ตอน บทที่ 33 ทำนา จาก เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 33 ทำนา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง ที่เขียนโดย เฟยจูจู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ทั้งสองคนสนทนาอยู่กับพ่อเฉิงครู่หนึ่ง จนกระทั่งหลิวอิงเปิดประตูเดินตรงเข้ามา
"ตาแก่ เด็กสองคนนี้เอาของกลับมาให้เรามากมายเลย คืนนี้เราทำอาหารมื้อโตกินกันเถอะ!"
"อืม" พ่อเฉิงยิ้มตอบรับ "ลูกกลับมาแน่นอนว่าจะต้องทำให้มากสักหน่อย ให้พวกเขาได้ชดเชยกินของดีๆ เธอไปเอาหมูสามชั้นมาหมักแล้วตุ๋นให้พวกเขาได้กินกันเถอะ"
"ได้เลย" ใบหน้าของหลิวอิงยิ้มออกมาดุจดั่งดอกไม้บาน
เธอรินน้ำร้อนสองแก้วยื่นให้เซวียหลิงจากนั้นยื่นให้ลูกชายของตนอีกแก้วหนึ่ง
เฉิงเทียนหยวนลุกขึ้นยืนพูดว่า "ผมขอไปดูที่นาหน่อยนะครับ เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ผมจะปรับหน้าดินให้"
ผักและพืชผลทั้งหมดที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในท้องนาจะต้องเก็บเกี่ยวไว้ล่วงหน้าแล้วเก็บไว้ในห้องใต้ดินเอาไว้รับประทานในฤดูหนาว
เซวียหลิงรีบลุกขึ้นเช่นกัน เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เดี๋ยวฉันไปช่วยนะคะ"
เฉิงเทียนหยวนส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ที่นั่นสกปรกมาก เธออยู่ช่วยงานแม่ในครัวเถอะ"
เซวียหลิงเห็นว่าเขาปฏิเสธจึงได้กำชับให้เขาระมัดระวังก่อนจะรีบวิ่งตามหลิวอิงไปที่ห้องครัว
หลิวอิงกำลังยุ่งอยู่กับการหั่นหมูสามชั้น เธอยิ้มแล้วพูดว่า "หลิงหลิง ช่วยล้างกระเทียมเหล่านี้ให้สะอาดก็พอ"
เซวียหลิงนึกถึงเรื่องขาหมูพะโล้ของเฉิงเทียนหยวนเมื่อวานนี้ขึ้นมาได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม "แม่คะ แม่กำลังจะทำขาหมูพะโล้เหรอ? ต้องใช้ส่วนผสมอะไรบ้างคะ แม่ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม?"
"ต้องการจะเรียนเหรอ?" หลิวอิงอธิบายขึ้นว่า "ทำสิ่งนี้มันค่อนข้างจะยุ่งยากนะ จู่ๆ จะให้เรียนรู้ได้คงยาก ถ้าต้องการจะเรียนจริงๆ เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ สอน"
เซวียหลิงถามด้วยความสงสัย "ค่อยๆ สอนเหรอคะ? มันยากมากเลยเหรอ?"
"ก็ไม่ยากมากหรอก" หลิวอิงอธิบาย "เพียงแค่ว่าจะต้องปรับสูตรน้ำหมักและปริมาณของเนื้อ น้ำหมักก็ไม่ได้ซับซ้อน โดยมากใช้เพียงแค่กระเทียม ข่าและซีอิ๊วขาว อย่างอื่นก็ค่อนข้างง่าย มีสิ่งเดียวที่ควบคุมได้ยากนั่นก็คือซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วขาวนี้จะต้องมากเป็นระยะเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิจนกระทั่งต้นฤดูใบไม้ร่วง"
เซวียหลิงพูดว่า "โอ้โห!" ก่อนจะถามต่อ "ซีอิ๊วขาวที่พี่หยวนเอาใบในเมืองด้วยเป็นซีอิ๊วขาวที่แม่ทำเองเหรอคะ?"
"ใช่แล้ว" หลิวอิงยิ้มและอธิบายว่า "แต่ละปี แม่จะทำซีอิ๊วขาวเอาไว้ใช้และแบ่งให้เพื่อนบ้านบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อปีที่แล้วยังมีเหลืออยู่เล็กน้อยจึงได้ให้อาหยวนเอาไปกินด้วย เขาชื่นชอบซีอิ๊วขาวของแม่มาก ซีอิ๊วขาวเหล่านี้แม่ของแม่เป็นคนสอน เนิ่นนานหลายปีมาแล้ว"
เซวียหลิงไม่ค่อยคุ้นเคยกับข่าของทางใต้เท่าไรนัก เธอจึงเข้ามาสูดดม
"แค่กๆ......ตอนที่ดมครั้งแรกดูแสบจมูกนิดหน่อยนะคะ แต่เมื่อลองดมดูดีๆ พบว่ามันหอมมากเลยล่ะค่ะ"
"ใช่แล้ว" หลิวอิงพูดว่า "เจ้าสิ่งนี้สามารถใช้กำจัดกลิ่นคาวได้ดีมาก ที่นี่ไม่ค่อยมีข่าเท่าไรนัก แม่เอามาจากบ้านเกิด แต่ละปีได้ปลูกเอาไว้แล้วก็อีกปีหนึ่งค่อยปลูกใหม่"
เซวียหลิงยิ้มขึ้นอย่างขมขื่นว่า "กว่าจะได้กินหมูพะโล้ของแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะเนี่ย การจัดเตรียมอุปกรณ์วัตถุดิบอยากวุ่นวายมากทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งซีอิ๊วขาวเหล่านี้จะต้องจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า"
หลิวอิงนำหมูสามชั้นใส่ลงไปในหม้อใบเล็กแล้วอธิบายว่า "ใช่ แต่บ้านของเรามีซีอิ๊วขาวหมักไว้ตลอด ตรงมุมนั้นมีอยู่สองไหเล็กๆ ยังใช้ได้อีกนานเลย"
เซวียหลิงครุ่นคิดแล้วพูดว่า "แม่คะ พรุ่งนี้หนูขอซีอิ๊วขาวกลับไปอีกได้หรือไม่ หนูดมแล้วมันหอมมากเลย"
ถ้าเธอต้องการจะทำการค้าด้านการพะโล้ก็จะต้องจัดเตรียมส่วนผสมเอาไว้ล่วงหน้า ซีอิ๊วขาวในท้องตลาดไม่ได้มีกลิ่นหอมแบบนี้ ถึงอย่างไรสูตรลับของครอบครัวทำออกมาก็อร่อยกว่าอย่างแน่นอน
"ไม่มีปัญหา" หลิวอิงตอบว่า "ที่บ้านยังมีถั่วเหลืองเหลืออยู่มาก ปีหน้าแม่จะทำไว้ให้สักสิบกว่าไห!"
เซวียหลิงรู้สึกโลภมากขึ้นมา เธอยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า "แม่คะ ขอมากกว่านี้อีกได้ไหม?"
หลิวอิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วถามว่า "ทำไมหรือ หลิงหลิงของเราจะดื่มซีอิ๊วขาวเป็นเครื่องดื่มหรืออย่างไร สิ่งนี้ไม่ใช่สุรา มันเค็มนะ"
เซวียหลิงแสร้งทำน้ำเสียงลึกลับแล้วกระซิบว่า "แม่คะ อย่าได้ถามไปเลย ในอนาคตแม่จะรู้เอง ปีหน้าแม่ทำซีอิ๊วขาวอีกสักหลายสิบไหก็ดี ถึงอย่างไรลานกว้างของบ้านเราก็กว้างขวาง มีที่เอาไว้เก็บมากมาย"
"ตกลง"หลิวอิงตอบรับอย่างตรงไปตรงมา "เอาอย่างอื่นแม่อาจจะไม่มี แต่ถ้าจะให้ทำซีอิ๊วขาวล่ะก็ มีมากมาย ที่บ้านของเรามีถั่วเหลืองเยอะแยะ พรุ่งนี้เริ่มฤดูใบไม้ผลิแม่ก็จะเริ่มทำทันที"
เซวียหลิงรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดอย่างอดใจรอไม่ไหวว่า "แม่คะ แม่สอนหนูหน่อยสิ"
หลิวอิงคิดว่าลูกสะใภ้ของเธอคงไม่รู้จักทุ่งนาแบบนี้ จึงได้พูดอธิบายพลางเดินไปข้างหน้า
"ส่วนนี้เป็นของครอบครัวของเราและของครอบครัวคุณอาเปียว เราแบ่งกันคนละครึ่ง พวกเราล้วนทำการเพาะปลูกพืชผล ส่วนพวกเขา ทำการเลี้ยงปลาบ่อปลา ดังนั้นที่ดินสิบกว่าหมู่นี้จึงรกร้าง"
เซวียหลิงไม่รู้สึกชื่นชอบเฉิงเปียวเท่าไรนัก เธอพยักหน้าตอบรับอย่างขอไปที แล้วมองไปรอบๆ
เธอพบร่างอันกำยำแข็งแรงที่คุ้นเคยของชายหนุ่มกำลังก้มๆ เงยๆ มือทั้งสองข้างของเขายุ่งอยู่กับการถือพลั่วและคว้าหัวไชเท้าไว้อีกข้าง
ทุ่งนาเขียวขจีดูยุ่งเหยิง ผักกาดถูกเก็บแล้วกว่าครึ่ง ยังคงเหลือความรกอยู่บนที่นาเล็กน้อย
หัวไชเท้าเพิ่งจะเริ่มเก็บก็จริง แต่เฉิงเทียนหยวนทำงานได้อย่างรวดเร็วและเรียบร้อย บัดนี้เขาเก็บมันได้ถึงสองตะกร้าใหญ่แล้ว
เมื่อเขาได้ยินเสียงผู้คนพูดกันลอยมาเบาๆ จึงได้เงยหน้ามอง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
"พวกแม่มาได้ยังไงเนี่ย?"
เซวียหลิงยิ้มขึ้น "มาช่วยนายไงคะ"
หลิวอิงยิ้มแล้วอธิบายว่า "เราทำอาหารเสร็จแล้ว ไปเก็บข้าวเก็บของก่อนเถอะ กลับบ้านกินข้าวก่อน"
เฉิงเทียนหยวนยืดตัวตรง มือของเขารับหาบไปแล้วใส่หัวไชเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เซวียหลิงไม่เคยมาที่ทุ่งนาแบบนี้มาก่อน เธอรู้สึกว่าได้เข้าไปในสวนของคุณยายอย่างไรอย่างนั้น และรู้สึกถึงความอยากรู้อยากเห็นมาก เธอมองนู่นมองนี่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เฉิงเทียนหยวนเหลือบมองเธอเงียบๆ แล้วยิ้มขึ้นอย่างนุ่มนวล
"ตอนกลางวันแดดร้อนอาจทำให้ผิวของเธอต้องถูกแผดเผา เธอควรใส่หมวกก่อนนะ เอาล่ะกลับไปกันเถอะ เดี๋ยวกินอิ่มแล้วฉันจะพาเธอมา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง