สามวันต่อมา ในป่าพิษ
วิลสันและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่า พวกเขายังจุดไฟเพื่อทำอาหารอีกด้วย
วิลสันไม่มีความอยากอาหารใด ๆ ขณะที่เขานั่งอยู่ข้างกองไฟ เขาหยิบสร้อยข้อมือสีแดงจากกระเป๋าของเขาออกมาและมองดูมันอย่างตั้งใจ
ทั้งสามวันที่ผ่านมา เขาได้กำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หญิงสาวพูดกับเขามาโดยตลอด
ถ้าเธอสามารถเสียสละชีวิตที่สงบสุขให้กับเขาได้ ทำไมเขาถึงยังไม่พอใจอีก?
นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เขาต้องการเก็บเธอไว้ข้างกายและปรนเปรอเธอ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แม้ต้องตกอยู่ในอันตราย ย่อมดีกว่าการแยกจากกันและทุกข์ทรมาน
ทอมป์สันยื่นขาแกะย่างให้วิลสัน “กำลังคิดถึงแฟนอยู่เหรอ?”
วิลสันหยิบขาแกะแล้วคำรามอย่างเย็นชา "ดีกว่าไม่มีใครให้คิดถึง"
“ฮ่า ฉันสนใจเรื่องความรักไม่ได้หรอก พวกผู้หญิงไม่มีอะไรเลยมีแต่ปัญหา!” ทอมป์สันจ้องลึกมายังเขา “นายคิดที่จะรับข้อเสนอของหญิงสาวเหรอ?”
วิลสันมองเขาด้วยหางตาขณะที่เคี้ยวเนื้อหนึ่งคำ “นายไม่ได้พึ่งบอกว่าฉันจะยังไม่ตาย ไม่ใช่เหรอ?”
“โรคของนายรักษาให้หายได้ อย่างไรก็ตามตัวเม็ดยาที่ฉันพัฒนาคือ ยาต้านมะเร็งที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก หลังจากการผ่าตัดและใช้ยาเป็นเวลา 1 เดือนอย่างเคร่งครัด นายก็จะกลับมาแข็งแรงดีเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถรับรองได้อย่างเดียวว่านายจะไม่ตายจากโรคร้าย ถ้านายตายในสนามรบ ก็คือตอนนี้ นั่นเป็นปัญหาของนาย”
วิลสันคำราม และโยนขาแกะกลับไปยังทอมป์สัน “นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันในสนามรบหรอก รูบี้และฉันจะขอบคุณมาก หากนายสามารถดูแลตัวเองและไม่เป็นภาระให้กับเรา”
ทอมป์สันกัดขาแกะคำใหญ่แล้วชี้ไปยังแผ่นหลังของวิลสัน ขณะที่เขาเดินจากไป “นายพูดแบบนั้นได้ยังไง? ฉันคือผู้ช่วยชีวิตของนายนะ!”
…
หลังจากที่วิลสันจากไป เซรีนก็นอนอยู่ในหอพักของวิลสันขณะที่รอเขากลับมา
เซรีนส่งข้อความถึงวิลสันเป็นจำนวนมาก แต่เธอก็ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ ขณะที่เธอนั่งอยู่ตรงทางเข้าหอพัก เธอสงสัยว่าตัวรับสัญญาณอ่อนหรือเปล่า ดังนั้นเธอจึงโบกโทรศัพท์ไปรอบ ๆ
โจนหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นแบบนั้น “อย่าไปสนใจกับการมองหาสัญญาณเลย แม้ว่าคุณจะพบมัน แต่วิลสันอาจไม่มีตัวรับใด ๆ ในที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ เขาอยู่ในป่าพิษ”
ชื่อนี้ทำให้เซรีนนึกถึงดาร์ก ชาโดว์ เขาลักพาตัวเธอและขู่ว่าจะทิ้งเธอไว้ในป่าพิษ เพื่อเป็นอาหารของหมาป่า
“ป่าพิษอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอคะ พี่โจน?” เซรีนถามด้วยความเป็นห่วง
“ใช่ ป่าพิษมันได้ชื่อมาจากหมอกพิษซึ่งมีอยู่ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ”
เซรีนกังวลมากขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอขมวดคิ้ว “วิลสัน และคนอื่น ๆ จะรอดออกมาได้ไหมคะ?”
โจนยิ้มขณะที่มองไปยังหญิงสาวไร้เดียงสาที่อยู่ตรงหน้าเธอ “พวกเขาไม่เป็นไร พวกเขามีหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ”
“โอ้ ฉันไม่รู้มาก่อนเลย ต่อให้ฉันไปกับพวกเขา ฉันก็ไม่สามารถจะช่วยวิลสันได้ ฉันจะเป็นได้แค่ภาระ”
เช่นเดียวกับตอนที่ ดาร์ก ชาโดว์ลักพาตัวเธอไป และวิลสันต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ
โจนลูบหัวเธอแล้วพูดว่า "คนสองคนควรอยู่ด้วยกันเพราะความรัก ไม่ใช่เพราะคนหนึ่งสามารถแก้ปัญหาของอีกคนได้ ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง ทุกคนก็คงจะแต่งงานกับคนที่ดีกว่าพวกเขา"
“พี่โจน คุณไม่คิดว่ารูบี้เหมาะสมกับวิลสันมากกว่าเหรอ?”
โจนส่ายหัว “ฉันไม่เคยคิดว่าพวกเขามีความหมายต่อกัน วิลสันไม่เคยยืนยันว่าเขามีความรักให้กับรูบี้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันมาหลายปี อย่างไรก็ตาม เป็นรูบี้ที่ไม่อยากยอมแพ้ต่อความรักที่ไม่สมหวังของเธอไป เธอคิดว่าวิลสันเป็นคนเดียวที่คู่ควรกับเธอ แต่ความรักแทบจะไม่เกี่ยวกับว่าใครคู่ควรกับใคร ถ้าพวกเขามีความหมายต่อกัน อย่างนั้นแล้วคุณจะไม่มีตัวตนอยู่ในความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ"
“วิลสันต้องคิดว่าฉันเป็นภาระใหญ่สำหรับเขา”
โจนหัวเราะคิกคัก “คุณอาจจะเป็นภาระ แต่คุณคือภาระอันหอมหวานของเขา”
รอยยิ้มแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเซรีนโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เธอกอดแขนของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน