เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 58

ตอนที่ 58 มิรู้ว่าตอนนี้ท่านบรรพจารย์เย่เป็นเช่นไรบ้าง ?

“นี่… นี่มันเจตจำนงกระบี่ ข้ารู้สึกได้ถึงไอพลังของเจตจำนงกระบี่”

“เสียงดังสนั่นเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่บำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่อีกด้วย หรือว่าการประลองครั้งนี้ยังมีศิษย์สายตรงที่เข้าญานอยู่ ทั้งยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งด้วยเยี่ยงนั้นหรือ”

“น่าเหลือเชื่อจริง ๆ คนผู้นี้เป็นใครกันถึงได้แตกฉานในวิถีกระบี่ถึงเพียงนี้”

“มิกี่วันก่อนที่ยอดเขาฉางหมิงเพิ่งเกิดประกายกระบี่สีทองที่น่ากลัวไป มาวันนี้ก็บังเกิดเสียงดังสนั่นเช่นนี้อีก หรือว่าศิษย์ทั้งหมดของดินแดนไท่เสวียนจะเปลี่ยนไปฝึกวิถีกระบี่กันหมดแล้วเยี่ยงนั้นหรือ”

“ใช่แล้ว ศิษย์สายตรงผู้นี้ของพวกเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ ? ”

“เสียงดังสนั่นเช่นนี้มาจากยอดเขากระบี่วิญญาณ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดคงจะเป็นศิษย์พี่ลู่มิผิดแน่”

“ลู่อู๋ซวง ? ”

“เป็นนางเองหรือ ข้าจำได้ว่าในงานประลองครั้งก่อนยังเคยประมือกับนางด้วย ความแตกฉานในวิถีกระบี่ของนางมิอาจประมาทได้ทีเดียว”

“แต่การที่นางสามารถทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นเช่นนี้ มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่”

“……”

ขณะที่ศิษย์ของทั้งสองสำนักกำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและทอดสายตามองไปยังยอดเขากระบี่วิญญาณอยู่นั้น เหล่าผู้อาวุโสของทั้งสองสำนักที่นั่งอยู่บนที่นั่งชมด้านนอก กลับเห็นปรากฏการณ์นั้นต่างออกไป

สวีฉิงเทียนเปิดจิตสัมผัสเพื่อรับรู้ เจตจำนงแท้จริงของกระบี่ที่แฝงอยู่ในประกายกระบี่ขาวดำนั้น ก่อนจะหันไปมองทางนักพรตฉางเสวียน

“พี่เหอ หรือว่าศิษย์ผู้นี้ของพวกท่านก็ได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสลึกลับที่ท่านเอ่ยถึงผู้นั้นด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เนื่องจากเจตจำนงแท้จริงของกระบี่ที่แฝงอยู่ในประกายกระบี่ขาวดำนั้น เหนือกว่าประกายกระบี่สีทองที่ยอดเขาฉางหมิงหลายเท่า อีกทั้งยอดเขาฉางหมิงยังเป็นที่พำนักของผู้สืบทอด จึงเดาได้มิยากว่าประกายกระบี่สีทองนั้นต้องเกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดซึ่งเปลี่ยนมาฝึกวิถีกระบี่เป็นแน่

แต่ลำแสงประกายกระบี่ขาวดำนี่มันอะไรกันแน่ ?

ใครกันที่บรรลุจนสั่นสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้ได้ ?

หรือว่าสิบปีมานี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะได้รับศิษย์ที่มีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรที่เหนือกว่าผู้สืบทอดเช่นหลี่ฉางหมิงอีกเยี่ยงนั้นหรือ ?

สวีฉิงเทียนจึงอดที่จะเอ่ยถามนักพรตฉางเสวียนออกมาด้วยความสงสัยมิได้

นักพรตฉางเสวียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม

“เป็นไปมิได้ เป็นไปมิได้เด็ดขาด ! ”

สวีฉิงเทียนจึงโต้กลับด้วยสีหน้าที่เข้มขึ้นทันที “เจ้าคงจะรู้ว่าข้ามิเพียงบำเพ็ญเพียรถึงแดนเทวา อีกทั้งยังบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ด้วย เจ้ามิเข้าใจหรอกว่าการที่เจตจำนงแท้จริงของกระบี่ปรากฏขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันถึงสองแบบเช่นนี้ มีความหมายเยี่ยงไรและยากเพียงใด”

ใบหน้าของนักพรตฉางเสวียนยังคงแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มสงบนิ่ง ขณะมองไปยังสวีฉิงเทียน และมิมีทีท่าจะกล่าวสิ่งใด

ตอนนั้นเองนักพรตหยวนเจี้ยนที่อยู่ทางด้านหลังได้มองออกไปทางยอดเขากระบี่วิญญาณ พลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ในทีแรกนั้นข้าเองก็มิเชื่อว่าจะสามารถบำเพ็ญเพียรเจตจำนงแท้จริงของกระบี่สองแบบหรือมากกว่านั้น แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วจะมิยอมรับมันได้เยี่ยงไร”

เอ่ยถึงตรงนี้นักพรตหยวนเจี้ยนก็ดึงสายตากลับมา พร้อมเอ่ยอย่างมีลับลมคมนัยว่า “พี่สวี เยี่ยงไรเสียคนแก่เยี่ยงพวกเราก็มีสายตาที่คับแคบราวกับกบในกะลา”

สวีฉิงเทียนหันไปมองนักพรตหยวนเจี้ยนแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่

‘หรือว่าโลกนี้จะมีปรมาจารย์วิถีกระบี่เช่นนี้อยู่จริง ๆ เป็นข้าที่ดื้อรั้นเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่งั้นหรือ ? ’

สวีฉิงเทียนเริ่มรู้สึกสงสัยในความรู้เรื่องวิถีกระบี่ของตนเองขึ้นมา เมื่อมองเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของนักพรตหยวนเจี้ยน

‘ก่อนหน้านี้ที่ข้าแพ้หมากล้อมให้แก่นักพรตฉางเสวียน ต้องเป็นเพราะผู้อาวุโสลึกลับท่านนั้นคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังเป็นแน่’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน