อ่านสรุป ตอนที่ 450 ตาเฒ่าขง เจ้าพูดจริงหรือ ? จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 450 ตาเฒ่าขง เจ้าพูดจริงหรือ ? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 450 ตาเฒ่าขง เจ้าพูดจริงหรือ ?
‘นี่มัน ! ! ! ! ’
‘เกิดอันใดขึ้นที่นิกายกระบี่สวรรค์ชั้นในกันแน่ ! ’
‘เหตุใดด้านบนของยอดเขากระบี่ปรารถนาถึงได้หายไป ? ’
‘นั่นเป็นยอดเขาที่พำนักของข้าเจี้ยนอู๋เหิน ศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์เชียวนะ ! ’
เจี้ยนอู๋เหินนิ่งค้างอยู่เยี่ยงนั้น สายตาจ้องเขม็งไปยังส่วนบนสุดที่หายไปของยอดเขากระบี่ปรารถนา
“มิได้การ ต้องไปถามให้รู้เรื่อง ! ”
เจี้ยนอู๋เหินเมื่อได้สติสีหน้าก็พลันเย็นชาขึ้นมา ก่อนจะแปลงร่างเป็นลำแสงพุ่งไปทันที โดยมิสนใจภาพลักษณ์ของเซียนผู้สูงส่งอันใดนั่นอีกแล้ว
มิกี่อึดใจต่อมา
เจี้ยนอู๋เหินก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง บนจัตุรัสด้านล่างของตำหนักพันกระบี่
โดยมีเหยาห้าวหยานและผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งของนิกายกระบี่สวรรค์ กำลังยืนจับกลุ่มอยู่บนจัตุรัสแห่งนั้นก่อนแล้ว ขณะปรึกษากันอยู่ว่าเมื่อเจี้ยนอู๋เหินกลับมาแล้วควรจะอธิบายเช่นไรดี
“ท่านประมุข เยี่ยงไรซะอู๋เหินก็เป็นศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์ของเรา ภายภาคหน้าต้องสืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน”
“นั่นน่ะสิ อีกทั้งคุณสมบัติวิถีกระบี่ของอู๋เหินยังหาได้ยากในรอบพันปีอีกด้วย”
“จริงสิ เหตุใดท่านบรรพจารย์ขงถึงต้องเอาส่วนบนของยอดเขากระบี่ปรารถนาไปด้วยเล่า เขาต้องการจะทำอันใดกันแน่ ? ”
“ท่านประมุข เหตุใดท่านถึงมีท่าทีกระสับกระส่ายเช่นนี้เล่า ท่านบรรพจารย์ขงคงมิได้บอกสิ่งใดกับท่านหรอกหรือ ? ”
“ข้ามองว่ามิสู้พวกเราอาศัยตอนนี้อู๋เหินยังเข้าฌานอยู่ ไปหายอดเขาสักที่หนึ่งมาวางไว้บนยอดเขากระบี่ปรารถนาแทน จากนั้นค่อยใช้ค่ายกลเสริม พวกท่านเห็นเป็นเช่นไร ? ”
“……”
“……”
วินาทีต่อมา จู่ ๆ เหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง ก่อนจะหันไปมองทางด้านหลัง
หลังจากนั้นเมื่อเจี้ยนอู๋เหินที่สวมชุดคลุมสีน้ำเงินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน สีหน้าของพวกเขาต่างมิสู้ดีขึ้นมาทันที ซึ่งเดิมทีนั้นพวกเขาควรจะดีใจ ทว่าเวลานี้อารมณ์ดีใจกลับหายไปจนสิ้น
เพราะสามปีก่อน เจี้ยนอู๋เหินได้สาบานต่อหน้าทุกคนว่า หากตนมิสามารถรู้แจ้งจิตกระบี่หยั่งรู้ระดับสี่ได้จะมิออกจากฌาน
และหากภายในห้าปีเขายังมิออกจากฌาน เขาก็ได้ขอร้องให้อาจารย์เหยาห้าวหยานปลดเขาจากตำแหน่งศิษย์เอก และขับให้เขาออกไปบำเพ็ญเพียรยังสำนักชั้นนอกแทน
ตอนนั้นเมื่อได้ยินคำร้องขอที่โหดร้ายของเจี้ยนอู๋เหิน ทั่วทั้งนิกายกระบี่สวรรค์ ตั้งแต่ท่านบรรพจารย์ขงซิงเจี้ยนที่ชื่นชอบเจี้ยนอู๋เหินกว่าผู้ใดเพื่อน ไปจนถึงสุนัขที่อยู่สำนักชั้นนอกต่างก็ตื่นตกใจไปตาม ๆ กัน
แต่พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ด้วยคุณสมบัติวิถีกระบี่ของเจี้ยนอู๋เหินที่หาได้ยากในรอบพันปี บวกกับนิสัยพูดจริงทำจริง มิว่าผู้ใดก็มิสามารถห้ามเขาได้
ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดมิถึง ก็คือ เวลาเพิ่งจะผ่านพ้นไปเท่าไรกัน ?
สามปี !
เวลาเพียงสามปี ! เจี้ยนอู๋เหินก็รู้แจ้งในจิตกระบี่หยั่งรู้ระดับสี่ และออกฌานได้สำเร็จแล้ว เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นพวกเขาประเมินคุณสมบัติวิถีกระบี่ของเจี้ยนอู๋เหินต่ำเกินไป
สิ่งนี้หมายความว่าเยี่ยงไรนั้น ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
ทว่าเวลานี้ด้านบนของยอดเขากระบี่ปรารถนาเพิ่งจะถูกบรรพจารย์ขงย้ายไป และประกอบกับเจี้ยนอู๋เหินออกฌานมาพอดี
ดังนั้นตอนนี้จึงมิใช่เวลาที่เหมาะสมเลยจริง ๆ !
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เหล่าผู้อาวุโสต่างส่งสายตาสื่อสารกัน ก่อนจะหันไปมองทางเหยาห้าวหยาน เพราะในเวลานี้ดูแล้วคงมีเพียงท่านประมุขที่พอจะเข้าใจสถานการณ์และให้คำตอบเขาได้
“ท่านอาจารย์ เกิดอันใดขึ้นกับยอดเขากระบี่ปรารถนาของศิษย์หรือขอรับ ขออาจารย์โปรดอธิบายให้ศิษย์ได้รู้ด้วยขอรับ”
เจี้ยนอู๋เหินขมวดคิ้วมุ่น ขณะเอ่ยถามเหยาห้าวหยานด้วยใบหน้าเย็นชา
เพราะภายในใจเขาตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก นิกายกระบี่สวรรค์อันกว้างใหญ่และสงบสุข เหตุใดถึงมีเพียงยอดเขากระบี่ปรารถนาที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้ ?
มิหนำซ้ำยังดูเหมือนถูกคนตัดเอาแต่ส่วนบนของยอดเขาไปอีกด้วย !
ยิ่งไปกว่านั้นยอดเขากระบี่ปรารถนาจะมีเพียงศิษย์เอกของนิกายกระบี่สวรรค์เท่านั้นที่จะสามารถพำนักได้ ซึ่งศิษย์เอกถือเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขของนิกายกระบี่สวรรค์คนต่อไปอีกด้วย
แต่ตัดส่วนบนของยอดเขากระบี่ปรารถนาไปเช่นนี้ มิเพียงเป็นการสร้างความอัปยศให้กับเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำเช่นนี้ยังเรียกได้ว่ามิเห็นนิกายกระบี่สวรรค์อยู่ในสายตาอีกด้วย
ช่างบังอาจยิ่งนัก !
เมื่อได้ยินดังนั้น เหยาห้าวหยานที่นิ่งเงียบอยู่นานก็เหมือนได้สติขึ้นมา
เขามองหน้าเจี้ยนอู๋เหินแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “อู๋เหิน ยอดเขากระบี่ปรารถนาถูกท่านบรรพจารย์ขงตัดไป เจ้ามีคำถามอันใดก็ไปถามเขาเอาเองก็แล้วกัน”
“ตาเฒ่าขง ? ”
เจี้ยนอู๋เหินมีสีหน้าเข้มขึ้น ก่อนจะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “ตาเฒ่านั่นเป็นบ้าอันใดไปอีก ถึงกล้าทำเช่นนี้กับยอดเขากระบี่ปรารถนาของข้า ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียง พลังปราณก็ปะทุขึ้นรอบกายเจี้ยนอู๋เหิน จากนั้นก็ได้แปลงร่างเป็นลำแสงสายหนึ่งทะยานพุ่งออกไปในทันที
เห็นดังนั้น
สูด !
“ตาเฒ่าขง วันนี้เจ้าต้องอธิบายข้ามา มิเช่นนั้นข้าจะรื้อยอดเขากระบี่ดวงดาวของเจ้าซะ ! ”
เจี้ยนอู๋เหินที่เผชิญหน้ากับขงซิงเจี้ยนบรรพจารย์ที่มีฝีมือสูงส่งของนิกายกระบี่สวรรค์ ซึ่งเขาหาได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยไม่
ทว่าขงซิงเจี้ยนมิได้ตอบแต่อย่างใด และเอ่ยถามเขาถึงเรื่องอื่นแทน “เด็กน้อย ภาพอักษรพู่กันภาพนี้ของข้าเป็นเช่นไรบ้าง ? ”
เจี้ยนอู๋เหินนิ่งงันไป ก่อนจะชำเลืองมองภาพอักษรพู่กันที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงแสร้งเอ่ยด้วยความโมโหว่า “ก็มิเลว และหากเจ้ามอบอักษรพู่กันภาพนี้ให้ข้า ข้าจะปล่อยเรื่องยอดเขากระบี่ปรารถนาไปก็ได้”
“เด็กน้อย หากเป็นอักษรพู่กันภาพนี้ เจ้าอย่าได้หวังเลย”
ขงซิงเจี้ยนส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยอย่างมีเลศนัยว่า “แต่เห็นแก่ที่คุณสมบัติวิถีกระบี่ของเจ้าสูงส่งกว่าผู้ใด ข้าจะมอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เจ้าอย่างหนึ่งก็แล้วกัน”
“ตาเฒ่าขง เจ้าอย่ามากล่าวอันใดไร้สาระหน่อยเลย”
เจี้ยนอู๋เหินแค่นเสียงเย็น อย่างดูแคลนว่า “หากมีโอกาสและวาสนาที่ยิ่งใหญ่อยู่จริง ๆ คงถูกเจ้ายึดเอาไว้นานแล้ว ไหนเลยจะใจดีมอบให้ข้าได้ ? ”
“เอาเช่นนี้ข้าเองก็ขี้เกียจจะกล่าวไร้สาระกับเจ้าแล้ว ขอแค่เจ้ามอบอักษรพู่กันภาพนั้นมา ข้าจะปล่อยเรื่องยอดเขากระบี่ปรารถนาไป แต่หากเจ้ามิยอมตกลง เห็นทีวันนี้ข้าคงจะต้องตัดยอดเขากระบี่ดวงดาวของเจ้าเช่นกัน”
เอ่ยเพียงเท่านั้น เจี้ยนอู๋เหินก็เพ่งสมาธิ ภายในมือพลันปรากฏกระบี่โบราณขึ้นมาหนึ่งเล่ม
แม้ความแตกฉานในวิถีกระบี่ของเขาจะห่างไกลจากขงซิงเจี้ยนอยู่มาก แต่การจะตัดยอดเขากระบี่ดวงดาวนั้น หาได้ยากเย็นเกินกำลังไม่
“เด็กน้อย ครั้งนี้ข้ามิได้ล้อเจ้าเล่น”
ขงซิงเจี้ยนหัวเราะออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นี่เป็นโอกาสและวาสนาอันยิ่งใหญ่จริง ๆ แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่”
เจี้ยนอู๋เหินมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่บรรพจารย์ขงใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเขา
“ตาเฒ่า ไหนเจ้าลองกล่าวมาสิ”
เจี้ยนอู๋เหินชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมา
ขงซิงเจี้ยนพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะส่งกระแสจิตให้กับเจี้ยนอู๋เหิน
หลังจากเสียงของขงซิงเจี้ยนดังขึ้น เจี้ยนอู๋เหินก็อดมิได้ที่ใจจะสั่นสะท้านขึ้นมา พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
มิได้เอ่ยออกมาตรง ๆ แต่กลับส่งกระแสจิตในการสื่อสารเช่นนี้ เรื่องนี้ต้องมิธรรมดาเสียแล้ว !
ทว่าเวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป
เจี้ยนอู๋เหินพลันตาเบิกโพลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว “ตาเฒ่าขง เจ้ากล่าวจริงหรือ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน