เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 7

สรุปบท บทที่ 7 ฉันซื้อแล้ว!: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง

บทที่ 7 ฉันซื้อแล้ว! – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง โดย เฟยจูจู ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 7 ฉันซื้อแล้ว! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนพลบค่ำ เฉิงเทียนหยวนกลับมาถึงแล้ว

"ในหมู่บ้านเพิ่งมีสหกรณ์เปิด อยู่ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน สหกรณ์ต้องการเด็กฝึกงานสองคน มีอาหารเที่ยงให้กินหนึ่งมื้อ ตอนนี้ยังไม่มีค่าจ้าง ฉันลงทะเบียนให้อาฟางแล้ว"

เฉิงเทียนฟางปฏิเสธในตอนแรก บอกว่าเธออยากไปหางานทำได้เงินก้อนโตในเมือง ไม่ต้องการงานที่ไม่มีค่าจ้าง

เฉิงเทียนหยวนอธิบายว่าสหกรณ์เป็นสถานที่ประจำการ สภาพแวดล้อมสะอาด งานสบาย แค่ผ่านช่วงฝึกงานไปปีหรือสองปี หัวหน้าก็จะให้ผ่านโปรเป็นพนักงานประจำ ถึงตอนนั้นจะมีค่าจ้าง ช่วงเทศกาลหรือวันปีใหม่ก็มีเบี้ยเลี้ยง

"ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ถ้าทำงานได้ดี จะสามารถโอนไปที่สหกรณ์ในอำเภอได้ ในช่วงแรกเด็กฝึกงานอาจจะดูเหมือนเสียเปรียบ แต่ถ้าอดทนต่อไปอนาคตจะต้องสดใส"

เฉิงเทียนฟางได้ยินว่ามีอนาคตที่ดี จึงฝืนใจเห็นด้วย

จากนั้นเฉิงเทียนหยวนก็ไปบ้านอิฐดินหลังถัดไปของพ่อแม่ กว่าจะกลับห้องหอก็ดึกดื่น

เซวียหลิงกำลังเก็บสินสอดทองหมั้นของเธอให้เรียบร้อย เงยหน้าพูดขึ้น "ห้องน้ำด้านหลังมีน้ำร้อนอีกครึ่งถัง ให้นายใช้"

เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย พยักหน้าเรียบๆ แล้วเดินไปด้านหลัง

"ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงค่อนข้างไกล ก่อนหน้านี้ปรึกษาหารือกับลุงเซวียเรียบร้อยแล้วว่าสามวันยังกลับบ้านไม่ได้* พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปโทรศัพท์ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อรายงานความปลอดภัยกับพวกเขา"

"โอเค" เซวียหลิงตอบตกลงอย่างว่องไว

เฉิงเทียนหยวนชะงักฝีเท้า พูดขึ้นอย่างลังเล "พรุ่งนี้บ่ายฉันต้องกลับไปทำงานที่อำเภอ เธอมีแผนอะไรไหม?"

เซวียหลิงกะพริบตาโตแกล้งโง่ "นายอยากให้ฉันไปกับนายเหรอ? ดีเลย!"

เฉิงเทียนหยวนหันหน้ามาด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้น "เธออยากรีบเลิกกับฉันไม่ใช่เหรอ? จะตามไปทำไม?"

สิบกว่าปีที่ผ่านมา สถานะและสภาพการเงินของครอบครัวทั้งสองแตกต่างกันมากเกินไปจริงๆ

ถ้าหากไม่ใช่ว่าลุงเซวียจำน้ำใจคุณพ่อที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ได้ตลอด คงไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานในเขตทุรกันดารแบบนี้หรอก

เซวียหลิงรู้ว่าเขายังไม่สามารถเปลี่ยนมุมมองกับตนในสักพักหนึ่ง ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

"ฉันเพิ่งเรียนจบเดือนที่แล้ว กำลังหางานทำอยู่ ใครจะไปรู้ว่าครอบครัวนายจะไปขอแต่งงานที่บ้าน ที่นี่ก็คงไม่มีงานที่เหมาะสมกับฉัน ให้ฉันไปหาที่อำเภอกับนายเถอะ"

ยังไงแล้วชาตินี้ก็อยู่กับเขา! เขาไปไหน เธอก็จะไปที่นั่นด้วย

เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วถาม "เธอจบจากที่ไหน? ฉันค่อนข้างสนิทกับที่อำเภอ ช่วยเธอถามได้ ที่สหกรณ์ร้านค้าเป็นหอพักรวม เธออยู่ไม่ได้หรอก มันไม่สะดวก"

เซวียหลิงตอบ "จบที่วิทยาลัยภาษาต่างประเทศ เอกเลขาจีนอังกฤษ เช่นบริษัทการค้าระหว่างประเทศ องค์กรร่วมลงทุนระหว่างจีนกับต่างประเทศ หรือไม่ก็พวกบรรณาธิการต้นฉบับในบริษัทนิตยสารก็ได้"

เมื่อเธอพูดแบบนี้ เฉิงเทียนหยวนก็แอบประหลาดใจ

ตอนไปขอแต่งงานที่เมืองหลวง ลุงเซวียบอกว่าเธอถูกเลี้ยงดูมาแบบปรนเปรอ มีนิสัยอารมณ์ร้อน สิ่งเดียวที่น่าพึงพอใจได้ก็คือมีผลการเรียนที่ไม่เลว เธอรักการเรียนรู้ด้วย

ตอนนั้นเขานึกว่าอวยตัวเองไปงั้น ไม่คิดว่าจะเป็นคนถ่อมตนไม่อวดความรู้!

เฉิงเทียนหยวนพยักหน้า พูดขึ้น "งั้นเธอก็เก็บของเตรียมตัว พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปด้วย"

"ได้เลย!" เซวียหลิงยิ้มชอบใจตอบตกลง

เฉิงเทียนหยวนเดิมทีอยากถามว่าจะไปดำเนินเรื่องหย่าที่สำนักกิจการพลเรือนเมื่อไร เห็นเธอยิ้มสดใสน่ารัก ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คำพูดติดในลำคอถามไม่ออก

เขาเอ่ยปากออกไปเหมือนถูกผีเข้า "เงินที่บ้านไม่พอแล้วจริงๆ เมื่อกี้พ่อบอกว่า......ให้ขายที่ดินรกร้างตรงทางเข้าหมู่บ้านให้คณะกรรมการหมู่บ้าน ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงกับเขา"

เซวียหลิงตกตะลึงเล็กน้อย----นี่เขาต้องการปรึกษาตนเหรอ?

รู้สึกดีใจ แต่ก็เริ่มกังวลขึ้นมา "ไม่ได้! ที่ดินเป็นสินทรัพย์ถาวร จะขายตามใจชอบไม่ได้!"

เฉิงเทียนหยวนผลุบตาลง อธิบาย "ที่ดินบ้านเรามีเยอะมาก ปู่ของฉันที่เสียชีวิตไปเชี่ยวชาญในการทำไร่ทำนา ถางพงไถนาอยู่หลายแห่ง น่าเสียดายปีที่ผ่านมาฉันไม่อยู่ มือพ่อฉันก็ไม่ดี นาที่บ้านก็เลยถูกทิ้งรกร้าง พ่อบอกทิ้งรกร้างมันก็น่าเสียดาย สู้ขายให้หมู่บ้านครึ่งหนึ่งดีกว่า จะได้ช่วยเหลือการเงินในครอบครัวด้วย"

"ที่ดินตรงทางเข้าเหรอ? ที่ใกล้ถนนจังหวัด?" เซวียหลิงถาม

"อืม" เฉิงเทียนหยวนตอบ "ที่ดินประมาณยี่สิบหมู่"

เซวียหลิงถาม "ขายได้เท่าไร?"

เฉิงเทียนหยวนตอบ "มากสุดก็สี่ห้าร้อยหยวน ขายราคาสูงไม่ได้"

เฉิงเทียนหยวนยังคงทำหน้าบูดบึ้ง จู่ๆ ก็กะพริบตาหลายที

"ฉัน......เมื่อกี้ถามผู้ใหญ่บ้านแล้ว ที่ดินในหมู่บ้านมีการซื้อขายอย่างอิสระ ถ้าขายให้กับคนนอก ก็สามารถไปเอาใบรับรองที่คณะกรรมการหมู่บ้านได้"

"ไม่ต้องหรอก" เซวียหลิงหรี่ตามองที่ดินรกร้างแห้งแล้ง แล้วพูดขึ้น "ฉันเชื่อนาย"

เฉิงเทียนหยวนคิดไม่ถึงเลยว่าเธอเห็นที่ดินรกร้างแล้วยังยืนกรานที่จะซื้อมัน รู้สึกแอบโกรธตัวเอง

แต่เซวียหลิงกลับยิ้ม แล้วเลิกคิ้ว

"นายขายที่ดินให้คนอื่นได้ ทำไมจะขายให้เมียตัวเองไม่ได้? นี่----เอาเงินให้นาย! ใช่แล้ว อย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่และน้องสาวนายนะ นี่เป็นความลับของเราสองคน"

เฉิงเทียนหยวนจ้องมองเธออยู่นานสักพัก สุดท้ายก็พยักหน้า

......

วันนั้นกินอาหารกลางวันแล้ว เฉิงเทียนหยวนกับเซวียหลิงก็ออกเดินทาง

เฉิงมู่ไห่และหลิวอิงไปส่งพวกเขาตรงทางเข้าหมู่บ้าน สองสามีภรรยาเฒ่าอาลัยอาวรณ์ รู้สึกสงสารมาก

"หลิงหลิง เธอเพิ่งแต่งเข้าบ้าน จะปล่อยให้เธอไปทำงานได้ยังไง?"

เซวียหลิงรีบส่ายหน้า แล้วพูดอย่างสบายๆ ไม่คิดมาก "พ่อ แม่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้สภาพครอบครัวค่อนข้างแย่ ฉันควรไปช่วยพี่หยวนหาเลี้ยงเงินครอบครัวสิคะ"

พ่อเฉิงกับแม่เฉิงน้ำตาไหล รู้สึกประทับใจเหลือเกิน กำชับลูกชายว่าต้องดูแลลูกสะใภ้ให้ดี

เฉิงเทียนหยวนตอบรับอย่างมั่นคง หยิบกระเป๋าเดินทางในมือเซวียหลิงมา แล้วก้าวเท้าเดินนำหน้า

เซวียหลิงยิ้มโบกมือให้กับพ่อแม่สามี แล้วตามหลังเดินออกไป

หมู่บ้านตระกูลเฉิงมีขนาดไม่ใหญ่ ไม่ถึงครึ่งวันเรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไปแล้ว

ในใจทุกคนอิจฉามาก บอกว่าครอบครัวอาหยวนได้แต่งกับลูกสะใภ้ที่รวยและขยัน แต่ละคนชมไม่ขาดปาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง