เล่ห์รัก ท่านประธาน นิยาย บท 1108

เคลลี่รู้จักกับแยนนี่มาสองเดือนแล้ว เธอไม่เคยเห็นแยนนี่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้มาก่อนเลย ในสายตาของเคลลี่นั้น แยนนี่เป็นน้องที่คิดเป็นเหตุเป็นผลเข้าใจได้มาตลอด มาตลอดจริง ๆ

เคลลี่เชยคางของแยนนี่ขึ้นแล้วเอ่ยเสียงแซวว่า “ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้เลย เหมือนเธอจะชอบแฟนที่อยู่ที่บ้านมากนะ ถึงสติหลุดขนาดนี้ตอนพลาดวันเกิดเขา”

แยนนี่ยังอารมณ์ร้อนระอุอยู่ เธอจึงไม่ยอมเก็บปากเก็บคำแต่โต้กลับไปตรง ๆ “หุ่นยนต์ที่วัน ๆ เอาแต่ทำงานแบบพี่ไม่มีวันเข้าใจหรอก”

แยนนี่มาฮอลลีวูดเพื่อทำตัวเองให้ดีขึ้น ทำตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น แล้วก็เพื่อเชนน์ด้วย เธอจะไม่รู้สึกแย่ได้ยังไงที่เธอพลาดโอกาสและข้อแก้ตัวในการติดต่อกับเขา

แต่โอกาสที่แสนเพอร์เฟกต์ครั้งนี้ก็ถูกเคลลี่ทำลายไปเลยคนเดียว

ถึงแยนนี่จะเป็นคนที่ไม่หวั่นไหวง่าย ๆ เธอก็ยังร้องไห้ออกมา เพราะเธอรู้สึกโกรธและรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเธอเป็นคนที่ไม่สำคัญ คนที่ไม่แข็งแกร่งพอ เธอจึงไม่สามารถไปหาคนที่เธอคิดถึงตามเวลาที่เธออยากไปได้

หรือถ้าพูดให้ถูกจริง ๆ ก็คือ แยนนี่โกรธตัวเอง ไม่ใช่เคลลี่

เธอเกลียดตัวเองที่มีพลังไม่พอ

ถ้าเธอทำได้ เธอจะไม่มานั่งร้องห่มร้องไห้อยู่หน้าโทรศัพท์ เธอจะจองตั๋วเที่ยวบินคืนนี้ไปหาเชนน์ เพื่อที่เธอจะได้ส่งยิ้มให้เขาแล้วบอกว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ จอร์แดน”

แต่ขนาดเป้าหมายเรียบ ๆ ง่าย ๆ แค่นี้เธอยังทำไม่ได้เลย

น้ำตาของแยนนี่ยังคงไหลรินต่อไปเรื่อย ๆ

เคลลี่ยิ้มแล้วจ้องมองแยนนี่ เธอพูดขึ้นว่า “ฮอลลีวูดอากาศดีนะ ท้องฟ้าตอนกลางคืนก็โล่งดี ดวงดาวก็ส่องสว่าง เธอมองขึ้นไปบนฟ้าตอนกลางคืนดีกว่านั่งก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ดีกว่าไหม?”

แยนนี่ไม่มีอารมณ์จะมาฟังเรื่องไร้สาระอะไรของเคลลี่

เคลลี่พูดต่อ “เธอบอกว่าฉันเป็นหุ่นยนต์บ้างานไร้หัวใจ แต่ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นหุ่นยนต์ทั้งนั้นแหละ ฉันก็เคยเป็นสาววัยสะพรั่งเหมือนกับเธอ เคยอยากจะบินกลับบ้านตอนอยู่ประเทศอื่น เคยลงทุนปีนเขาตั้งกี่เขา ข้ามแม่น้ำตั้งกี่สาย เพียงเพื่อจะได้ไปฉลองวันเกิดแฟนตัวเอง ฉันเคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นมานักต่อนักแล้ว”

เคลลี่รำลึกถึงอดีตที่เธอทำตัวเหมือนเด็กแล้วเล่าต่อ “ช่วงสองปีแรกที่ฉันเดินทางมาลอสแอนเจลิส ฉันไม่คุ้นชินกับทั้งสถานที่ ทั้งวัฒนธรรมที่นี่ ฉันจะโค้งคำนับให้ดาราฮอลลีวูดทุกคนที่ฉันเจอจนสะโพกฉันแทบจะหัก ที่นี่น่ะ เขาไม่อะไรกับการโค้งคำนับหรอก ฉันเคยโดดงานเพื่อบินกลับไปฉลองวันเกิดแฟนมาแล้ว แต่ฉันก็ถูกเจ้านายตะโกนด่าเสียยกใหญ่ ฉันเสียงานของศิลปินคนหนึ่งไปด้วยซ้ำ ร้านอาหารที่ฉันจองให้งานวันเกิดของแฟนฉันก็คนเต็มอีก ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนท้องฟ้ามันจะร่วงลงมาใส่ฉันเลยล่ะ”

“ฉันบอกตัวเองว่าฉันอยากจะเป็นอิสระ ฉันอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ถ้าเธออยากจะเป็นอิสระและไม่ถูกผูกมัดหรือเธออยากจะเจอคนที่เธอต้องการได้ทุกเมื่อ เธอต้องมีพลังมากพอ ถ้าไม่อย่างนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องที่จบไม่สวยแทน”

แยนนี่ปาดน้ำตา เธอค่อย ๆ ฟังคำของเคลลี่แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “อิสระเหรอ? ถึงฉันได้อิสระมาแต่เสียผู้ชายที่ฉันรักไป ฉันคงไม่รู้แล้วว่าฉันเลือกทางที่ถูกหรือเปล่า”

“แต่ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นทางที่ผิดจริง ๆ ล่ะก็ เธอคงไม่เดินทางมาฮอลลีวูดตั้งแต่แรก ถ้ายังอยู่วงการบันเทิงที่บ้านเธอ เธอก็ยังสบายดี จริง ๆ การที่เธออยากจะพัฒนาตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก ทางนี้คือทางเลือกของเธอ ไม่ว่ามันจะผิดหรือจะถูก เธอก็ต้องเต็มใจยอมรับมัน”

“ถ้าเธอไม่อยากมาที่นี่ เธอก็คงไม่มาเจอฉัน แล้วพวกเราก็คงไม่มานั่งคุยเรื่องนี้กัน ชีวิตคนเราน่ะนะ มันมีการตัดสินใจหลายครั้งที่เธอบอกไม่ได้หรอกว่ามันจะผิดหรือมันจะถูก แต่ในเมื่อเธอเลือกทางนี้แล้ว ก็แปลว่ามันคือทางที่เธอต้องการ และเป็นสิ่งที่เธออยากจะทำ ต่อให้เธอไม่ทำในตอนนี้ เธอก็ยังจะทำมันอีกในอนาคตอยู่ดี ถ้าคิดอย่างนี้เธอก็จะยอมรับทางเลือกของตัวเองได้ ต่อให้มันจะไม่มีอะไรถูกผิดก็ตาม”

อาการสับสนของแยนนี่เริ่มค่อย ๆ จางหายไป

“แยนนี่ ความจริงแล้วน่ะ การทำงานหนักและสนุกไปกับการได้อยู่ตัวคนเดียวเพียงชั่วคราวน่ะมันไม่ได้ทำยากเลย เธอลองคิดถึงการที่เธอจะได้ค่อย ๆ กลายเป็นคนที่เธออยากจะเป็นในอนาคต เธอจะได้สามารถเจอคนที่เธอรักได้ทุกเมื่อ ทำสิ่งที่เธอรักได้โดยไม่มีแรงกดดันอะไร ถ้าเธอคิดอย่างนี้แล้วล่ะก็ อดทนอีกสักหน่อย เดี๋ยวไม่นานมันก็จะผ่านไป เธอเริ่มเดินทางเลือกนี้แล้ว อย่าหยุดกลางทางแล้วล้มเหลวที่ตรงนี้สิ”

แยนนี่มองดูเคลลี่ น้ำตาของเธอเริ่มไหลรินอีกครั้ง จมูกของเธอส่งเสียงฟืดฟาดอย่างควบคุมไม่ได้ เธอเอ่ยออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ “แต่สองปีมันนานมากเลยนะ ฉันอยู่ที่นี่มาแค่สองเดือน ยังรู้สึกคิดถึงเขาจะตายอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดถึงใครมากขนาดนี้เลย ฉันไม่เจอเขาแปดเก้าเดือนฉันยังทนได้ สงสัยเป็นเพราะว่าฉันมั่นใจว่าเขาจะรอฉันอยู่ แต่เคลลี่ ตอนนี้ฉันไม่มั่นใจเลย ฉันไม่มั่นใจว่าเขาจะยังรอฉันอยู่ สองปีมันเป็นเวลาที่นานมากเลยนะ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการรอที่ไม่มีค่าเลย”

แยนนี่หยุดร้องไห้ไม่ได้ ไหล่ของเธอสั่นสะท้าน

“มองมุมหนึ่ง ฉันยอมให้เขารอฉัน แต่ถ้ามองอีกมุม ฉันก็ใช้เหตุผลบอกตัวเองว่าขนาดตัวฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าฉันจะกลับไปได้ไหมในเวลาสองปี แล้วฉันจะให้เขารอฉันตั้งแต่แรกทำไมกัน? โลกของผู้ใหญ่มันควรจะเป็นโลกที่ใช้ความคิดและความแน่ชัดสิ ไม่มีใครควรต้องรอ ไม่มีใครควรถูกทิ้ง ไม่มีอะไรคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ฉันควรจะคิดดี ๆ แล้วบอกลากับเขาตั้งแต่แรก แต่ฉันเห็นแก่ตัวเกินไป ฉันทำไม่ลง ขนาดแค่อวยพรสุขสันต์วันเกิดฉันยังทำไม่ได้เลย ฉันไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อน ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันทำทำทุกอย่างเองไม่ได้”

นี่เป็นครั้งแรกที่แยนนี่รู้สึกแย่จากการที่เธอทำอะไรไม่ได้ เธอรู้สึกว่าเธอทำชีวิตตัวเองพังไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าตอนแรกที่เธอจากเชนน์มา เธอยังมีข้อได้เปรียบ และเธอก็เชื่ออย่างนั้น แต่เธอประเมินค่าความหมายที่เชนน์มีต่อเธอน้อยไป

ตอนนั้นเองที่แยนนี่เข้าใจว่าคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักมันเป็นยังไง เธอเพิ่งเข้าใจถึงวันที่เธอรักใครสักคนมากพอจนจะเป็นอย่างนั้นได้

ความรักที่เธอมีมันช่างล้ำลึกและเต็มไปด้วยเสน่หา

พอลองคิดว่าเธอได้เสียเชนน์ไปแล้ว ความเจ็บปวดแสนสาหัสก็บังเกิดขึ้นมาในใจของแยนนี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน