เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 454

ตอนที่ 454 เจ้าคิดว่า……อาจารย์มีโอกาสหรือไม่ ?

“หนานกงเสวียนจีคารวะท่านเย่”

หนานกงเสวียนจีโรยตัวลงมาตรงหน้าของเย่ฉางชิง จากนั้นก็โค้งลงคารวะ

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ฉางชิงก็ชะงักไปเล็กน้อย ประกายสับสนพาดผ่านแววตา

ตอนอยู่โลกเบื้องล่าง

เขาต้องจับเจ่าอยู่แต่ในเมืองเสี่ยวฉือตั้งหลายปี ผลสุดท้ายเพราะความฝันในครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นผู้ไร้พ่าย

หลังจากขึ้นมาสวรรค์บูรพา ตอนแรกเขาคิดว่าตนเองได้ทะลุมิติมาอีกครั้ง จนถึงตอนที่ได้เข้าร่วมทดสอบแดนมายาของนิกายกระบี่สวรรค์ และบังเอิญได้พบกับเทพหลิวอีกครั้ง

เขาจึงรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้มาโดยตลอด

เยี่ยงไรซะนั่นก็เป็นเพียงการทดสอบแดนมายาของนิกายกระบี่สวรรค์ สิ่งที่เห็นในตอนนั้นบางทีอาจเป็นเพียงสิ่งที่จิตใต้สำนึกของเขาสร้างขึ้น มิใช่เรื่องจริงก็เป็นได้

จนกระทั่งเขาได้พบกับหนานกงเสวียนจีที่นิกายกระบี่สวรรค์

ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่โลกเบื้องล่างนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง

เป็นเขาที่ใช้จิตของตนเองเปิดประตูสวรรค์ และข้ามมายังสวรรค์บูรพา

ทว่าสิ่งที่ต่างไป ก็คือ พลังทั้งหมดที่เขามีกลับหายไปหมด และตอนนี้เขาก็กลายเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรระดับแดนก่อกำเนิดขั้นต้นคนหนึ่งเท่านั้น

หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก เย่ฉางชิงก็กวาดตามองหนานกงเสวียนจีที่ยืนอยู่อย่างนอบน้อม ก่อนจะโบกมือไปมา “ทำเหมือนตอนอยู่โลกเบื้องล่างเถอะ อยู่ต่อหน้าข้ามิต้องมากพิธีเช่นนี้ และตามข้าเข้าไปคุยข้างในเถอะ”

เอ่ยจบเย่ฉางชิงก็หมุนกายกลับเข้าไปในเรือน

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่มีตบะบารมีเพียงระดับแดนก่อกำเนิด แต่ภายในใจของหนานกงเสวียนจี คงยังคิดว่าเขาเป็นผู้ไร้เทียมทานเหมือนตอนอยู่โลกเบื้องล่างกระมัง

อีกอย่างตอนนี้หนานกงเสวียนจีก็เป็นเพียงแขกอาวุโสท่านหนึ่งของนิกายกระบี่สวรรค์เท่านั้น ส่วนเขาได้สาบานเป็นพี่น้องกับประมุขคนแรกของนิกายกระบี่สวรรค์ไปแล้ว ดังนั้นมิว่าจะเยี่ยงไรก็ควรจะสงวนท่าทีของผู้ที่อาวุโสกว่าเอาไว้

เมื่อมาถึงกลางลาน

เวลานี้แม้ราตรีจะคืบคลานเข้ามา แต่เพราะมีการวางค่ายกลขนาดเล็กเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ จึงทำให้ภายในลานราวกับมีไฟถูกจุดเอาไว้ และสว่างไสวเป็นอย่างมาก

ภายในศาลา

ด้วยเย่ฉางชิงได้ขอร้องเอาไว้ จึงทำให้หนานกงเสวียนจีต้องนั่งลงเผชิญหน้ากับเย่ฉางชิงอย่างระมัดระวังท่าที

“หนานกง เจ้าขึ้นมายังสวรรค์บูรพาเมื่อใดงั้นหรือ ? ”

ขณะกล่าวเย่ฉางชิงก็เพ่งสมาธิแล้วหยิบสุราชิงอี่หนึ่งกาและจอกสุราสองจอกออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะรินสุราให้ตนเองและหนานกงเสวียนจีคนละจอก

“เรียนท่านเย่ ข้าเพิ่งจะขึ้นมายังสวรรค์บูรพาก่อนหน้านี้มินานขอรับ”

หนานกงเสวียนจีรับจอกสุราด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง “เดิมทีสามารถขึ้นมาได้ตั้งแต่ร้อยปีก่อน แต่เนื่องจากบังเอิญได้รับกลหมากโบราณมาภาพหนึ่ง กว่าจะแก้กลหมากได้ เวลาก็ได้ผ่านไปนับร้อยปีเสียแล้ว”

ได้ยินดังนั้น มือที่ยกจอกสุราของเย่ฉางชิงก็ชะงักค้างไปชั่วขณะ แววตาประหลาดใจพาดผ่านดวงตา

‘เหตุใดถึงเนิ่นนานนับร้อยปีไปได้ ? ’

‘หลังจากข้ามาถึงสวรรค์บูรพา เวลาเพิ่งผ่านพ้นไปแค่ครึ่งปีเท่านั้น’

‘หรือเวลาของทั้งสองโลกมิเท่ากัน ? ’

‘เบื้องบนหนึ่งวัน เบื้องล่างหนึ่งปี ? ’

‘อืม ! ’

‘ คงจะเป็นเช่นนั้น ! ’

‘ดูท่าหากมีเวลาคงต้องไปหอเก็บตำราของนิกายกระบี่สวรรค์ดูสักครั้ง จะได้เข้าใจอันใดหลาย ๆ อย่างมากขึ้น’

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”

เย่ฉางชิงเอ่ยเรียบ ๆ ออกมา จากนั้นก็ยกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอก

“จริงสิ ชิงเฟิง สือซาน แล้วก็ราชันทมิฬ พวกเขาเป็นเช่นไรกันบ้าง ? ”

เย่ฉางชิงวางจอกสุราในมือลง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“ท่าน……ตู๋กูชิงเฟิงหลังจากที่ท่านขึ้นมาบนนี้ได้มินาน นางก็ได้ตามขึ้นมาแล้วขอรับ”

เอ่ยถึงตรงนี้ หนานกงเสวียนจีก็ชำเลืองมองเย่ฉางชิง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ส่วนถูสือซานและราชันทมิฬที่ท่านเอ่ยถึง ก็ได้ขึ้นมาบนสวรรค์บูรพาก่อนข้าแล้วเช่นกันขอรับ”

ต้องบอกว่าเมื่อเอ่ยถึงสองคนนี้ หนานกงเสวียนจีนั้นรู้สึกอับอายมากจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน