ที่แท้เขานำเงินที่เธอหามาอย่างยากลำบากไปดื่มสุราและหมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงพวกนี้ เรียนมหาวิทยาลัยเหรอ? ลงทุนการวิจัยเหรอ? เขาโกหกเธอทุกอย่าง!
หลินชงรู้สึกอายและรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก "หลิงหลิงเธอฟังฉันอธิบายก่อน เธอฟังฉันอธิบายก่อนสิ!"
มุมปากของเธอยิ้มขึ้น จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบขวดไวน์ที่อยู่ด้านข้างมาขวดหนึ่ง "เพล้ง!" ฟาดไปที่ศีรษะของเขาก่อนจะหันหลังกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยว
หลินชงโมโหโกรธจัด เขากุมหน้าผากที่เลือดนองแล้วตะโกนด่าทอเธอ
"คิดว่าตัวเองดีนักหรือไงหา! เสแสร้งทำเป็นผู้หญิงไร้เดียงสา แกก็เป็นเพียงแค่รองเท้าขาดๆ ที่เฉิงเทียนหยวนมันไม่ต้องการ ฉันยินดีที่จะหยิบรองเท้าขาดๆ แบบแกขึ้นมาใส่ แกควรที่จะต้องตามใจฉัน!"
"พ่อแม่ของแกรู้แล้วว่าแกสวมเขาให้กับไอ้เฉิงเทียนหยวนนั่นอย่างหน้าไม่อาย และโมโหเสียจนต้องนอนโรงพยาบาล พ่อแกบอกว่าจะไล่แกออกจากบ้าน ตอนนี้แกคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลเซวียอีกเหรอ?"
"เซวียหลิง แกถูกขับไล่ออกจากบ้านแล้ว ส่วนไอ้เฉิงเทียนหยวนนั่นไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ แกรอเถอะ มันเกลียดแกเข้าใส่อย่างแน่นอน!"
เธอคิดว่าเขาพูดเรื่องจริง และรู้สึกผิดอยู่ในใจต่อพ่อแม่มาก ยิ่งรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นกับเฉิงเทียนหยวน
ไม่รู้ว่าเธอเดินทางออกจากโรงแรมนั้นไปได้อย่างไร เธอเดินไปตามถนนเย็นยะเยือก เดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งค่ำมืดทันใดนั้นเธอก็พบว่าเธอกลับมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านของเธอเอง
ภายในบ้านมีแสงไฟส่องสว่าง ในความทรงจำมันช่างอบอุ่นแต่เธอกลับไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไป
เธอทำผิดต่อพ่อแม่ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ อีกทั้งยังนำเงินที่พ่อแม่ส่งไปให้เลี้ยงดูหมาป่า......
เหตุการณ์ในอดีตผุดเข้ามาในความคิดของเธอ มันเนิ่นนานราวกับผ่านไปชั่วชีวิต แต่ก็ทำร้ายหัวใจเธอเจ็บปวดอย่างชัดเจน
เซวียหลิงมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เต็มไปด้วยทิวทัศน์ชานเมือง น้ำตาที่หางตาของเธอก็อดไม่ได้จะไหลริน
ในชาติที่แล้วเธอได้รับบทเรียนอันแสนสาหัสจากผู้ชายไร้หัวใจคนนั้น ในชาตินี้เธอจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีกแน่นอน เธอไม่มีวันทำแบบนั้นแน่
เฉิงเทียนหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเธอตกอยู่ในภวังค์ตั้งแต่วางสาย ดวงตาแดงเรื่อเล็กน้อย จึงคิดว่าเธอคงจะคิดถึงพ่อตาแม่ยายมากแน่ๆ
เมื่อคิดไปว่าเธอแต่งงานมาไกลบ้านไกลเมืองอยู่กับเขาตั้งแต่อายุยังน้อย และระยะทางก็ห่างไกล เป็นการยากที่จะได้พบแน่พ่อแม่ของเธอ เขาก็รู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย
เขาเอื้อมมือออกไปเงียบๆ แล้วตบไหล่ของเธอเบาๆ
"ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ หลังจากนี้ทุกอาทิตย์ฉันจะพาเธอมาโทรศัพท์กลับบ้าน รอให้ฉันมีเงินสักก้อนหนึ่ง วันตรุษจีนฉันจะพาเธอไปที่เมืองหลวง"
เซวียหลิงตกตะลึง เธอเช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอแล้วยิ้มขึ้นเบาๆ
"......ค่ะ"
แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดไม่ค่อยเก่งนัก เขาไม่รู้จักการใช้คำที่ค่อนข้างอ่อนหวานมาปลอบใจเธอ แต่ทุกประโยคที่เขาพูดออกมานั้นเป็นความจริงและเป็นประโยคที่อบอุ่นหัวใจ
หมู่บ้านตระกูลเฉิงอยู่ไม่ไกลจากอำเภอหรงหวาเท่าไรนัก ขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง
เฉิงเทียนหยวนถือกระเป๋าสีเขียวทหารขนาดใหญ่ด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งจูงเธอลงจากรถ
"เราต้องเดินอีกสิบนาที......"
"พี่!" น้ำเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน
เฉิงเทียนหยวนและเซวียหลิงหันกลับไปดูที่ด้านหลัง พบว่าเฉิงเทียนฟางนั่งอยู่บนเกวียนซึ่งใช้ลาลากในบริเวณที่ไม่ไกลออกไปนัก และกำลังโบกมือให้กับทั้งสอง
ผู้ขับเกวียนคือลุงคนหนึ่ง เขายิ้มกว้างเผยถึงฝันสีเหลือง
"อาหยวน หนูสะใภ้ใหม่ รีบมาที่นี่เร็ว เรามารับทั้งสองกลับบ้าน!"
เฉิงเทียนหยวนยิ้มขึ้นสุดหัวใจแล้วแนะนำว่า "นี่คือลุงชาง เป็นลุงจากในตระกูลเราเดียวกันคนหนึ่ง เธอเรียกเขาว่าลุงชางก็ได้"
เซวียหลิงรีบทักทายขึ้นด้วยท่าทางอันอบอุ่น "สวัสดีค่ะลุงชาง"
เฉิงเทียนฟางที่อยู่ด้านข้างเบ้ปากแล้วพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นเสี่ยวกูจื่อนะ ทำไมถึงไม่เรียกฉัน? ฉันก็ตัวโตเบ้อเร่อยืนอยู่ตรงนี้ไม่เห็นหรือไง"
"เสี่ยวกูจื่อ!" เซวียหลิงพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้นไม่เห็นแก่ตัวด้วยน้ำเสียงอันดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง