เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 453

ตอนที่ 453 เจ้าก็คือทุกข์ของนาง

อีกด้านหนึ่ง

ระหว่างที่โลกภายนอกกำลังปั่นป่วนเพราะวังเสวียนจีถูกทำลายจนพังพินาศ

เย่ฉางชิงที่บำเพ็ญเพียรมาทั้งคืน จนกระทั่งเช้าวันรุ่ง จึงได้ตัดสินใจนอนพัก

ต้องยอมรับว่าเขานั้นรู้สึกพอใจกับการตกแต่งของที่นี่มิน้อย

ภายในเรือนหลังนี้จะถูกปูพื้นด้วยหินสีขาว มุมกำแพงมีต้นไผ่ทั้งเล็กทั้งใหญ่ขึ้นแซมกันอยู่ มีดอกไม้สีสันสดใสส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว และมียาวิเศษมากมายที่มีแสงพวยพุ่งออกมา

ตำหนักโบราณใหญ่โตโอ่อ่า มีห้องพักที่สร้างจากอิฐและไม้โบราณตั้งเรียงราย อีกทั้งยังมีห้องใต้หลังคาที่สูงนับสิบจั้งสองห้องและตั้งอยู่แยกกันสองฝั่ง เห็นได้ชัดว่าการจัดวางของเรือนหลังนี้พิเศษเพียงใด

ถึงแม้ภายในเรือนหลังนี้จะดูเหมือนถูกทิ้งร้างมานาน แต่เนื่องจากถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยค่ายกลโบราณ จึงทำให้สิ่งของต่าง ๆ มิมีคราบฝุ่นเกาะเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเย่ฉางชิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เวลาก็ล่วงเลยไปยามอู่แล้ว

“นี่ข้านอนหลับไปนานเพียงใดกัน ? ”

เย่ฉางชิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และเหมือนกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จึงรีบลุกขึ้นนั่งในทันที

“หลังจากขึ้นมาสวรรค์บูรพา นี่เป็นครั้งแรกที่หลับได้สนิทถึงเพียงนี้”

เย่ฉางชิงชะงักไปเล็กน้อย อดมิได้ที่จะทอดถอนใจออกมา “ต้องยอมรับว่าเส้นทางการบำเพ็ญเพียรนั้นมิง่ายเลยจริง ๆ หากก้าวเข้ามาแล้วก็มิมีทางที่จะย้อนกลับไปได้อีก”

“ก่อนหน้านี้ตอนที่บำเพ็ญเพียรที่สำนักเซียนลึกลับอย่างสำนักชิงหยาง ด้วยความที่เป็นกังวลเรื่องคุณสมบัติของตนและกลัวถูกขับไล่ จึงจำต้องตั้งใจบำเพ็ญเพียรทั้งวันทั้งคืน”

“มาบัดนี้แม้จะถูกไล่ให้มาบำเพ็ญเพียรที่นิกายกระบี่สวรรค์ และจับพลัดจับผลูจนได้สาบานเป็นพี่น้องกับประมุขคนแรกของนิกายกระบี่สวรรค์ ทว่าที่นี่เยี่ยงไรซะก็เป็นโลกบำเพ็ญเพียร ที่ทุกสิ่งอย่างจะต้องวัดกันที่ความแข็งแกร่งของพลัง”

“ยิ่งกว่านั้นยังถูกเหล่าบรรพจารย์ของนิกายกระบี่สวรรค์มโนว่าเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน หากพวกเขาจับได้ว่าตอนนี้ข้ามีตบะบารมีเพียงระดับแดนก่อกำเนิดขั้นต้น อีกทั้งความเร็วในการบำเพ็ญเพียรยังช้ากว่าคนอื่น ถึงตอนนั้นพวกเขาจะทำเยี่ยงไรกับข้าบ้าง ? ”

เย่ฉางชิงนั่งทอดถอนใจเพียงลำพัง ภายในห้องโถงที่มืดสลัวเป็นเวลานาน

จนสุดท้ายเขาก็ได้ลุกไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

เมื่อวานนี้หลังจากขงซิงเจี้ยนจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยฟ้าก็มืดมากแล้ว ดังนั้นเย่ฉางชิงจึงทำได้เพียงบำเพ็ญเพียรอยู่ภายในโถงใหญ่ในค่ำคืนที่ผ่านมา

ดังนั้นวันนี้เขาจึงมีสองเรื่องที่จะต้องจัดการ

อันดับแรก หาที่บำเพ็ญเพียรเหมาะ ๆ สักที่ภายในบริเวณป่าไผ่นอกเรือน เพราะเขาเองก็ยังมิรู้ว่าจะต้องอยู่ที่นิกายกระบี่สวรรค์อีกนานเท่าไร

อันดับที่สอง เขาต้องไปพบกับหนานกงเสวียนจีอีกสักครั้ง เพื่อสอบถามเรื่องราวและคนที่อยู่ในโลกเบื้องล่าง

จากตอนแรกที่มิรู้อันใดเลย จนถึงตอนนี้เขาก็พอที่จะเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น

ภายในสมองของเขาก็มีร่างที่คุ้นเคย และใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายผุดขึ้นมาอยู่บ่อยครั้ง

“ศิษย์พี่……พวกท่านมากันตั้งแต่เมื่อใดงั้นหรือ ? ”

เย่ฉางชิงที่เพิ่งจะก้าวออกมาจากตำหนัก ก็พบว่าภายในศาลามิไกลนัก ได้มีร่างสตรีที่งดงามสองนางกำลังยืนอยู่

“ท่าน……ท่านเย่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของชวี่เหวินเซี่ยนิ่งค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อย ๆ ออกมา

หนิงซู่ซู่จ้องมองไปยังเย่ฉางชิง ใบหน้าพริ้มพราวนั้นเผยสีหน้าสับสนออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ

เย่ฉางชิงชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาพวกนางอย่างช้า ๆ

หากมีเพียงชวี่เหวินเซี่ยอยู่ที่นี่ล่ะก็ เขาคงจะกระโจนเข้าไปหาโดยมิลังเลเป็นแน่

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพจารย์ท่านนี้ของนิกายกระบี่สวรรค์ จึงมิอาจแสดงกิริยาแสดงเช่นนั้นได้

“พวกท่านทั้งสองมาตั้งแต่เมื่อใดงั้นหรือ ? ”

เย่ฉางชิงเดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มอ่อนโยน “เดิมทีข้าคิดว่าจะงีบสักครู่ แต่กลับเผลอหลับยาวจนถึงป่านนี้ไปซะไปได้”

ทันทีที่สิ้นเสียง หนิงซู่ซู่ชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะรวบรวมความกล้า และถามขึ้นเสียงนุ่มว่า “ท่านเย่พอใจกับการตกแต่งของที่นี่หรือไม่เจ้าคะ ? ”

“มิเลว”

เย่ฉางชิงหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรเช่นเราแล้ว นอกจากตบะบารมีของตนเอง ที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งนอกกาย ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”

เมื่อได้ยินดังนั้นหนิงซู่ซู่ก็ชะงักไป ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“จริงสิ พวกท่านสองคนมาที่นี่มีเรื่องอันใดงั้นหรือ ? ”

เย่ฉางชิงกวาดตามองหนิงซู่ซู่และชวี่เหวินเซี่ยเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน