ในขณะที่รถกำลังจะวิ่งชนเจเนวีฟ ก็มีใครบางคนกระโดดเข้ามาดึงเธอออกไปพ้นรัศมี แล้วรถก็วิ่งผ่านพวกเขาไปและหายไปอย่างรวดเร็ว
“คุณรัคฟอร์ดครับ คุณไม่สมควรต้องมาตายแบบนี้เพราะผู้ชายคนหนึ่ง” คนที่ช่วยชีวิตเจเนวีฟไว้คือสตีเว่น คนขับรถของอาร์มันด์นั่นเอง “แล้วใครจะช่วยดูแลคุณยายของคุณล่ะครับ ถ้าคุณต้องมาจบชีวิตลงที่นี่” เขาพูดต่อ
เจเนวีฟที่หัวใจแตกสลายก็กลับมาได้สติอีกครั้ง เออใช่! ถ้าฉันตายไป ใครจะดูแลคุณยายล่ะ
ต่อมาไม่นานนัก รถคันหนึ่งก็จอดตรงหน้าพวกเขา สตีเว่นเปิดประตูรถด้านหลังให้กับเจเนวีฟ “คุณฟอล์คเนอร์อยากจะเจอคุณ เขาให้คุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“เขาให้ได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ แต่ฉันจะให้อะไรตอบแทนเขาดีล่ะ” เจเนวีฟยิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะหลงเชื่อว่าจะเขาจะช่วยเธอโดยปราศจากเงื่อนไขเพียงเพราะเขาเผลอตัวไปนอนกับเธอเข้า
ไม่ใช่แค่ภาพพจน์ของเจเนวีฟเท่านั้นที่พังทลายไป แต่ตอนนี้เธอยังต้องสูญเสียทุกอย่างไปอีกด้วย
เจเนวีฟจับแขนตัวเองแล้วพูดตอบด้วยเสียงต่ำ “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฝากขอบคุณคุณฟอล์คเนอร์ด้วยนะ แต่ฉันไม่อยากจะสูญเสียศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่น้อยนิดไปอีก”
พอสตีเว่นเห็นปฏิกิริยาของเจเนวีฟ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขายื่นนามบัตรให้เธอพร้อมกับพูดว่า “คุณรัคฟอร์ดครับ นี่เบอร์ติดต่อผม ถ้าคุณต้องการอะไรก็โทรหาผมได้เลยนะครับ”
“ค่ะ” เจเนวีฟรับนามบัตรมาด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วจากไป
หลังจากนั้นไม่นานนัก สตีเว่นก็กลับไปที่สแวลโลว์การ์เด้น เมื่อเขาพบอาร์มันด์ เขาก็เอาคำพูดของเจเนวีฟที่พูดกับเขามาพูดต่อให้อาร์มันด์ฟัง แล้วสตีเว่นก็พูดต่อว่า “คุณฟอล์คเนอร์ครับ รถคันนั้นหมือนจะพุ่งเข้าหาคุณรัคฟอร์ดนะครับ”
สีหน้าของอาร์มันด์หมองลง “ไปสืบเรื่องนี้มาดีๆ แล้วก็ส่งคนแอบสะกดรอยตามไปคุ้มครองเธอด้วย เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเธอจะต้องปลอดภัย”
ผู้หญิงคนนั้นจะต้องหัดลดทิฐิลงเสียบ้าง
เจเนวีฟไปที่โรงพยาบาล
วินิเฟรดนอนอยู่ที่เตียงได้สักสองสามวันตั้งแต่มีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เธอไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากออกซิเจนอีกแล้ว
แม้ว่าวินิเฟรดจะลุกจากเตียงไม่ได้ แต่สภาพผิวพรรณของเธอก็ดีขึ้น
เจเนวีฟฝืนยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องคนไข้ “คุณยายคะ เป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นเยอะเลย” วินิเฟรดมองปราดเดียวก็รู้ว่าเจเนวีฟผ่านการร้องไห้มาไม่นานมานี้เอง “คูเปอร์ทำอะไรหลานตอนที่เธอเห็นเขาหรือเปล่า” วินิเฟรดถามด้วยสีหน้าหดหู่
บรรดาคนงานที่กำลังหาของมีค่าอยู่ที่ชั้นสองก็ได้โยนสิ่งของที่ไม่ต้องการลงมาชั้นล่างเพื่อเอาสะดวก
ไม่นานนัก โล่ที่ระลึกสองอันก็ถูกโยนลงมาด้านล่าง
เจเนวีฟพุ่งตัวลงไปรับทันที แต่ช้าไปแล้ว โล่ที่ระลึกทั้งสองของพ่อแม่เธอมีรอยร้าวทันทีที่กระทบพื้น
เธอกอดโล่ที่ระลึกทั้งสองอันไว้ในอ้อมแขน ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
เจเนวีฟเงยหน้าขึ้นมองดูคนงาน นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “นี่พวกแกโยนโล่ที่ระลึกของคนอื่นทิ้งได้ยังไงกัน ไม่กลัวฟ้าดินลงโทษหรือไง”
“เจ้านายบอกพวกเราว่าให้จัดการกับของที่ไม่เอาแล้วน่ะครับ” คนงานรู้สึกกลัวเจเนวีฟและเดินหนีไปทันที
“พ่อคะ แม่คะ หนูขอโทษ...” เจเนวีฟพึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ เธอปัดฝุ่นออกจากโล่ที่ระลึก แล้วน้ำตาของเธอก็หยดลงบนโล่ทั้งสอง
“คูเปอร์ ซัตตัน คุณช่างเป็นคนโหดเหี้ยมนัก! คุณฆ่าพ่อแม่ของฉัน แถมตอนนี้ยังจะทำลายโล่ที่ระลึกของพวกเขาอีก”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกมรักกลลวง