ตอนที่ 47 ความหงุดหงิดของเย่ฉางชิง
“เมื่อครู่ผู้ใดลอบโจมตีข้า ? ”
ขณะที่หลี่ฉางหมิงอธิบายให้หลี่หลินฟังอยู่นั้น พลันบังเกิดเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคน พร้อมด้วยท่าทางเดือดดาล
เห็นได้ชัดว่าอินฉางเฟิงที่ถูกตีจนสลบเมื่อครู่โมโหมากเพียงใด
เขาเป็นถึงผู้สืบทอดที่อยู่เหนือผู้ใดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ผู้บำเพ็ญเพียรมาเป็นสิบปีเช่นเขา มิเคยถูกผู้ใดลอบโจมตีเช่นนี้มาก่อน
“ลอบโจมตีเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
หลี่ฉางหมิงได้ยินดังนั้นก็หันมามองอินฉางเฟิงที่กำลังพยายามลุกขึ้นจากพื้น
เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธของอินฉางเฟิง เขาก็รีบโบกมือไปมาพลางอธิบายว่า “พี่อินท่านเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่ข้ามิได้ลอบโจมตีท่าน แต่ข้าช่วยท่านไว้ต่างหากเล่า”
“ช่วยข้างั้นหรือ ? ”
มุมปากของอินฉางเฟิงกระตุกขึ้น ก่อนเอ่ยด้วยความโมโห “นี่มันวิธีช่วยคนของสำนักใดกัน อีกอย่างผู้สืบทอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเช่นข้า อินฉางเฟิง ต้องให้ผู้อื่นมาช่วยตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ! ”
หลี่ฉางหมิงสบตากับหลี่หลินเล็กน้อย ใบหน้ายังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม “พี่อินเกรงว่าท่านคงยังมิทราบ เมื่อครู่มิทราบว่าเพราะเหตุใดจู่ ๆ ท่านก็มีอาการกระสับกระส่ายราวกับถูกมนต์สะกด เช่นนั้นข้าจึงจำเป็นต้องลงมือเยี่ยงนี้”
“อาจารย์ข้าเคยกล่าวว่า หากจิตของเราติดอยู่ในมนต์สะกดโดยสมบูรณ์เมื่อใด จิตใจอาจจะแตกสลายได้ และหากเป็นเช่นนั้นจริงต่อให้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เพียงใด ตบะบำเพ็ญเพียรแก่กล้าเพียงใด ในที่สุดก็จะสูญเปล่าอยู่ดี”
เอ่ยถึงตรงนี้หลี่ฉางหมิงก็เหลือบมองอินฉางเฟิงที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “และข้าขอบอกพี่อินอย่างมิอายว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าบำเพ็ญเพียรก็เคยเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นอาจารย์ก็ตีข้าจนสลบไปเช่นกัน จึงช่วยข้าเอาไว้ได้”
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ ? ”
เห็นท่าทางจริงจังของหลี่ฉางหมิงแล้ว สีหน้าหงุดหงิดและโมโหของอินฉางเฟิงก็ค่อย ๆ จางลง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างอดมิได้
“เป็นเช่นนั้นขอรับ ! ”
หลี่ฉางหมิงและหลี่หลินสบตากันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนจะเอ่ยพร้อมกันอย่างหนักแน่น
อินฉางเฟิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย และพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
แต่เมื่อครู่เขาเองก็ตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ มีแรงกดดันบางอย่างโจมตีภายในจิตใจของเขามิหยุด จนทำให้เขาแทบเสียสติ
มิเช่นนั้นต่อให้หลี่ฉางหมิงจะแตกฉานในวิถีกระบี่เพียงใด เขาก็ยังมั่นใจว่าตนมิมีทางเพลี่ยงพล้ำ และปล่อยให้หลี่ฉางหมิงลงมือได้สำเร็จเป็นแน่!
อินฉางเฟิงจึงหน้าดำหน้าแดงอยู่แบบนั้น ก่อนที่หลี่ฉางหมิงจะหันไปยิ้มให้แก่หลี่หลิน ราวกับเป็นการบอกว่าวิธีนี้ได้ผลใช่หรือไม่ ?
แต่เมื่อครู่นี้เขากลับรู้สึกสะใจมิน้อย
เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง
เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประลองกัน เขามักจะพ่ายแพ้อย่างเฉียดฉิวเสมอ วันนี้ถือว่าได้ชำระแค้นให้ตัวเองบ้างแล้ว
“พี่อิน ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็เชิญเข้าไปดื่มชาด้านในก่อนเถอะ”
คิดถึงตรงนี้ใบหน้าของหลี่ฉางหมิงพลันปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น ก่อนจะเอ่ยเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น
พลางส่งสายตาให้แก่หลี่หลิน อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับและจากไปทันที
อินฉางเฟิงมีท่าทีอ่อนลง พยายามฉีกยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าให้กับหลี่ฉางหมิง
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ถูกหลี่ฉางหมิงตีจนสลบไปเมื่อครู่ ก็พาลทำให้ใจเกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
สุดท้ายหลี่ฉางหมิงก็ได้เดินนำอินฉางเฟิงเข้าไปนั่งด้านในเรือน
“พี่หลี่พวกเรานับว่าเป็นคนกันเอง เช่นนั้นข้าขอพูดตรง ๆ ก็แล้วกันนะ”
อินฉางเฟิงจิบชาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับหลี่ฉางหมิงพร้อมรอยยิ้ม
หลี่ฉางหมิงพยักหน้าให้ พร้อมเอ่ยเข้าประเด็นทันที “พี่อิน ท่านอยากทราบว่าเหตุใดข้าจึงเปลี่ยนมาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ใช่หรือไม่ ? ”
“ถูกต้อง ! ” อินฉางเฟิงจ้องมองหลี่ฉางหมิง พลางเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน