็มิสามารถขัดขวางการทำลายค่ายกลที่เชิงเขาได้สินะ
เช่นนี้ก็หมายความว่าอีกมินานพวกจูหวยเหรินและเจี่ยเจิ้นเคอก็จะบุกขึ้นเขามา เข่นฆ่าศิษย์ของสำนักชิงหยาง
คิดได้เช่นนั้น
“ต้องยอมรับว่าครานี้เป็นข้าที่หาเหาใส่หัวเอง ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน