เซวียหลิงเขียนตัวหนังสืออีกสองบรรทัดอย่างรวดเร็ว และยื่นกระดาษร่างขนาดใหญ่ในมือให้เขา
“เพิ่มส่วนนี้เข้าไปอีก เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว!”
เฉิงเทียนหยวนรับมันไปคัดลอกอย่างรวดเร็ว
เซวียหลิงจิบน้ำอึกหนึ่งแล้วรีบวิ่งไปอาบน้ำ ก่อนจะฟื้นพลังรีบแปลต่อไป
เฉิงเทียนหยวนคัดลอกมานานกว่าครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำแผ่นต้นฉบับมารวมกันแล้วนับอย่างละเอียด
เขาก้มหน้าก้มตานับทีละคำ เมื่อนับได้ห้าร้อยคำก็ใช้ดินสอทำจุดเล็กๆ ตรงมุม นับว่าเป็นสัญลักษณ์
เมื่อเวลาผ่านไป เขานับจนถึงแผ่นสุดท้ายเสร็จ ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเงยหน้าขึ้นยิ้ม ทว่ากลับต้องกลืนคำพูดที่เขากำลังจะโพล่งออกไปอย่างรวดเร็ว!
เขาเห็นเซวียหลิงฟุบนอนอยู่บนหนังสือ ไม่รู้ว่าเธอเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เฉิงเทียนหยวนเหลือบมองนาฬิกาด้านนอก พบว่ามันตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว
เมื่อเห็นร่างเรียวบางของเธอนอนอยู่บนโต๊ะเช่นนั้น ศีรษะของเธอวางอยู่บนแขน ท่าทางดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ยังหลับลึกมาก เขาก็อดที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ไม่ได้
เขาเรียงต้นฉบับตามเลขหน้า แล้วยืนขึ้นเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย
ภายใต้แสงสีส้มจางๆ ผิวของเธอดูสวยและเรียบเนียนยิ่งขึ้น ใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเธอเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย ขนตาของงอนยาว ริมฝีปากสีแดงของเธอแวววาว ทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
เฉิงเทียนหยวนกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวและมองไปด้วยความตื่นตระหนก
คาดไม่ถึงว่าดวงตาของเขาดูเหมือนจะถูกดึงดูด เขามองลงไปตั้งแต่หลังคอขาวผ่อง ผมสีดำขลับ ไหล่เรียว แผ่นหลังสวยงาม ทรวดทรงองเอวมีส่วนโค้งเว้า......
เขาอดไม่ได้ที่จะหายใจแรงขึ้น จึงไม่กล้ามองอีกต่อไปแล้วรีบเดินออกไปทันที
เขาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ในที่สุดจิตใจก็สงบลง
ช่วงที่ผ่านมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองเริ่มแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ เขายังหนุ่มยังแน่น จิตใจเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนนานแล้ว
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะต้องการทดสอบเขา ทำให้เขาต้องทนทุกข์ครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอเหนื่อยมากในสองวันมานี้ เขาจำเป็นต้องคิดแทนเธอ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ความร้อนในใจสงบลง เนิ่นนานทีเดียวจนกว่าจะสงบลง
เมื่อคิดว่าการนอนคว่ำจะทำให้ปวดคอและอาจเป็นหวัดได้ เขาจึงรีบกลับไปอุ้มเธอไปที่เตียงอย่างระมัดระวัง และดึงผ้าห่มที่พับไว้อย่างเรียบร้อยมาคลุมให้เธอ
เซวียหลิงลืมตาขึ้นด้วยความสับสนและกระซิบถาม "กี่โมงแล้ว? ฉันยังไม่เสร็จ......”
เฉิงเทียนหยวนตบไหล่เธอแล้วพูดเบาๆ “ไม่เป็นไร ไปนอนเถอะ”
เสียงของเขาเบามาก ดั่งพลังแม่เหล็กธรรมชาติที่ดึงดูด นุ่มนวลและน่ารื่นรมย์ ทำให้เซวียหลิงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ในไม่ช้าเธอก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เฉิงเทียนหยวนมองดูใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเธออย่างหมกมุ่น หลังจากรู้ตัว เขาก็นึกถึงตัวเองที่พูดอย่างอ่อนโยนเมื่อครู่
พระเจ้าช่วย! ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนพูดมันออกมาเอง เขาก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้หยาบคาย แต่เขาไม่มีความกล้าพอที่จะพูดอย่างนุ่มนวลเช่นนั้นได้
แต่เมื่อครู่เขาพูดได้แผ่วเบาเหลือเกิน......
เห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จักวิธีพูด เพียงแต่เขาไม่เคยเจอคนที่ใช่มาก่อน
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเซวียหลิง เขาอดไม่ได้ที่จะเอนตัวมาข้างหน้าและจูบเธอที่หน้าผากเบาๆ
โชคดีเหลือเกินที่เขาเจอคนที่ใช่และแต่งงานกับคนที่ใช่
นี่มันโชคดีจริงๆ ......
คืนนั้น เฉิงเทียนหยวน นอนหลับฝันดีและเกือบจะนอนตื่นสาย
เขามองดูนาฬิกาพบว่ามันสายเกินไปที่จะทำอาหารเช้า ดังนั้นเขาจึงรีบออกประตูไปพร้อมกับหม้อใบเล็ก
เขาขี่จักรยานไปตลาด ซื้อซาลาเปาอุ่นๆ และนมถั่วเหลืองหม้อเล็กแล้วรีบกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง