ตอนที่เขาก้าวเท้าออกมาจากร้านอาหาร มันก็ถึงเวลาตกดึกแล้ว
อากาศช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในนอร์ท ซิตี้เปลี่ยนจากอุ่นไปหนาวอย่างเฉียบพลันได้ตลอด
เชนน์ยืนนิ่งอยู่หน้าทางเข้าโรงแรม เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ช่างเป็นค่ำคืนที่มืดมิดเสียจริง
อากาศยังเหน็บหนาวน่าเศร้าซึมไม่ต่างจากตอนฤดูหนาวเลย
เจคขับรถวนมาถึง เขาลงจากรถมาเปิดประตูด้านหลังให้ แล้วจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าเชนน์กำลังยืนเหม่ออยู่หน้าโรงแรม
เจคเรียกเขา “ประธานเชนน์ครับ ถึงเวลากลับแล้ว”
เชนน์เอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง เขาไม่ได้เร่งขึ้นรถ แต่กลับเอ่ยสิ่งที่ไม่เกี่ยวกันขึ้นมาแทน “ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมท้องฟ้ายังมืดขนาดนี้นะ?”
เจคไม่ได้คิดจริงจังกับคำถามข้อนี้ เขาเพียงส่งรอยยิ้มให้แล้วตอบกลับไปว่า “ยิ่งฟ้ามืดมากเท่าไหร่ ดาวก็ยิ่งส่องสว่างมากขึ้นเท่านั้นครับ”
“นายว่าในลอสแอนเจลิสมีดาวที่ส่องสว่างไหม?”
เจคตอบกลับมาอย่างไม่ต้องคิด “ลอสแอนเจลิสมีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิคงที่กว่ามาก สภาพอากาศแห้งทั้งปี ฝนตกเพียงเล็กน้อย แดดก็จ้าตลอดทั้งปีเหมือนกัน ถ้าอากาศดี ๆ ดาวในลอสแอนเจลิสก็น่าจะส่องสว่างกว่าที่ประเทศเรามากครับ”
“นายพูดมากไปแล้ว” เชนน์เหลือบตามองใส่อีกฝ่าย ก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยท่าทางอารมณ์บูด
เจคถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
‘อ้อ ลอสแอนเจลิสอย่างนั้นเหรอ เขาคิดถึงคุณแยนนี่หรือเปล่านะ?’
รถสีดำขับตรงไปข้างหน้า
คืนนี้เชนน์ไม่ได้ดื่มมากขนาดนั้น แต่ก็ยังนับว่าดื่มไปพอสมควรอยู่ดี เขาจึงอยู่ในสถานะกึ่งเมา
เจคกวาดสายตามองเชนน์ผ่านกระจกมองหลัง เขาอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ประธานเชนน์ครับ ผมจำได้ว่าอีกสองวันข้างหน้าก็จะเป็นวันเกิดคุณแล้ว ในเมื่อช่วงนี้คุณไม่ได้ติดธุระอะไรมาก ให้ผมจองตั๋วเที่ยวบินไปลอสแอนเจลิสให้ไหมครับ คุณจะได้ไปหาคุณแยน...”
ยังพูดไม่ทันจบ เชนน์ก็โต้กลับมาด้วยเสียงเย็นเยียบ “นี่ไม่รู้หรือไงว่าฉันไม่เคยฉลองวันเกิด”
เจคพูดไม่ออกไปอีกรอบ ‘เวร! จะทำแบบไหนก็ไม่ถูกสักที’
เชนน์หลับตาแล้วเอนหลังพักผ่อน สีหน้าไร้ความรู้สึกของเขาทำให้เจครู้สึกกระวนกระวาย
เขาควรจะพูดอะไรไหม? หรือจะปล่อยให้ความเงียบนี้ยังอยู่ต่อไปดี นี่เป็นปัญหาที่เจคกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
ดูท่าทางแล้วเชนน์เหมือนจะไม่อยากคุยกับใคร เจคจึงปิดปากเงียบแล้วไม่พูดอะไรต่อ
ที่เบาะหลังนั้น เชนน์ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่
บางทีที่เขารู้สึกแย่ตอนนี้อาจจะมาจากที่เขาเจอกับมาเรียที่ร้านอาหารคืนนี้ก็ได้ หรืออาจจะมาจากการที่เจ้าเจคสมองทึ่มยกเรื่องแยนนี่มาพูด ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
เชนน์ขมวดคิ้วแล้วหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา เขาเลื่อนข้อความไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็กดแตะที่ข้อความของแยนนี่
ก็เหมือนเคย ที่แยนนี่จะส่งข้อความบอกฝันดีมาให้ แต่เขาไม่ได้ส่งอะไรตอบกลับไป
เขาใช้นิ้วเรียวยาวพิมพ์ข้อความสองคำลงไปในช่องแชต [ฝันดี]
เขากำลังจะกดส่ง แต่กลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จนสุดท้ายก็ตัดสินใจลบข้อความ กดออกแอปแล้วล็อกหน้าจอมือถือไป
ในเมื่อเขาเจอเธอไม่ได้ เขาก็ไม่ต้องตอบข้อความเธอดีกว่า จะรำลึกถึงอดีตไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
เขาคิดถึงช่วงเวลาที่เธอนอนหนุนอกเขา จ้องมองเขาด้วยดวงตาเรียวเล็ก แล้วส่งยิ้มให้ พร้อมกับเอ่ยคำว่า “ฝันดีนะคะ จอร์แดน”
จากนั้น พวกเขาก็นอนกอดกันทั้งคืน
...
ในขณะเดียวกัน ณ อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ก็เป็นเวลา 9 โมงเช้าที่ลอสแอนเจลิสพอดี
แยนนี่ส่งข้อความบอกฝันดีให้เชนน์ในขณะที่ตอนนี้เป็นเวลาเช้า เพราะนอร์ท ซิตี้กับลอสแอนเจลิสเวลาห่างกันถึง 15 ชั่วโมง
แปลว่า ในขณะที่เชนน์กำลังพบกับยามค่ำคืน วันใหม่ของแยนนี่ก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น
ถ้าดูจากไลฟ์สไตล์ของเชนน์ที่เป็นสายนอนดึกแล้ว เขายังไม่นอนตอนนี้หรอก ดังนั้น ที่เขาไม่ตอบข้อความของเธอ ไม่ได้เป็นเพราะเวลาต่างกันหรอก แต่ล้วนมาจากสาเหตุที่ว่าเขาไม่อยากตอบ หรือไม่รู้จะตอบอย่างไรต่างหาก
นี่เป็นเดือนที่สองแล้วที่แยนนี่อยู่ห่างจากเชนน์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน