เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 446

สรุปบท ตอนที่ 446 หนานหลิงจื่อกลับมาอีกครั้ง: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 446 หนานหลิงจื่อกลับมาอีกครั้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายแปลทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 446 หนานหลิงจื่อกลับมาอีกครั้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 446 หนานหลิงจื่อกลับมาอีกครั้ง

หลังจากปรึกษากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากนิกายจื่ออวิ๋นเสนอเงื่อนไขที่ยั่วยวนใจเช่นนั้น สุดท้ายอู๋ไท่เหอและขงซิงเจี้ยนก็ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอของจิ่วอั้น

ในการสร้างค่ายกลห้วงเวลาขึ้นที่นิกายกระบี่สวรรค์ !

เยี่ยงไรซะสิทธิ์ในการครอบครองแดนบำเพ็ญเพียรโบราณเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี มิว่าสำนักเซียนไหนก็ล้วนแต่มีความสำคัญยิ่ง

ส่วนเหล่าผู้แข็งแกร่งของจวนหนานหลิง แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เยี่ยงไรซะก็เกี่ยวพันถึงสิทธิ์ในการครอบครองแดนบำเพ็ญเพียรโบราณถึงร้อยปี ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจขอกลับไปที่สำนักก่อน หลังจากปรึกษากันเรียบร้อยแล้วจะตัดสินใจอีกครั้ง

จากนั้นนิกายจื่ออวิ๋นก็ได้ทิ้งผู้อาวุโสเอาไว้สองคน เพื่อปรึกษากับเหล่าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์ว่าจะสร้างค่ายกลห้วงเวลาขึ้นเยี่ยงไร

ส่วนพวกจิ่วอั้นรวมทั้งผู้แข็งแกร่งของจวนหนานหลิงเลือกที่จะกลับกันก่อน

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม

ระหว่างที่จิ่วอั้นและผู้แข็งแกร่งของทั้งสองสำนักเซียนใหญ่เหาะพ้นเขตแดนของนิกายกระบี่สวรรค์ และผู้แข็งแกร่งของทั้งสองสำนักกำลังจะแยกทางกันนั้น

ในที่สุดหนานหลิงจื่อที่มีท่าทางเคร่งเครียด ภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัยก็ได้เอ่ยถามขึ้นอย่างอดทนมิไหวอีก “พี่จิ่วอั้น ข้าขอคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่ ? ”

จิ่วอั้นหัวเราะออกมา พร้อมกับพยักหน้าน้อย ๆ

เวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ ทั้งสองก็ได้โรยตัวลงมายังเบื้องล่าง ก่อนจะหยุดลงที่ริมฝั่งของแม่น้ำสายหนึ่ง

“พี่จิ่วอั้น ข้าคิดว่าท่านเองก็คงรู้ดีว่าจวนหนานหลิงของข้ากับนิกายจื่ออวิ๋นของท่านมีความสัมพันธ์อันดีกันมาเนิ่นนาน หลายพันปีก่อนบรรพบุรุษท่านหนึ่งของจวนหนานหลิงยังได้แต่งงานกับบรรพบุรุษท่านหนึ่งของนิกายจื่ออวิ๋นของท่านอีกด้วย”

หนานหลิงจื่อที่อยู่ในชุดผ้าแพรเนื้อดีทอดสายตามองไกลออกไป พลางลูบที่คางของตนเอง

จิ่วอั้นพยักหน้ารับ พร้อมกับลูบที่หนวดของตนเองด้วยรอยยิ้ม “พี่หนานหลิงจื่อ ความสัมพันธ์ของเราสองสำนักข้าเองย่อมรู้ดี ดังนั้นหากมีสิ่งใดเชิญท่านกล่าวออกมาตามตรงได้เลย”

หนานหลิงจื่อถอนสายตากลับมา แล้วหันไปเอ่ยกับจิ่วอั้นที่อยู่ในชุดผ้าป่านด้วยน้ำเสียงลำบากใจว่า “ข้าต้องการรู้ว่าผู้อาวุโสท่านนั้น มีความเกี่ยวข้องกับนิกายกระบี่สวรรค์เยี่ยงไรกันแน่ ? ”

“เรื่องนี้จะอธิบายเช่นไรดี ? ”

จิ่วอั้นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ แล้วจึงส่งกระแสจิตกลับไปว่า “พี่หนานหลิงจื่อ ในเมื่อท่านเอ่ยถามเช่นนี้ ข้าก็จะมิปิดบังใด ๆ ท่านอีก”

“แต่ก่อนหน้านั้นข้ามีเรื่องที่จะต้องกำชับท่านอย่างหนึ่ง สิ่งที่ข้าจะบอกท่านต่อจากนี้ห้ามบอกผู้ใดอีกเป็นอันขาด ต้องเก็บเป็นความลับภายในใจของท่านเท่านั้น”

ทันทีที่สิ้นเสียง หนานหลิงจื่อก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เผยท่าทางสับสนออกมา

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยักหน้ารับด้วยความหนักแน่น

วินาทีต่อมา

“ข้าจะบอกท่านตามตรงเลยก็แล้วกัน ! ”

จิ่วอั้นมองไปรอบ ๆ และใช้กระแสจิตตรวจสอบภายในรัศมีหลายลี้ ก่อนจะส่งกระแสจิตเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสท่านนั้นมิเพียงมีความเกี่ยวข้องกับนิกายกระบี่สวรรค์ เขายังได้เร้นกายอยู่ที่นิกายกระบี่สวรรค์อีกด้วย”

ห๊ะ ! ! !

หนานหลิงจื่อดวงตาเบิกโพลงในทันที สีหน้าตกตะลึง ร่างทั้งร่างแข็งค้างราวกับหินก็มิปาน

‘ยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานที่ยื่นมือเข้ามาช่วยก่อนหน้านี้ อยู่ที่นิกายกระบี่สวรรค์เยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘เป็นไปได้เยี่ยงไร ! ’

‘หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดหลายปีมานี้นิกายกระบี่สวรรค์ถึงได้ตกต่ำลง ทั้งยังปล่อยให้แดนบำเพ็ญเพียรโบราณที่เขาหยุนหลานตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้เล่า ? ’

‘หรือว่าพวกอู๋ไท่เหอตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ ? ’

‘แปลก ! ’

‘เรื่องนี้ช่างน่าแปลกยิ่งนัก ! ’

“พี่จิ่วอั้น เหตุใดข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูแปลก ๆ ……”

หนานหลิงจื่อเอ่ยยังมิทันจบประโยค จิ่วอั้นก็รีบโบกมือขึ้นขัดทันที “ข้ารู้ว่าท่านกำลังสงสัยสิ่งใด แต่ข้าบอกท่านได้เลยว่า ก่อนหน้านี้ข้าได้เห็นผู้อาวุโสท่านนั้นด้วยตาตนเองมาแล้ว”

“นี่มัน ! ! ! ”

หนานหลิงจื่ออดมิได้ที่จะส่ายหน้าออกมา พลางเอ่ยว่า “เป็นไปมิได้ ท่านจะเห็นผู้อาวุโสท่านนั้นได้เยี่ยงไรกัน ? ”

เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของจิ่วอั้นพลันฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ “ความจริงแล้วท่านเองก็เคยเห็นเขาเช่นกัน เพียงแต่ท่านและข้า……มีตาหามีแววไม่”

หนานหลิงจื่อกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะรีบซักไซ้ว่า “พี่จิ่วอั้น ท่านเลิกอมพะนำได้แล้ว จิตใจของข้าใกล้จะเกิดธาตุไฟเข้าแทรกอยู่แล้วนะ”

จิ่วอั้นจึงอธิบายต่อว่า “ความจริงแล้ว……ผู้อาวุโสท่านนั้น……ก็คือบุรุษหนุ่มผู้นั้นที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น มีท่าทางสุภาพอ่อนโยน ที่มิได้อยู่ในสายตาของพวกเราแม้แต่น้อย”

หนานหลิงจื่อพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “ถูกต้อง มิว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็จำเป็นจะต้องสร้างค่ายกลห้วงเวลาของจวนหนานหลิงที่นิกายกระบี่สวรรค์ให้จงได้”

“เพราะเหตุใดเล่าขอรับ ? ” มีผู้อาวุโสอีกคนเอ่ยถามขึ้น

หนานหลิงจื่อโบกมือไปมา ก่อนจะส่ายหน้า “เรื่องบางเรื่องพวกเจ้ามิจำเป็นต้องรู้ เพียงแค่จำเอาไว้ว่าการสร้างค่ายกลห้วงเวลาของจวนหนานหลิงที่นิกายกระบี่สวรรค์นั้น จะส่งผลต่ออนาคตของจวนหนานหลิงของเรา”

เอ่ยเพียงเท่านั้น หนานหลิงจื่อก็มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงแค่เรียกผู้อาวุโสอีกสองท่านออกมา จากนั้นก็ได้เหาะไปทางนิกายกระบี่สวรรค์อีกครั้ง

……

……

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่เหล่าผู้อาวุโสของวังเสวียนจี รวมถึงผู้แข็งแกร่งของสองสำนักเซียนใหญ่ทยอยกลับไปแล้ว

และขณะที่เย่ฉางชิงกำลังลอบบ่นอยู่ในใจว่า ผู้ฝึกเซียนระดับสูงมีความคิดละเอียดรอบคอบอยู่นั้น

พวกอู๋ไท่เหอก็ได้ส่งสัญญาณให้พวกผู้อาวุโสในสำนักกลับไปทันที ก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาเย่ฉางชิง พร้อมด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มอ่อนโยน

“น้องเย่ เมื่อครู่โชคดีที่ได้คำชี้แนะจากเจ้า ! ”

อู๋ไท่เหอและขงซิงเจี้ยนคารวะให้แก่เย่ฉางชิงเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ทั้งสองท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ตอนนั้นเป็นเพราะพวกท่านอยู่ใกล้เกินไปจึงมองมิเห็น ส่วนข้าเป็นคนที่มองเข้าไปจากข้างนอกจึงเห็นได้ชัดกว่าก็เท่านั้น และโชคดีที่เป็นหมาก……วิถีหมาก หากเป็นเรื่องอื่นข้าคงไร้ความสามารถที่จะช่วยได้เช่นกัน”

เย่ฉางชิงยิ้มออกมาอย่างมิเห็นว่าจะเป็นเรื่องสำคัญอันใด ก่อนจะหันไปทางหนานกงเสวียนจีที่ยังสลบมิฟื้นอยู่มิไกลนัก พลางเอ่ยถามขึ้นว่า “จริงสิ หนานกงเสวียนจี เขาคงมิได้เป็นอันใดมากใช่หรือไม่ ? ”

“มิเป็นไร”

ขงซิงเจี้ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่วิญญาณดั้งเดิมของน้องหนานกงถูกโจมตี หลับสักตื่นก็มิเป็นอันใดแล้ว”

เอ่ยถึงตรงนี้ ขงซิงเจี้ยนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองเหยาห้าวหยานที่อยู่มิไกลนัก พร้อมกับคำรามออกมาว่า “เหยาห้าวหยาน เจ้าคิดจะให้น้องหนานกงตากลมอยู่เยี่ยงนี้หรือไง ? ”

ทันทีที่สิ้นเสียง พวกเหยาห้าวหยานและผู้อาวุโสอีกสองคน ที่กำลังยืนพิจารณาเย่ฉางชิงด้วยความสงสัยอยู่นั้นก็ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาหนานกงเสวียนจีในทันที

ตอนนั้นเอง อู๋ไท่เหอก็ได้เอ่ยเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น “น้องเย่ พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน