ตอนที่ 83 ความกังวลของเย่ฉางชิง
หลังจากต่อรองกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นักพรตฉางเสวียนและหนานกงเสวียนจีก็ได้ตกลงรับข้อเสนอของแต่ละฝ่ายอย่างมีความสุข
นักพรตฉางเสวียนจึงเอ่ยกับหนานกงเสวียนจีพร้อมรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสหนานกง ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกเรารีบเดินทางไปพบท่านบรรพจารย์ดีกว่าขอรับ”
สวีฉิงเทียนได้ยินดังนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จัดการกับอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองแล้วจึงหมุนตัวกลับมาฉีกยิ้มแหย ๆ
“ใช่แล้ว ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว”
สวีฉิงเทียนตอบรับด้วยรอยยิ้มฝาดเฝื่อน ก่อนจะกล่าวกับนักพรตฉางเสวียนด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เหอ ยินดีด้วยหากมีผู้อาวุโสหนานกงพำนักอยู่ ต่อไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของท่านจะต้องมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ กลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งจงหยวนเป็นแน่”
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบกลับว่า “พี่สวี แม้การมาพำนักของผู้อาวุโสหนานกงจะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนและดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด เช่นนั้นท่านอย่าได้รู้สึกหดหู่ใจไปเลย”
“ข้าขอรับปากว่าหากวันข้างหน้ามีผู้ใดมารังแกดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของท่านล่ะก็ ข้าจะมินิ่งดูดายและจะทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีความสัมพันธ์ต่อกันแน่นแฟ้นเพียงใด”
สวีฉิงเทียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย
แม้คำพูดของนักพรตฉางเสวียนจะดูเหมือนหวังดี แต่สำหรับสวีฉิงเทียนแล้วกลับรู้สึกบาดหูยิ่งนัก
หลายร้อยปีมานี้แม้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนั้นยังด้อยกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงมาก
แต่เพราะการมาพำนักของหนานกงเสวียนจี ทำให้นักพรตฉางเสวียนคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงหาได้อยู่ระดับเดียวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอีกต่อไปไม่
เพียงแค่ได้ยินก็รู้ได้ว่าภายในใจของสวีฉิงเทียนนั้นอึดอัดเพียงใด
แต่ต้องยอมรับว่าการที่หนานกงเสวียนจีมาพำนักที่นี่ ในอนาคตอันใกล้นี้ย่อมทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงในทุก ๆ ด้านอย่างเลี่ยงมิได้จริง ๆ
นี่เป็นเรื่องจริงที่เขามิอาจโต้แย้งได้ ยังมินับรวมบรรพจารย์ที่ลงมาสวรรค์ท่านนั้นของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอีก
แล้วเช่นนี้ สวีฉิงเทียนจะรู้สึกพอใจได้เยี่ยงไร ?
หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงมีผู้บารมีเช่นนี้บ้าง อนาคตก็อาจเทียบเคียงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้เช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นสวีฉิงเทียนก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา บางทีภายในอาณาเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง ก็อาจมีบรรพจารย์เร้นกายอยู่ก็เป็นได้ เพียงแต่เขายังมิพบก็เท่านั้น
หลังการประลองครั้งนี้จบลง เขาจะส่งศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงออกตามหาให้เจอให้จงได้
ในตอนนั้นเองที่นักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนต่างก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เพราะขณะที่ทั้งคู่เอ่ยเร่งให้ออกเดินทางไปเมืองเสี่ยวฉือต่อ เพื่อคาราวะท่านบรรพจารย์เย่นั้น หนานกงเสวียนจีกลับมีท่าทางเคร่งขรึมและมิได้เอ่ยตอบสิ่งใด
‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ? ’
‘หรือว่าก่อนหน้านี้หนานกงเสวียนจีได้ไปล่วงเกินท่านบรรพจารย์ไว้เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
คิดถึงตรงนี้สวีฉิงเทียนก็อดที่จะรู้สึกยินดีและสาแก่ใจขึ้นมามิได้
แต่ก็มิได้แสดงความยินดีนั้นออกมาอย่างโจ่งแจ้งนัก
ส่วนนักพรตฉางเสวียนกลับขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทางเคร่งเครียด
หากหนานกงเสวียนจีไปล่วงเกินท่านบรรพจารย์เย่เข้าจริง ๆ เช่นนั้นก็มิอาจปล่อยเอาไว้ได้
เพราะหากท่านบรรพจารย์เย่รู้เรื่องนี้เข้า อาจจะยึดทุกสิ่งที่มอบให้ก่อนหน้านี้คืนไปก็เป็นได้
ทันใดนั้นภายในใจของนักพรตฉางเสวียนก็เกิดความรู้สึกสับสนไปหมด
“ผู้อาวุโสหนานกง หรือท่านยังมีความกังวลอันใดอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนพิจารณาสีหน้าของหนานกงเสวียนจี ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
หนานกงเสวียนจีปรายตามองนักพรตฉางเสวียน ราวกับคาดเดาความกังวลของนักพรตฉางเสวียนได้ แล้วจึงโบกมือไปมาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้าสำนักไท่เสวียน เจ้าอาจจะมิรู้ว่าเพราะคำชี้แนะของท่านบรรพจารย์เย่ก่อนหน้านี้ ทำให้ข้ารู้แจ้งในบางสิ่งเพิ่มขึ้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน