แยนนี่อึ้งไปเลย เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่านักแสดงที่ดูมีหลักการและมีความชอบธรรมอย่างนาธานจะมีความคิดใช้วิธีแบบนี้หาทางลัดไปสู่ความโด่งดัง
แยนนี่ไม่ได้ต่อต้านวิธีแบบนี้ที่จะซื้อใจแฟนๆ จากสาธารณะชน แต่เห็นได้ชัดว่านาธานพยายามใช้เธอเป็นโอกาสในการดังทางลัด
แยนนี่ยิ้มอย่างสุภาพและตอบว่า “รุ่นพี่คะ สิ่งที่ฉันต้องการทำตอนนี้คือฟังคำแนะนำของแลร์รีเพื่อการแสดงที่ดี ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาที่จะพิจารณาทำสิ่งอื่น อีกอย่างเรายังไม่ได้อยู่ในช่วงโปรโมทของหนังด้วยใช่ไหมคะ? หรือถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในช่วงโปรโมทหนังก็ตามฉันคิดว่าทีมโปรโมทคงมีแผนของเขาเอง เราไม่ต้องเป็นกังวลแทนพวกเขาเรื่องทำให้หนังมีชื่อเสียงหรอกค่ะ”
แยนนี่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอปฏิเสธข้อเสนอของนาธาน
นาธานเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง เขาจึงรู้สึกอับอายที่ถูกเธอปฏิเสธ ชายหนุ่มเริ่มทำหน้าบูดบึ้ง “แยนนี่ คุณคิดว่าผมไม่รู้จริงๆ เหรอว่าทำไมคุณถึงไม่อยากเสแสร้งเป็นคู่จิ้นกับผม เพราะคุณรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญของแลร์รีเป็นคนที่เขาประทับใจจนออกตัวชมคุณต่อหน้ากล้อง คุณต้องคิดว่าคุณโดดเด่นเป็นพิเศษและจะประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอนล่ะสิ”
แยนนี่ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือรำคาญอะไร เธอควบคุมอารมณ์ของเธอและยิ้มอย่างใจเย็น “รุ่นพี่คะ ฉันเป็นเพียงเด็กใหม่ การที่แลร์รี่เลือกฉันเป็นนักแสดงนำหญิงของเขาฉันนั้นรู้สึกเป็นเกียรติมาก อย่างไรก็ตาม ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะแกล้งเป็นคู่จิ้นกับรุ่นพี่อย่างคุณ ฉันเกรงว่าผู้ชมและชาวเน็ตอาจคิดว่าฉันพยายามใช้คุณเป็นบันไดปีนขึ้นไป แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้มีซีนปะทะอารมณ์กันมากนักในภาพยนตร์ ถ้าเราพยายามสร้างข่าวสร้างภาพความสัมพันธ์ที่มันมากเกินไป ฉันเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม”
แยนนี่ตีเส้นและวางกรอบคำพูดของเธออย่างฉะฉานสมบูรณ์แบบว่าคำพูดของนาธานไม่มีผลกระทบต่อเธอ
นาธานกัดฟันกรอดเขาจ้องไปที่แยนนี่อย่างไม่เป็นมิตร "ก็ได้ แยนนี่ แลร์รี่บอกว่าคุณเหมาะที่จะก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูง แล้วคุณก็เชื่อว่าคุณเป็นอย่างนั้นจริงๆ ได้! ผมจะแนะนำให้เอาบุญว่าอย่าอวดดีนัก!”
นาธานชี้นิ้วไปที่เธอ
แยนนี่ปัดขนตาที่เริ่มตกลงจากมาสคาร่าที่หนาเตอะขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ การจ้องมองของเธออ่อนโยนและสงบ “รุ่นพี่คะ แม้ว่าเราจะไม่แสร้งเป็นคู่จิ้นกันเพื่อดึงดูดแฟนๆ แต่ฉันแน่ใจว่าคุณจะมีชื่อเสียงในไม่ช้าด้วยทักษะการแสดงของคุณเอง ไม่คิดอย่างนั้นหรือคะ?"
นาธานกำหมัดแน่นและยังจ้องเขม็งไปที่เธอ เขาพูดไม่ออกจึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเย้ยหยัน ได้แต่ระงับความโกรธแล้วหันหลังกลับเดินจากไป
แยนนี่ส่ายหัวพลางคิดว่าช่างน่าตลกเสียจริง อุตสาหกรรมบันเทิงเปรียบเสมือนถังย้อมสีขนาดยักษ์จริงๆ นักแสดงฝีมือดีอย่างนาธานยังคิดที่จะทำเรื่องไร้สาระแบบนี้เพียงเพื่อให้มีชื่อเสียง
แยนนี่หันหลังกลับและกำลังจะเข้าไปในห้องของเธอ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงโอดครวญดังมาจากมุมทางเดิน
“โอ๊ย! ใครกล้าต่อยฉันวะ! นายบ้าหรือไง?" เป็นเสียงของนาธาน
แยนนี่ขมวดคิ้วเธอเดินเข้าไปดูก็เห็นเชนน์กำลังต่อยนาธานอยู่บนพื้น
“กล้าดียังไงมาใช้ผู้หญิงของฉันเป็นเครื่องมือ! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
'ต้องการที่จะแสร้งทำเป็นคู่รักใช่ไหม? ไปตายซะ!'
นาธานปิดหน้าของเขาเมื่อเห็นแยนนี่เดินเข้ามา เขาก็รีบร้องขอความช่วยเหลือทันที “แยนนี่! ช่วยฉันที! แจ้งตำรวจเร็ว!”
แยนนี่ยืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่สองสามวินาที เมื่อเห็นว่าเชนน์ไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้เธอจึงพูดว่า “นายท่านเชนน์ คุณมาที่นี่ทำไม”
เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะมาที่ออซซิตี้เพื่อตามหาเธอ
เชนน์ปล่อยคอเสื้อของนาธานก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นอย่างสง่างาม เขามองไปที่นาธานซึ่งมีใบหน้าฟกช้ำดำเขียว และพูดอย่างสุภาพปนเย็นชาว่า “อัปลักษณ์ขนาดนี้ ยังอยากจะแกล้งเป็นคู่กับผู้หญิงของฉันอีกเหรอ? ทำไมไม่ส่องกระจกดูตัวเองเสียบ้าง!”
เชนน์เตะเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขาเย็นชาและร้ายกาจ
นาธานชี้ไปที่เชนน์และแยนนี่ “แกสองคนเป็นพวกกัน! ฉันจะฟ้องทั้งคู่!”
นิ้วเรียวยาวของเชนน์หยิบนามบัตรสีดำที่มีลายนูนสีทองแล้วโยนไปที่หน้าของนาธาน “นี่เป็นนามบัตรของฉัน อย่าส่งหมายศาลไปผิดที่ล่ะ เผื่อแกหาป๊ะป๋าไม่เจอไง”
ท่าทางหยิ่งยโสของเขาช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
นาธานหน้าซีดเผือด แยนนี่พยายามกลั้นหัวเราะ เธอมองไปที่คนเดินตรวจตาแถวทางเดินและพูดว่า "ไปกันเถอะ เร็วเข้า"
แยนนี่ดึงมือของเชนน์ลากออกไปทันทีที่พวกเขาหันไปอีกทาง
เชนน์เดินตามอย่างเกียจคร้าน เขาถูกแยนนี่ดึงไปข้างหน้า “ผมควรจะทุบผู้ชายคนนั้นให้ตาย คิดได้อย่างไรจะมาใช้ผู้หญิงของผม”
แยนนี่หยอกเล่นอย่างสนุกสนาน “ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่ต้องไปหาคุณที่คุกแทนหรือไง?”
“เธอใจร้ายขนาดนั้นได้อย่างไร? เพราะเธอเลยนะ กำปั้นของผมเจ็บไปหมดแล้ว”
แยนนี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอหันกลับมามองเขา “เป็นคนไปต่อยเขาแต่ดันเจ็บมือเองเนี่ยนะ”
เชนน์มองที่เธอ “ใช่น่ะสิ แรงที่กระทำซึ่งกันและกัน คุณไม่เคยเรียนฟิสิกส์เหรอ?”
แยนนี่ไม่สามารถเถียงชนะเขาได้
เธอผลักประตูห้องของเธอออกและผลักเชนน์เข้าไป
เมื่อตัวทั้งคู่พ้นผ่านประตูเข้าไป เชนน์ก็หันกลับมาทันทีและตรึงแยนนี่เข้ากับประตูด้านในอย่างแรง
ตอนนี้เขายังคงดูเย็นชาและสงบเสงี่ยม แต่เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เชนน์กักตัวแยนนี่ที่พิงผนังอยู่ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ลูบผมยาวสลวยของเธอให้ทัดใบหูเผยให้เห็นใบหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลาของหญิงสาว
เชนน์จ้องมองเธออย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ยังไม่พูดอะไรดีๆ ออกมา “ไม่ได้เจอเธอมาพักหนึ่งแล้ว เธอผอมลงและดำคล้ำแบบนี้ได้อย่างไร? แลร์รี่ไม่ให้กินข้าวเหรอ?”
แยนนี่ได้ยินแบบนั้นก็เผลอยกมือจับใบหน้าของเธอโดยไม่รู้ตัว ออซซิตี้อยู่ใกล้กับเนินเขาดังนั้นรังสียูวีที่นี่จึงแรงมาก นอกจากนี้พวกเขาต้องถ่ายทำกลางแดด มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผิวเธอจะคล้ำขึ้น แต่น้ำหนักที่ลดลงนั้นคงเปแ็นเพราะเธอโหมงานหนักไม่ใช่อดข้าว
“ตัวละครนี้ต้องผิวคล้ำแล้วก็ผอมแห้งในช่วงแรกๆ น่ะ ตอนนี้ฉันดูไม่เหมือนเหรอ?”
เชนน์เม้มริมฝีปากบางของเขาและมองเธออย่างลึกซึ้ง “ไม่น่าปล่อยให้เธอมาที่นี่เพื่อเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้เลย นานมากแล้วนะที่เธอไม่เคยแม้แต่จะโทรหา หรือว่าเพราะแลร์รีคิดว่าเธอกำลังจะดังเปรี้ยงแน่ๆ เลยพยายามให้เธอเขี่ยฉันออกจากชีวิต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน