เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 382

สรุปบท ตอนที่ 382 อาจารย์ ศิษย์ช้ำใจขอรับ: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

อ่านสรุป ตอนที่ 382 อาจารย์ ศิษย์ช้ำใจขอรับ จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 382 อาจารย์ ศิษย์ช้ำใจขอรับ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 382 อาจารย์ ศิษย์ช้ำใจขอรับ

ได้ยินเช่นนั้น ลู่ซานหยางก็ได้สติขึ้นมาทันที ทว่าใบหน้าก็ยังคงเรียบนิ่งดังเดิม

“ศิษย์น้องเย่ เจ้าคงจะยังมิรู้ว่าสิ่งนี้ก็คือมุกสารพัดนึก”

ลู่ซานหยางเอามือไพล่หลัง พลางพูดไปเรื่อยเปื่อย ด้วยท่าทางจริงจังว่า “ดังคำกล่าวที่ว่าค่ายกลบนโลกมีหลายรูปแบบ และสามารถปรากฏให้เห็นได้มากมาย”

“มุกสารพัดนึก ที่มาของชื่อนี้ก็คือหากผู้ใดมีมุกสารพัดนึกนี้ติดกาย จะสามารถใช้พิจารณาและจดจำรูปแบบของค่ายกลได้ทั้งหมด และสามารถใช้ทำลายค่ายกลทั้งหมดได้เช่นกัน”

ทันทีที่สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะมองลู่ซานหยางอีกครั้ง ด้วยแววตาที่ซาบซึ้งใจ

สามารถพิจารณาและจดจำรูปแบบของค่ายกลได้ทั้งหมด !

และยังสามารถอาศัยมุกเม็ดนี้ทำลายค่ายกลทั้งหมดได้อีกด้วย !

คุณสมบัติเช่นนี้ หากมิใช่สุดยอดของวิเศษแล้วจะเป็นอะไรได้ ?

อีกทั้งก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ลู่ก็บอกว่า จะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้แก่เขา

เช่นนั้นแสดงว่ามุกสารพัดนึกนี้ก็คือของขวัญที่ศิษย์พี่ลู่มอบให้เขา

นี่คือน้ำใจของสำนักเซียนลึกลับเช่นสำนักชิงหยางสินะ

ก่อนหน้าท่านเจ้าสำนักก็มอบกระบี่จื่อชิงให้เขา มาวันนี้ศิษย์พี่ลู่ก็ยังมอบสุดยอดของวิเศษเช่นนี้ให้อีก !

น่าเสียดายที่ข้ามีคุณสมบัติอ่อนด้อยเกินไป จึงมิมีอะไรที่จะสามารถตอบแทนพวกเขาได้เลย

คิดถึงตรงนี้

“ฉางชิงขอขอบคุณศิษย์พี่ลู่ ที่มอบสุดยอดของวิเศษเช่นนี้ให้ขอรับ”

เย่ฉางชิงโค้งคำนับให้แก่ลู่ซานหยางอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ

ลู่ซานหยาง “……”

‘มอบให้ ? ’

‘ศิษย์น้องเย่ เจ้าอย่ามาล้อข้าเล่นแบบนี้นะ’

‘หากข้ามีสุดยอดของวิเศษเช่นนี้ ต่อให้เจ้าตีข้าให้ตาย ข้าก็มิมีทางนำออกมาอย่างแน่นอน’

‘ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว’

‘ยังต้องการสุดยอดของวิเศษพวกนี้ไปทำไมกัน ? ’

‘นี่มิเท่ากับตั้งใจยั่วโมโหกันหรอกหรือ ? ’

‘อีกอย่างความสามารถในการหยิบจับของที่อยู่ในอากาศของเจ้านี่มันอะไรกัน ! ’

‘นี่มันน่าประหลาดเกินไปแล้ว ! ’

‘แต่หากเจ้าจะถ่ายทอดอิทธิ์ฤทธิ์เหล่านี้ให้ข้า ต่อไปข้าจะยอมเป็นสมุนของเจ้า และจะติดตามเจ้าไปตลอดชีวิต’

‘ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิวหยวนเลย ! ’

แม้ในใจของลู่ซานหยางจะคิดเช่นนั้น แต่เขารู้ดีว่า

หากเขาสารภาพความจริงต่อหน้าศิษย์น้องเย่ผู้นี้ มิต้องพูดถึงว่าศิษย์น้องเย่จะรับได้หรือไม่ แต่อาจารย์คงมิมีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

เพราะเยี่ยงไรเสียศิษย์น้องเย่ผู้นี้ก็เกี่ยวพันถึงอนาคตของสำนักชิงหยาง

หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ลู่ซานหยางก็ชำเลืองมองมุกสารพัดนึกในมือของเย่ฉางชิงอย่างปวดใจ ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาอย่างกล้ำกลืนฝืนทน

“ศิษย์น้องเย่ เจ้ามิต้องเกรงใจ แค่เก็บเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

ลู่ซานหยางแสร้งหัวเราะออกมาอย่างใจกว้าง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เจ้าตั้งใจบำเพ็ญเพียรต่อไปเถอะ ข้าได้เวลากลับไปเข้าฌานแล้ว”

“อีกอย่างเจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี มิว่าจะอยู่ที่สำนักชิงหยาง หรือว่าสำนักนิกายกระบี่สวรรค์ เรื่องการบำเพ็ญเพียรก็จงอย่าได้ปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด”

เย่ฉางชิงประสานมือแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ลู่ที่สั่งสอน เย่ฉางชิงภายหน้ามิว่าอยู่ที่ใดก็จะตั้งใจบำเพ็ญเพียรขอรับ”

ลู่ซานหยางพยักหน้ารับ

ทว่าในวินาทีที่เขาปรายตามองมุกสารพัดนึกในมือของเย่ฉางชิงอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและหมุนกายจากมานั้น

สีหน้าของเขาพลันเต็มไปด้วยเจ็บปวด

เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป

ขณะที่ลู่ซานหยางกลับมาหานักพรตชิงอวิ๋นอีกครั้ง

ขอบตาของเขาก็เริ่มแดงเรื่อ และมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความปวดร้าว

เห็นเช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป และเต็มไปด้วยความสับสน

เห็นได้ชัดว่าการที่ลู่ซานหยางมีท่าทางเช่นนี้

แสดงว่าแม้แต่ผู้ที่เก่งกาจอย่างเย่ฉางชิง ก็มิสามารถขัดขวางการทำลายค่ายกลที่เชิงเขาได้สินะ

เช่นนี้ก็หมายความว่าอีกมินานพวกจูหวยเหรินและเจี่ยเจิ้นเคอก็จะบุกขึ้นเขามา เข่นฆ่าศิษย์ของสำนักชิงหยาง

คิดได้เช่นนั้น

“ต้องยอมรับว่าครานี้เป็นข้าที่หาเหาใส่หัวเอง ! ”

โดยเขาได้อาศัยมุกสารพัดนึกนี้ ในการพิจารณารูปแบบของค่ายกลลึกลับอย่างรวดเร็ว

บนใบหน้าของเขาก็ประดับเอาไว้รอยยิ้มยินดี

ทว่าเรื่องดีกลับอยู่มินาน เมื่อเวลาผ่านไปมิถึงครึ่งชั่วยาม

เขาก็เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปในทันที

วินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมานั้น

ก็พบว่าห้วงอากาศตรงหน้าเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น มีพลังโกลาหลมหาศาลปะทุออกมาอย่างรุนแรง

ก่อนที่จะมีมือลึกลับและน่ากลัวข้างหนึ่งยื่นออกมา แล้วช่วงชิงมุกสารพัดนึกไปต่อหน้าต่อตา

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จางเฉิงเจิ้นพลันนิ่งงันและแข็งค้างราวกับหินในทันใด

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน ! ’

‘นี่มัน… นี่มันอิทธิฤทธิ์อะไรกัน แข็งแกร่งถึงขนาดช่วงชิงมุกสารพัดนึกไปได้ง่าย ๆ เช่นนี้’

‘และนี่ยังถือเป็นการส่งสารสำคัญถึงข้าอีกด้วย’

‘เนื่องจากข้าฝืนทำลายค่ายกลโดยมิรู้อีโหน่อีเหน่ จนไปล่วงเกินข้อห้ามของยอดคนบางท่านเข้า’

คิดถึงตรงนี้

“สูด ! ”

จางเฉิงเจิ้นได้สติขึ้นมาอีกครั้ง พลันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างอดมิได้

“คิดมิถึงว่าสำนักระดับเก้าอย่างสำนักชิงหยาง จะมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เร้นกายอยู่”

จางเฉิงเจิ้นทอดถอนใจออกมาอีกครั้ง “เพราะข้าทำลายค่ายกล จึงไปล่วงเกินข้อห้ามของผู้อาวุโสท่านนี้เข้า จึงถูกช่วงชิงสุดยอดของวิเศษอย่างมุกสารพัดนึกไปต่อหน้าต่อตา”

“ทว่าการที่ผู้อาวุโสท่านนี้ช่วงชิงเอามุกสารพัดนึกไป แต่หาได้ลงมือกับข้าไม่นั้น เห็นได้ชัดว่ามีเมตตายิ่งนัก ! ”

วินาทีต่อมาหลังจากนิมิตที่ปกคลุมรอบกายจางเฉิงเจิ้นหายไปอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของพวกจูหวยเหริน

จางเฉิงเจิ้นผู้เป็นนักสร้างค่ายกลแห่งเมืองหลานซีก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะประสานมือคารวะจากนั้นก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงกับพื้น

“ผู้น้อยจางเฉิงเจิ้นขอบคุณผู้อาวุโสที่ไว้ชีวิต วันนี้ผู้น้อยได้ล่วงเกินท่านไปโดยมิได้ตั้งใจ ขอผู้อาวุโสอย่าได้ถือโทษเลยนะขอรับ ! ”

จางเฉิงเจิ้นโขกหัวลงกับพื้นด้วยความเคารพ พร้อมเอ่ยออกมาขณะที่ก้มหน้าอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน