ตอนที่ 57 ปัญหาของอินฉางเฟิง
“ดูนั่น นั่นศิษย์พี่ฉางเฟิงนี่ ! ”
“ศิษย์พี่ฉางหมิงกับผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง อินฉางเฟิง ! ”
“ในที่สุดพวกเขาสองคนก็ปรากฏตัวเสียที ทั้งยังไปปรากฏตัวบนเวทีนั่นอีก ดูท่าคงจะเริ่มประมือกันแล้ว”
“ได้ยินว่าผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เวลานี้เปลี่ยนไปบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ มิรู้ว่าเขาบำเพ็ญเพียรสำเร็จถึงขั้นไหนแล้ว”
“เปลี่ยนไปบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่แล้วยังไง ความแตกฉานในวิถีกระบี่ของศิษย์พี่ฉางเฟิงถึงขั้นที่ไกลเกินเอื้อมไปแล้ว แต่ผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนพึ่งจะเปลี่ยนได้มินานนี่เอง”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ในการประลองครั้งก่อนตอนที่ผู้สืบทอดของทั้งสองสำนักประลองฝีมือกันนั้น แม้ผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ฉางเฟิงไปอย่างเฉียดฉิว แต่ครั้งนี้หากทั้งคู่ประลองกระบี่กันล่ะก็ เชื่อว่าผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเป็นแน่”
“……”
ทันทีที่ผู้สืบทอดของทั้งสองสำนักอย่างหลี่ฉางหมิงและอินฉางเฟิงปรากฏตัว ทั่วทั้งลานประลอง ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ดังขึ้นทันที
วินาทีที่ผู้สืบทอดของทั้งสองสำนักปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันบนเวทีประลองกลาง แม้แต่ศิษย์ที่กำลังประลองกันอยู่ก็ยังอดที่จะหยุดดูมิได้
เพราะทั้งหลี่ฉางหมิงและอินฉางเฟิง ต่างก็เป็นตัวแทนของศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นตัวแทนของศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของทั้งสองสำนักอีกด้วย
ดังนั้นการประลองของพวกเขาทั้งสอง ก็มิต่างอะไรจากตำราที่มีชีวิตที่มาแสดงวิถีบำเพ็ญให้พวกเขาได้เห็น ทั้งยังทำให้พวกเขาตรวจสอบช่องว่าง และค้นหาจุดบกพร่องของตนเองได้อีกด้วย
แน่นอนว่าเวลานี้บนเวทีประลองอื่นต่างก็มีเหล่าศิษย์ของทั้งสองสำนักกระโดดขึ้นไป เพื่อชมการประลองของผู้สืบทอดทั้งสองอย่างใกล้ชิด หลังจากได้รับอนุญาตจากเหล่าผู้อาวุโสของทั้งสองสำนักแล้ว
ขณะเดียวกันนักพรตฉางเสวียนและเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่แท่นผู้ชมเช่นกัน
“พี่สวี”
นักพรตฉางเสวียนประสานมือคาราวะให้แก่สวีฉิงเทียน ก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่ง
สวีฉิงเทียนฝืนยิ้มออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด ก่อนจะประสานมือคาราวะตอบนักพรตฉางเสวียนไปแบบส่ง ๆ
เมื่อเห็นสายตาสวีฉิงเทียนมองไกลออกไป แต่มิได้มีท่าทีจะพูดสิ่งใดออกมา นักพรตฉางเสวียนจึงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แต่ก็มิได้เปิดปากพูดสิ่งใดเช่นกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเวทีประลองที่อยู่กลางลานแทน
ณ ลานประลองกลาง หลี่ฉางหมิงและอินฉางเฟิงได้ยืนอยู่ตรงข้ามกัน
“พี่อิน พวกเราสองคนมาเริ่มเลยดีกว่า”
หลี่ฉางหมิงประสานมือคารวะให้อินฉางเฟิงด้วยท่าทางสงบนิ่ง พร้อมใบหน้าที่ประดับไว้ด้วยรอยยิ้มสุภาพ
“พี่หลี่ ในเมื่อตอนนี้ท่านเปลี่ยนมาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่แล้ว อีกทั้งความแตกฉานในวิถีกระบี่ของท่านยังเรียกได้ว่าก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เหตุใดท่านจึงมิประลองวิถีกระบี่กับข้าเล่า ? ”
อินฉางเฟิงมองหลี่ฉางหมิง เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางหมิงมิคิดที่จะใช้กระบี่ จึงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมิได้
หลี่ฉางหมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “พี่อิน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของพวกท่านสืบทอดวิถีกระบี่กันมาหลายพันหลายหมื่นปี แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของข้าหาเป็นเช่นนั้นไม่ แม้ข้าจะเปลี่ยนมาบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่แล้วก็จริง แต่วิถีหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหาได้เสื่อมถอยลงไม่ อีกทั้งหลายปีมานี้ข้ายังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย”
อินฉางเฟิงเอ่ยถามต่อว่า “เช่นนั้น เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าถึงมิยอมประลองวิถีกระบี่กับข้าเล่า ? ”
หลี่ฉางหมิงยิ้มละมุนราวกับสายลมในวสันต์ฤดู “พี่อิน บอกตามตรงข้าพึ่งจะฝึกวิถีกระบี่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่ท่านนั้นฝึกวิถีกระบี่มาตั้งแต่ต้นแล้ว ข้าจะกล้าประลองกับท่านได้เยี่ยงไรกัน ทำเช่นนั้นมิเท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ ? ”
“อีกอย่างเวลานี้เหล่าศิษย์น้องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ต่างก็กำลังจับตามองข้าอยู่…”
เอ่ยถึงตรงนี้หลี่ฉางหมิงก็ได้หันไปมองทางด้านยอดเขากระบี่วิญญาณ พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ได้ยินว่าตอนนี้ศิษย์น้องอู๋ซวงยังเข้าญานอยู่ หากนางออกญานแล้วท่านลองประลองกับนางดูก็ได้”
“เจ้าหมายถึงลู่อู๋ซวงอย่างนั้นหรือ ? ”
อินฉางเฟิงหรี่ตาลง ก่อนจะยกมุมปากขึ้น “หากข้าจำมิผิดนางเป็นเพียงศิษย์สายตรงมิใช่หรือ แล้วจะมาเทียบเคียงกับเจ้าหรือข้าได้เยี่ยงไรกัน ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน