ตอนที่ 89 หรือจะเป็นภาพเทพมารในตำนาน?
ขณะที่หัวหน้าเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ ถูซานเหยา รู้ว่าถูสือซานหนีไป และได้ส่งผู้แข็งแกร่งในเผ่ามากมายออกตามหาร่องรอยของถูสือซานอยู่นั้น
ราชันทมิฬก็สามารถก้าวผ่านค่ายกลสังหาร จนสามารถเข้ามาถึงด้านในของแดนต้องห้ามได้สำเร็จ ตามคำแนะนำของถูสือซาน
ไอหมอกด้านในหนาแน่นขึ้น แสงสว่างที่มีก็ค่อย ๆ มืดลง
อีกทั้งยังมีซากปรักหักพังอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง มิว่าจะเป็นกำแพงที่พังทลาย ป่าที่แห้งแล้ง และมีไอพลังของความโบราณแผ่ออกมา ทั้งยังแฝงไว้ด้วยไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
แต่เนื่องจากนี่มิใช่คราแรกที่ราชันทมิฬมาเยี่ยมเยียนแดนต้องห้ามของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ เขาจึงสามารถเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
เขากวาดตามองรอบกาย ก่อนจะมุ่งตรงไปยังอาคารเก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง
แม้อาคารเก่าแก่หลังนี้จะตั้งอยู่มายาวนานจนดูทรุดโทรมอย่างมาก จนเหลือแค่เพียงโครงสร้างของอาคาร แต่กลับคงไว้ซึ่งความงดงามอย่างมิน่าเชื่อ
มินานราชันทมิฬก็เดินเข้ามาถึงด้านในของอาคารเก่าแก่หลังนี้ด้วยความคุ้นเคย ใจกลางอาคารยังคงมีโลงศิลายักษ์วางเอาไว้ที่เดิม ราวกับมิได้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ไอสังหารอันน่ากลัวที่แผ่ออกมา กลับมิได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด
โลงศิลานี้ดูเก่าแก่และแปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้ราชันทมิฬมิกล้าเข้าไปใกล้ แต่กลับเดินชิดกำแพงเพื่อเข้าไปยังมุมที่ลึกที่สุดของอาคารแทน
มิกี่อึดใจต่อมา หีบทองแดงสีดำใบหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของราชันทมิฬ
‘ดูเหมือนว่าจะยังมิเคยมีใครมาที่นี่สินะ’
ราชันทมิฬเดินยิ้มแฉ่งตรงเข้าไปยังหีบทองแดงทันที
“ฟิ้ว ! ”
เขาสะบัดกรงเล็บหนึ่งครั้ง พลันเกิดแสงสีดำขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่ลมปราณอันรุนแรงจะเข้าปะทะยังด้านบนของหีบทองแดง
“ปัง ! ”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา ก่อนที่หีบทองแดงจะเปิดออก
ทันใดนั้นก็พบหินหุนหยวนสีดำสนิทราวกับหมึกขนาดใหญ่เท่ากับกำปั้นเด็กจำนวน 4 ก้อนวางอยู่ภายในหีบทองแดงนั้น
ราชันทมิฬสะบัดกรงเล็บอีกครั้งโดยมิคิดสิ่งใด หลังจากแสงสีดำพาดผ่าน หินหุนหยวนทั้งสี่ก้อนก็ตกอยู่ในมือของราชันทมิฬแล้ว
เพื่อจะต้องออกไปจากแดนต้องห้ามแห่งนี้ให้ได้ภายใน 1 ก้านธูป โดยมิถูกคนของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณมาพบเข้า มันจึงรีบเก็บหินหุนหยวนทั้งสี่ก้อนทันที ก่อนจะหันกลับไปทางเดิม และมุ่งหน้าไปยังด้านนอกอาคารเก่าแก่หลังนั้นทันที
มันยังคงคงเดินเลียบไปกับกำแพง เพื่อเตรียมออกไปจากอาคารเก่าแก่ที่แปลกประหลาดหลังนี้ให้เร็วที่สุด
“ครืน ! ”
ขณะที่ราชันทมิฬกำลังจะออกไปจากอาคารเก่าแก่นั้น จู่ ๆ โลงศิลาที่วางอยู่ใจกลางของอาคารก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ก่อนจะระเบิดไอสังหารอันน่ากลัวออกมา
ขณะเดียวกันก็มีเสียงลึกลับเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เด็กน้อย หากข้าจำมิผิดล่ะก็ เจ้าเคยมาที่นี่แล้วคราหนึ่งใช่หรือไม่”
ดวงตาของราชันทมิฬหรี่ลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
‘โลงศิลานี้น่ากลัวจริง ๆ ’
‘มีอะไรซ่อนอยู่ภายในกันแน่นะ ? ’
ราชันทมิฬรู้สึกราวกับถูกพลังบางอย่างกักขังเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองยังโลงศิลาที่แผ่ไอสังหารอันน่ากลัวออกมา
หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างหวั่นเกรงว่า “ผู้อาวุโส ผู้น้อยมิได้ตั้งใจมารบกวนการนอนของท่าน เชิญท่านนอนต่อเถิด ผู้น้อยจะไปประเดี๋ยวนี้แล้วขอรับ”
“จะจากไปง่าย ๆ งั้นหรือ ? ”
“มิต้องรีบร้อนไปหรอก”
เสียงลึกลับหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากรู้ว่าคราก่อนเจ้ามาที่นี่เงียบ ๆ แต่กลับมิได้นำสิ่งใดกลับไป แล้วเหตุใดครั้งนี้เจ้าถึงยังกลับมาอีก ? ”
“อีกทั้งยังนำหินหุนหยวนที่มิได้มีความหมายและมิมีค่าใด ๆ ต่อเจ้าไปจนหมดเช่นนี้ด้วย ? ”
ราชันทมิฬลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจสารภาพออกมาตามตรง “ที่ผู้น้อยมาครานี้ก็เพื่อหินหุนหยวนนี่ แม้ข้าจะมิอาจบำเพ็ญเพียร แต่นายท่านของข้าจำเป็นต้องใช้หินหุนหยวนนี่ในการบำเพ็ญเพียรขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน