เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 42

ตอนที่ 42 ที่มาของเพลงฮั่วฟาน

ณ เทือกเขาแดนใต้

หลังจากเสียงของชายชราผู้นี้ดังขึ้น หัวหน้าเผ่าปีศาจทุกเผ่าต่างพาคนในเผ่ามุ่งหน้าไปยังราชาขุนเขาสือว่านซาน ที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาแดนใต้

ทิวเขาที่นี่สูงชัน ทั้งยังปกคลุมไปด้วยอันตราย ขณะเดียวกันยังแผ่ไปด้วยไอปีศาจที่น่ากลัวอีกด้วย

มินานปีศาจมากมายต่างก็มุ่งหน้าไปยัง ราชาขุนเขาสือว่านซานราวกับคลื่นยักษ์

สุดท้ายพวกเขาก็ได้หยุดลงที่หน้าหุบเขานามว่าหุบเขามังกรหลับใหล

หุบเขามังกรหลับใหลนั้นมีขนาดใหญ่ นอกจากไอปีศาจมหาศาลที่แผ่ออกมาแล้ว ยังมีกลิ่นอายของความรกร้างว่างเปล่าพวยพุ่งออกมาอีกด้วย

ตอนนั้นเองก็มีชายชรารูปร่างกำยำสวมชุดผ้าป่าน เดินออกมาจากด้านในของหุบเขามังกรหลับใหลอย่างองอาจ

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกก็คือ ด้านหลังของชายชราที่ดูดุร้ายผู้นี้มีเงาดำทะมึนปกคลุมอยู่

ทุกครั้งที่เงาดำขยับรอบ ๆ ก็จะเกิดการสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้น่ากลัวเพียงใด !

“ข้าน้อยคารวะผู้อาวุโสขอรับ ! ”

ทันทีที่ชายชราปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า คนของเผ่าปีศาจต่างก็พากันคุกเข่าลงคำนับอย่างนอบน้อมทันที

ดวงตาแดงก่ำของชายชรากวาดมองไปยังเหล่าปีศาจที่คุกเข่าอยู่ ก่อนแสยะยิ้มออกมาและโบกมือส่งสัญญาณ “พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด”

เหล่าปีศาจจึงพากันลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินชายชราบอกเช่นนั้นอย่างมิอิดออด

หัวหน้าเผ่าพยัคฆ์ขาวเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกว่า “ผู้อาวุโสขอรับ เพลงฮั่วฟานนั่นมีอะไรพิเศษหรือขอรับ ถึงทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจเยี่ยงนี้”

ชายชรามิได้มากพิธี หลังจากนั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งแล้ว ก็เอ่ยตอบหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์ขาวว่า “เพลงฮั่วฟานเป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยสตรีเผ่ามนุษย์ที่ปราดเปรื่องผู้หนึ่ง”

เอ่ยถึงตรงนี้จู่ ๆ ชายชราก็ส่ายหน้าพลางโบกมือไปมา “มิใช่ ๆ พูดให้ถูกก็คือสตรีเผ่ามนุษย์ที่มีสายเลือดของเผ่ามารผสมอยู่ เพราะมารดาของนางนั้นเป็นเทพธิดาของเผ่ามาร”

“สตรีเผ่ามนุษย์ที่มีสายเลือดของเผ่ามารเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“มารดาเป็นถึงเทพธิดาของเผ่ามารด้วยงั้นรึ ? ”

“นี่มันเรื่องตั้งแต่สมัยไหนแล้ว หากเป็นยุคสมัยนี้มิมีทางเป็นไปได้แน่นอน ! ”

“ใช่แล้ว เพลานี้เผ่ามนุษย์ยึดครองจงหยวนที่อุดมสมบูรณ์ แต่เผ่ามารกลับถูกขับไล่ให้ไปอยู่ดินแดนทุรกันดารในดินแดนรกร้างทางเหนือ”

“อีกอย่างบุตรีของเทพธิดาเผ่ามารจะไปมีความสัมพันธ์กับเผ่ามนุษย์ได้เยี่ยงไรกัน ? ”

“ผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ขอรับ ? ”

เหล่าหัวหน้าเผ่าปีศาจต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ก่อนที่สุดท้ายสายตาทุกคู่จะจับจ้องไปที่ชายชรา

ชายชราคลี่ยิ้มอย่างมิใส่ใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อหลายแสนปีก่อน หรืออาจเกิดขึ้นเมื่อล้านปีมาแล้วก็เป็นได้ ความจริงแล้วเผ่ามนุษย์เป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุด ส่วนเผ่ามารและเผ่าปีศาจของพวกเรานั้นมีอำนาจที่สุด ต่อมาเผ่ามนุษย์ก็เกิดความรู้แจ้งถึงวิธีการบำเพ็ญเพียรในวิถีเต๋าอย่างลับ ๆ ก่อนจะผงาดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว”

“ในยุคหนึ่ง เผ่ามนุษย์ เผ่ามาร และเผ่าปีศาจของเรามีการแบ่งดินแดนออกเป็นสามส่วน ทำให้ในตอนนั้นจึงเกิดความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจขึ้น รวมถึงเผ่ามนุษย์และเผ่ามารด้วย”

“แต่น่าเสียดายที่เผ่ามนุษย์รุ่งโรจน์เร็วเกินไป หลังจากนั้นจึงเกิดสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ รวมถึงเผ่ามารขึ้น”

“และสตรีที่แต่งเพลงฮั่วฟานก็เป็นผู้คนในยุคนั้น เพียงแต่นางได้พบรักกับนักพรตเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งเข้า พรสวรรค์ของนางนั้นสูงส่งยิ่งนัก เดิมนางสามารถสำเร็จเป็นเซียนบนสวรรค์ได้แล้ว แต่นางกลับยอมทำลายตบะบำเพ็ญเพียรของตนเพียงเพราะนักพรตที่เป็นเผ่ามนุษย์ผู้นั้น จึงทำให้เกิดเพลงฮั่วฟานขึ้น”

“หืม ? ! ”

“เป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ ! ”

“เดิมสามารถขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ได้แล้ว แต่กลับทำลายตบะของตนเอง คนเช่นนี้มีความกล้าเพียงใดกันนะ ! ”

เหล่าหัวหน้าเผ่าปีศาจต่างก็กลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน