เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 87

สรุปบท ตอนที่ 87 มีคนเช่นนี้บนโลกด้วยหรือ ?: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 87 มีคนเช่นนี้บนโลกด้วยหรือ ? – เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

บท ตอนที่ 87 มีคนเช่นนี้บนโลกด้วยหรือ ? ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ในหมวดนิยายนิยายแปล เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 87 มีคนเช่นนี้บนโลกด้วยหรือ ?

ราชันทมิฬลูบปลายคางของตน พลางมองสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณที่บอบบางอ้อนแอ้นราวกับเทพธิดาตรงหน้าอย่างใช้ความคิด

เขากำลังหาวิธีที่จะทำให้สตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้ ยอมไปจงหยวนกับเขาแต่โดยดี

แน่นอนว่าด้วยตบะบารมีของเขาในยามนี้ การจะพาสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้ไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นมิใช่เรื่องยาก

แต่ยอดฝีมือและคนที่สุภาพเช่นนายท่าน หากทราบว่าสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้ถูกเขาจับตัวไปล่ะก็ มิรู้ว่าจะจัดการเขาเช่นไรบ้าง เช่นนั้นเขาจึงต้องคิดหาแผนการที่ดีที่สุดเสียก่อน

“เจ้าคือ… ราชันทมิฬที่มิกี่เดือนก่อนถูกราชาปีศาจทั้งเจ็ดรุมสังหารใช่หรือไม่ ? ”

ขณะที่ราชันทมิฬกำลังลูบปลายคาง พลางครุ่นคิดวางแผนอยู่นั้น พลันก็มีเสียงอันนุ่มนวลดังขึ้นตรงหน้าเขา

ราชันทมิฬได้ยินดังนั้นก็ได้สติขึ้นมาทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าพริ้มเพราปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

คิ้วโก่งเรียงตัวสวย ใบหน้างดงามไร้ที่ติ ผิวขาวเนียนราวกับหิมะ ผมยาวสลวยลู่ไปด้านหลังราวกับเกลียวคลื่น

โดยเฉพาะดวงตากลมโตสุกใส ที่เปล่งประกายแสงอันน่าพิศวงคู่นั้น

‘งามยิ่งนัก ! ’

‘ช่างงดงามยิ่งนัก ! ’

ราชันทมิฬถึงกับนิ่งงัน ก่อนที่มุมปากจะโค้งขึ้น หลังจากกระแอมเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “ถูกต้อง เป็นข้าเอง”

สตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณหัวเราะขึ้นมาอย่างอดมิได้ หลังจากปรายตามองกางเกงลายดอกน่าขันของราชันทมิฬ ก่อนจะถามขึ้นว่า “เจ้าก็มาร่วมงานแต่งด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ราชันทมิฬชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้ารับ “ได้ยินว่าองค์หญิงสิบสามเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของพวกเจ้างดงามถึงขั้นมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา แต่กลับต้องมาแต่งกลับเศษสวะเช่นเจ้าแมวดำตัวนั้น ข้ารู้สึกแปลกใจจึงต้องมาดูให้เห็นกับตา”

‘เจ้าแมวดำ ? ’

สตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินคำเรียกขาน ก็พลันหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นเจ้าเคยพบองค์หญิงสิบสามมาก่อนหรือไม่”

“ยังมิเคย”

ราชันทมิฬส่ายศีรษะ พลางถามสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณว่า “จริงสิ แล้วเจ้าเป็นผู้ใดกัน เวลานี้เผ่าจิ้งจอกวิญญาณต่างก็กำลังวุ่นวายกันอยู่ เจ้ายังมีกะใจมาเดินเล่นอยู่ตรงนี้อีกหรือ ? ”

ดวงตาดำขลับของสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณที่งดงามราวกับเทพธิดาผู้นี้กะพริบปริบ ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัยว่า “เจ้าลองทายดูสิว่าข้าเป็นใคร ? ”

ราชันทมิฬขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า “หากเดามิผิดเจ้าคงเป็นองค์หญิงสักองค์หนึ่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณใช่หรือไม่ ? ”

สตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณดวงตาเป็นประกาย พร้อมเอ่ยชื่นชมออกมา “มิเสียทีที่เป็นถึงราชันทมิฬ เมื่อก่อนเคยได้ยินคนในเผ่าพูดถึงเจ้า วันนี้ได้พบมิเพียงมีพลังแข็งแกร่ง ทั้งยังไหวพริบดีอีกด้วย”

ราชันทมิฬพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม คำพูดเช่นนี้เป็นที่น่าพอใจของเขายิ่งนัก

แต่ประโยคถัดมาของสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้ กลับทำให้ราชันทมิฬตกตะลึงมิน้อย

“ข้ามิเพียงเป็นองค์หญิงของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ แต่ยังเป็นองค์หญิงสิบสามที่เจ้าเอ่ยถึงเมื่อครู่ว่ากำลังจะแต่งกับเจ้าแมวดำตัวนั้น และข้ามีนามว่า ถูสือซาน”

สตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางสงบนิ่ง พร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

‘ว่าเยี่ยงไรนะ ! ’

‘องค์หญิงสิบสาม ! ’

‘องค์หญิงสิบสามของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ ! ’

‘ถูสือซาน ! ’

ทันใดนั้นดวงตาของราชันทมิฬก็เบิกโพลง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ พลางมองถูสือซานด้วยความประหลาดใจ

เขาเคยได้ยินเรื่องความงามของถูสือซานมานาน แต่คาดมิถึงว่าสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณตรงหน้าจะเป็นถูสือซาน ผู้นั้นจริง ๆ

‘สิบปากว่ามิเท่าตาเห็น ! ’

และเพราะสตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณตรงหน้าคือถูสือซาน จึงทำให้แผนการก่อนหน้าของราชันทมิฬเกิดการสั่นคลอนไปด้วย

‘เพราะทั้งสองเผ่าถือเป็นเผ่าปีศาจโบราณที่มีสายเลือดชั้นสูงที่สืบทอดมานาน มิใช่สิ่งที่เผ่าธรรมดาจะมาเทียบเคียงได้’

‘เช่นนั้นหากพาตัวถูสือซานกลับไปด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำลายงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองเผ่าลง เช่นนั้นตัวเราเองก็คงถูกผู้แข็งแกร่งของทั้งสองเผ่าตามล่าจนสุดหล้าฟ้าเขียวเป็นแน่’

‘อาจถึงขั้นทำลายสัญญาระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจที่มีมาหลายร้อยปี และบุกเข้าจงหยวนเป็นแน่’

‘แต่บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ถูสือซานมิต้องการแต่งกับเจ้าแมวดำตัวนั้นของเผ่าพยัคฆ์ดำ ถึงตอนนั้นสองเผ่าสืบสาวราวเรื่องขึ้นมา ข้าก็มีเหตุผลเพียงพอน่ะสิ’

‘อย่างมากก็บอกทั้งสองเผ่าไปว่า เราทำทั้งหมดลงไปด้วยความปรารถนาดี เพราะถูสือซานขอร้องจนมิอาจนิ่งดูดายได้ จึงตัดสินใจพานางไป…’

หลังจากไตร่ตรองดีแล้ว ราชันทมิฬจึงกระแอมขึ้นเบา ๆ และเอ่ยขึ้นอย่างมีลับลมคมนัยว่า “องค์หญิงสิบสาม ข้ารู้จักผู้แข็งแกร่งที่เป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง ข้าคิดว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ตรงอย่างที่ใจท่านต้องการ”

“ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์งั้นหรือ ? ”

ถูสือซานขมวดคิ้วเล็กน้อย และเอ่ยถามราชันทมิฬด้วยความสงสัย “ราชันทมิฬ ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์มีคนเช่นนั้นอยู่จริง ๆ น่ะหรือ ? ”

ผ่านไปครู่หนึ่งราชันทมิฬยังมิทันเอ่ยสิ่งใด ถูสือซานก็เอ่ยถามต่อ “อีกอย่างเจ้าเป็นราชาปีศาจตนหนึ่งของเทือกเขาแดนใต้ เหตุใดถึงได้รู้จักผู้บำเพ็ญเพียรจากเผ่ามนุษย์ได้ ? ”

ราชันทมิฬยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พร้อมถามกลับว่า “องค์หญิงสิบสาม เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรจนถึงตอนนี้ข้าใช้เวลาทั้งหมดเท่าไร ? ”

ถูสือซานส่ายหน้าไปมา ใบหน้ารูปไข่อันงดงามยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย

“ประมาณห้าปีได้กระมัง”

ราชันทมิฬมองถูสือซานที่ตะลึงงันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “เจ้าอย่าได้ตกใจไป ผู้บำเพ็ญเพียรที่เป็นเผ่ามนุษย์ที่ข้ารู้จักท่านนี้เป็นเจ้านายของข้าเอง และที่ข้ามีพลังแข็งแกร่งเช่นทุกวันนี้ได้ด้วยเวลาสั้น ๆ เพียงห้าปี นั่นก็เพราะนายท่านเป็นคนชี้แนะให้ข้า”

“เผ่ามนุษย์มีคนเช่นนั้นอยู่จริง ๆ น่ะหรือ ? ”

พลันดวงตาของถูสือซานก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที พลางจับจ้องราชันทมิฬราวกับกำลังเพ้อฝัน

มินานสมองของนางพลันก็ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งขึ้น…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน