เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 455

ตอนที่ 455 ข้าขอนับถือ

‘โอกาสอันใด ? ’

‘ผู้แข็งแกร่งเช่นอาจารย์ยังต้องการโอกาสอันใดอีก ? ’

‘แสดงว่าเมื่อครู่อาจารย์มิได้สนใจฟังเพลงที่ข้าเล่น แต่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นอยู่’

‘จริงสิ !’

‘โอกาสที่นางหมายถึงก็คงจะเป็น’

‘โอกาสระหว่างนางกับศิษย์น้องเย่ ?’

ชวี่เหวินเซี่ยนิ่งงันไปพักหนึ่ง ก่อนจะได้สติขึ้นมา

‘แต่คำถามนี้ข้าควรจะตอบเช่นไงดี ?’

‘ศิษย์น้องเย่แสดงออกชัดเจนแล้ว ว่าตอนนี้ต้องการอุทิศตนเพื่อการบำเพ็ญเพียร มิมีเวลาสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกด้วยว่า ภายในใจเขามีสตรีนางหนึ่งอยู่แล้ว’

‘หากบอกอาจารย์ไปตามตรงว่านางนั้นมิมีโอกาสแม้แต่นิดเดียว เพื่อให้นางตัดใจตั้งแต่เนิ่น ๆ ’

‘เช่นนี้จิตใจของอาจารย์จะรับไหวหรือไม่ หรือจะเกิดปัญหาอันใดตามหรือไม่ ? ’

‘ปัญหาเช่นนี้มิใช่ว่าเป็นไปมิได้’

‘เยี่ยงไรซะนับตั้งแต่ที่อาจารย์บำเพ็ญเพียรมาหลายพันปี นี่เป็นครั้งแรกที่นางเกิดความรู้สึกเช่นนี้’

‘อีกอย่างโลกมนุษย์เคยมีคำกล่าวว่า สตรีสามสิบดุจหมาป่า สี่สิบดุจพยัคฆ์ ห้าสิบช่วงล่างมิค่อยดีเท่าไหร่’

‘ยิ่งไปกว่านั้นนางยังบำเพ็ญเพียรเพียงลำพังมาเป็นพัน ๆ ปี’

แม้ตอนนี้ชวี่เหวินเซี่ยจะยังมิสามารถเข้าใจประโยคนี้ว่าแท้จริงแล้วหมายความเช่นไรกันแน่ แต่นางรู้ดีว่าหากเกิดปัญหาอันใดขึ้น ผลที่ตามมามิอาจประมาทได้

หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก ชวี่เหวินเซี่ยก็ยกมือขึ้นคลึงหว่างคิ้ว ก่อนจะเอ่ยหยั่งเชิงอย่างระมัดระวังด้วยการกล่าวว่า “อาจารย์ ศิษย์สามารถปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ ? ”

หนิงซู่ซู่ขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางเอ่ยอย่างงุนงงว่า “เพราะเหตุใดกัน ? ”

ชวี่เหวินเซี่ยยิ้มน้อย ๆ ออกมา “เพราะว่า……ศิษย์เองก็มิเคยสัมผัสกับเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นจึงมิสามารถเข้าใจได้เจ้าค่ะ”

หนิงซู่ซู่พยักหน้ารับพลางครุ่นคิด ก่อนจะถามออกมาอย่างมิมั่นใจนักว่า “เหวินเซี่ย เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่า……ความทรงจำของท่านเย่ตอนนี้ถูกเปิดออกแล้วหรือยัง ? ”

ชวี่เหวินเซี่ยดวงตาเปล่งประกายขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ พูดออกไปว่า “น่าจะ……ยังเจ้าค่ะ”

ดูจากท่าทางในวันนี้ของเย่ฉางชิงแล้ว เหมือนยังมิมีอันใดที่แปลกไป มิเช่นนั้นตอนที่ส่งกระแสจิตคุยกัน เขาคงจะมิเรียกนางว่าศิษย์พี่เหมือนเดิมหรอก

หนิงซู่ซู่พยักหน้าน้อย ๆ ในที่สุดนางก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตนนั้นได้เสียมารยาทไป

จากนั้นนางก็ได้หายไปจากที่นางนั่งอยู่ภายในพริบตา

ตอนนั้นเอง ยอดเขาสตรีหยกอันกว้างใหญ่จู่ ๆ ก็เกิดลมพัดแรงขึ้น ส่วนลึกของป่าไผ่พลันส่งเสียงกรอบแกรบออกมา

ขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณฟ้าดินธาตุต่าง ๆ ที่พุ่งไปในทิศทางเดียวกันอย่างบ้าคลั่ง

ใช่แล้ว !

นั่นก็คือยอดเขาที่เย่ฉางชิงบำเพ็ญเพียรอยู่ !

ปราณวิญญาณฟ้าดินจำนวนมหาศาลต่างไหลมาอย่างต่อเนื่องอยู่เกือบครึ่งเดือน จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดลง

นั่นก็หมายความว่าเย่ฉางชิงตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่เยี่ยงนั้น วันแล้ววันเล่าเป็นเวลานาน

แน่นอนว่าในระหว่างนี้มิว่าจะเป็นพวกอู๋ไท่เหอ หรือว่าหนิงซู่ซู่และชวี่เหวินเซี่ย เนื่องจากเย่ฉางชิงตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่ตลอด ทำให้ทุกครั้งที่พวกเขามาเยี่ยมก็จำต้องจากไปอย่างเงียบ ๆ

ทว่าในวันนี้เอง หลังจากปราณวิญญาณฟ้าดินอันโกลาหลค่อย ๆ สงบลง

ขงซิงเจี้ยนก็รีบปลุกเจี้ยนอู๋เหินที่ยังคงทำความเข้าใจอักษรพู่กันภาพนั้นอยู่

“ตาเฒ่าขง เจ้าปลุกข้าทำไมกันห๊ะ ! ”

เจี้ยนอู๋เหินที่ถูกขงซิงเจี้ยนปลุกขึ้นมา เอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด “เจ้ารู้หรือไม่ ข้ากำลังใช้เจตนาที่แท้จริงของกระบี่ในภาพอักษรพู่กันประทับในจิตกระบี่หยั่งรู้อยู่”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ขงซิงเจี้ยนก็หัวเราะออกมาอย่างมิใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยพลางลูบหนวดว่า “เด็กน้อย เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้ข้าได้บอกอันใดไป แล้วเจ้ารับปากอันใดไว้ ? ”

ได้ยินดังนั้น เจี้ยนอู๋เหินก็ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตากลอกไปมา

“จริงสิ ข้าเกือบลืมไปแล้วจริง ๆ ! ”

ผ่านไปมิกี่อึดใจ

เจี้ยนอู๋เหินก็ตบที่หน้าผากของตนเองเบา ๆ เหมือนกับในที่สุดก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

“ท่านบรรพจารย์ ท่านตัดสินใจจะพาข้าไปพบผู้อาวุโสท่านนั้นแล้วหรือขอรับ ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน