ตอนพลบค่ำ เฉิงเทียนหยวนกลับมาถึงแล้ว
"ในหมู่บ้านเพิ่งมีสหกรณ์เปิด อยู่ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน สหกรณ์ต้องการเด็กฝึกงานสองคน มีอาหารเที่ยงให้กินหนึ่งมื้อ ตอนนี้ยังไม่มีค่าจ้าง ฉันลงทะเบียนให้อาฟางแล้ว"
เฉิงเทียนฟางปฏิเสธในตอนแรก บอกว่าเธออยากไปหางานทำได้เงินก้อนโตในเมือง ไม่ต้องการงานที่ไม่มีค่าจ้าง
เฉิงเทียนหยวนอธิบายว่าสหกรณ์เป็นสถานที่ประจำการ สภาพแวดล้อมสะอาด งานสบาย แค่ผ่านช่วงฝึกงานไปปีหรือสองปี หัวหน้าก็จะให้ผ่านโปรเป็นพนักงานประจำ ถึงตอนนั้นจะมีค่าจ้าง ช่วงเทศกาลหรือวันปีใหม่ก็มีเบี้ยเลี้ยง
"ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ถ้าทำงานได้ดี จะสามารถโอนไปที่สหกรณ์ในอำเภอได้ ในช่วงแรกเด็กฝึกงานอาจจะดูเหมือนเสียเปรียบ แต่ถ้าอดทนต่อไปอนาคตจะต้องสดใส"
เฉิงเทียนฟางได้ยินว่ามีอนาคตที่ดี จึงฝืนใจเห็นด้วย
จากนั้นเฉิงเทียนหยวนก็ไปบ้านอิฐดินหลังถัดไปของพ่อแม่ กว่าจะกลับห้องหอก็ดึกดื่น
เซวียหลิงกำลังเก็บสินสอดทองหมั้นของเธอให้เรียบร้อย เงยหน้าพูดขึ้น "ห้องน้ำด้านหลังมีน้ำร้อนอีกครึ่งถัง ให้นายใช้"
เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย พยักหน้าเรียบๆ แล้วเดินไปด้านหลัง
"ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงค่อนข้างไกล ก่อนหน้านี้ปรึกษาหารือกับลุงเซวียเรียบร้อยแล้วว่าสามวันยังกลับบ้านไม่ได้* พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปโทรศัพท์ที่คณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อรายงานความปลอดภัยกับพวกเขา"
"โอเค" เซวียหลิงตอบตกลงอย่างว่องไว
เฉิงเทียนหยวนชะงักฝีเท้า พูดขึ้นอย่างลังเล "พรุ่งนี้บ่ายฉันต้องกลับไปทำงานที่อำเภอ เธอมีแผนอะไรไหม?"
เซวียหลิงกะพริบตาโตแกล้งโง่ "นายอยากให้ฉันไปกับนายเหรอ? ดีเลย!"
เฉิงเทียนหยวนหันหน้ามาด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้น "เธออยากรีบเลิกกับฉันไม่ใช่เหรอ? จะตามไปทำไม?"
สิบกว่าปีที่ผ่านมา สถานะและสภาพการเงินของครอบครัวทั้งสองแตกต่างกันมากเกินไปจริงๆ
ถ้าหากไม่ใช่ว่าลุงเซวียจำน้ำใจคุณพ่อที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ได้ตลอด คงไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานในเขตทุรกันดารแบบนี้หรอก
เซวียหลิงรู้ว่าเขายังไม่สามารถเปลี่ยนมุมมองกับตนในสักพักหนึ่ง ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร
"ฉันเพิ่งเรียนจบเดือนที่แล้ว กำลังหางานทำอยู่ ใครจะไปรู้ว่าครอบครัวนายจะไปขอแต่งงานที่บ้าน ที่นี่ก็คงไม่มีงานที่เหมาะสมกับฉัน ให้ฉันไปหาที่อำเภอกับนายเถอะ"
ยังไงแล้วชาตินี้ก็อยู่กับเขา! เขาไปไหน เธอก็จะไปที่นั่นด้วย
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วถาม "เธอจบจากที่ไหน? ฉันค่อนข้างสนิทกับที่อำเภอ ช่วยเธอถามได้ ที่สหกรณ์ร้านค้าเป็นหอพักรวม เธออยู่ไม่ได้หรอก มันไม่สะดวก"
เซวียหลิงตอบ "จบที่วิทยาลัยภาษาต่างประเทศ เอกเลขาจีนอังกฤษ เช่นบริษัทการค้าระหว่างประเทศ องค์กรร่วมลงทุนระหว่างจีนกับต่างประเทศ หรือไม่ก็พวกบรรณาธิการต้นฉบับในบริษัทนิตยสารก็ได้"
เมื่อเธอพูดแบบนี้ เฉิงเทียนหยวนก็แอบประหลาดใจ
ตอนไปขอแต่งงานที่เมืองหลวง ลุงเซวียบอกว่าเธอถูกเลี้ยงดูมาแบบปรนเปรอ มีนิสัยอารมณ์ร้อน สิ่งเดียวที่น่าพึงพอใจได้ก็คือมีผลการเรียนที่ไม่เลว เธอรักการเรียนรู้ด้วย
ตอนนั้นเขานึกว่าอวยตัวเองไปงั้น ไม่คิดว่าจะเป็นคนถ่อมตนไม่อวดความรู้!
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้า พูดขึ้น "งั้นเธอก็เก็บของเตรียมตัว พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปด้วย"
"ได้เลย!" เซวียหลิงยิ้มชอบใจตอบตกลง
เฉิงเทียนหยวนเดิมทีอยากถามว่าจะไปดำเนินเรื่องหย่าที่สำนักกิจการพลเรือนเมื่อไร เห็นเธอยิ้มสดใสน่ารัก ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คำพูดติดในลำคอถามไม่ออก
เขาเอ่ยปากออกไปเหมือนถูกผีเข้า "เงินที่บ้านไม่พอแล้วจริงๆ เมื่อกี้พ่อบอกว่า......ให้ขายที่ดินรกร้างตรงทางเข้าหมู่บ้านให้คณะกรรมการหมู่บ้าน ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงกับเขา"
เซวียหลิงตกตะลึงเล็กน้อย----นี่เขาต้องการปรึกษาตนเหรอ?
รู้สึกดีใจ แต่ก็เริ่มกังวลขึ้นมา "ไม่ได้! ที่ดินเป็นสินทรัพย์ถาวร จะขายตามใจชอบไม่ได้!"
เฉิงเทียนหยวนผลุบตาลง อธิบาย "ที่ดินบ้านเรามีเยอะมาก ปู่ของฉันที่เสียชีวิตไปเชี่ยวชาญในการทำไร่ทำนา ถางพงไถนาอยู่หลายแห่ง น่าเสียดายปีที่ผ่านมาฉันไม่อยู่ มือพ่อฉันก็ไม่ดี นาที่บ้านก็เลยถูกทิ้งรกร้าง พ่อบอกทิ้งรกร้างมันก็น่าเสียดาย สู้ขายให้หมู่บ้านครึ่งหนึ่งดีกว่า จะได้ช่วยเหลือการเงินในครอบครัวด้วย"
"ที่ดินตรงทางเข้าเหรอ? ที่ใกล้ถนนจังหวัด?" เซวียหลิงถาม
"อืม" เฉิงเทียนหยวนตอบ "ที่ดินประมาณยี่สิบหมู่"
เซวียหลิงถาม "ขายได้เท่าไร?"
เฉิงเทียนหยวนตอบ "มากสุดก็สี่ห้าร้อยหยวน ขายราคาสูงไม่ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง