ตอนเย็นเซรีนคิดถึงเรื่องที่โจนช่วยดูแลเธอในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เนื่องจากเธอจะจากไปในวันพรุ่งนี้ เธอจึงตัดสินใจไปห้องพยาบาลเพื่อบอกลาโจน
โจนยิ้มทันทีที่เห็นเซรีน "อะไรพาคุณมาที่นี่? ฉันคิดว่าอาเร็ตชอบที่จะเก็บคุณไว้กับตัวตลอดเวลาซะอีก?"
เซรีนหน้าแดง “ไม่เอาน่า โจน ยังไงก็ตามพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่นอร์ท ซิตี้แล้ว ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่เพื่อบอกลา”
“ทำไมไวจัง? อาเร็ตยินดีที่จะปล่อยคุณไปไวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เซรีนเม้มปากของเธอก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันอยากอยู่ที่นี่กับเขา แต่เขายืนกรานจะส่งฉันกลับบ้าน”
โจนพยักหน้า “อืม เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วล่ะ อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ปลอดภัย และสภาพความเป็นอยู่ก็เลวร้ายด้วยเช่นกัน คุณยังมีงานทำในนอร์ท ซิตี้ ใช่ไหม?”
เซรีนลืมเรื่องงานของเธอไปหมดแล้ว “ฉันถูกลักพาตัวมาอย่างกะทันหัน เลยไม่มีโอกาสได้ลาฝ่ายจัดการของโรงพยาบาลด้วยซ้ำ ฉันแย่มาก หวังว่าฉันจะไม่โดนไล่ออกนะ”
เซรีนตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียของเธอทันที แต่ไม่มีการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเลย
“ฉันคิดว่าคุณคงจะสามารถอธิบายตัวเองกับฝ่ายจัดการของโรงพยาบาลได้หลังจากที่คุณกลับไปที่นอร์ท ซิตี้ แล้วเท่านั้น ที่นี่เราไม่มีสัญญาณใด ๆ เลย มันใช้ได้เฉพาะสัญญาณที่ติดต่อกันภายในเท่านั้น”
เซรีนทำหน้าบิดเบี้ยว พวกเขาค่อนข้างจะถูกกีดกันออกจากโลกภายนอก
โจนตรวจดูยา “เออนี่ ฉันคิดว่าอาเร็ตกินยาของเขาหมดแล้ว คุณช่วยส่งขวดนี้ให้เขาทีหลังได้ไหม?”
เซรีนหยิบขวดยาแล้วขมวดคิ้ว “โจน นี่อะไรคะ?”
เซรีนเป็นหมอ แต่เธอไม่เคยเห็นยาแบบนี้มาก่อน ขวดมีแปะฉลากไว้เฉพาะชื่อยา แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสม หรือผู้ผลิต มันดูเหมือนยาทำเองมากกว่า
โจนตกตะลึง เธอมองเซรีนด้วยสายตาแปลก ๆ “คุณไม่รู้เกี่ยวกับอาการป่วยของอาเร็ตเหรอ?”
ขณะที่เธอถือขวดไว้ในมือของเธอ เซรีนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามนั้น “อาการป่วย? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
ดูเหมือนเซรีนจะไม่รู้อะไรเรื่องนี้เลย โจนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า “อืม ตอนนี้เขาสบายดีแล้ว ดังนั้นฉันคิดว่ามันไม่น่ามีปัญหาสำหรับคุณที่จะรู้เรื่องนี้”
โจนนั่งลง “เขามีปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับกระเพาะของเขา และมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นเป็นสาเหตุที่ทอมป์สันและรูบี้รีบพาเขามาที่นี่เพื่อรับการรักษา”
“มันคือ… มะเร็งกระเพาะอาหารเหรอ?”
หัวใจของเซรีนรู้สึกหวาดกลัว
โจนตอบด้วยเสียงครางเบา ๆ ในลำคอ เมื่อเธอเห็นใบหน้าประหม่าและวิตกกังวลของเซรีน โจนก็ปลอบเธอ “คุณไม่ต้องกังวล ตอนนี้เขาสบายดีแล้ว ทอมป์สันเป็นแพทย์ที่มีทักษะสูงในพื้นที่นี้ ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้อาเร็ตตาย อาเร็ตฟื้นตัวได้ดีหลังจากการผ่าตัด ยาเม็ดพวกนี้เป็นการพัฒนาล่าสุดของทอมป์สัน เขาจะแข็งแรงเหมือนคนใหม่หลังจากผ่านการจ่ายยาไปสามครั้ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาดีกว่าคนธรรมดามาก ดังนั้นเขาจะสบายดีอย่างยอดเยี่ยม”
“แต่ถ้าเขาแข็งแกร่งอย่างที่คุณพูด เขาจะเป็นโรคนี้ได้ยังไงกัน?”
โจนยักไหล่ "แต่ก็นะ โรคบางโรคไม่เกี่ยวอะไรกับความแข็งแกร่งของร่างกายคนคนนั้น แม้ว่าการวิจัยทางการแพทย์จะบอกว่าโรคต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับยีน แต่ใครจะรู้ บางสิ่งมีไว้เพื่อเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไวท์วูล์ฟเป็นพวกถือทิฐิ"
หัวใจของเซรีนเจ็บปวด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยากเลิกกับเธอ เมื่อตอนที่เขาเป็นลมและถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเหรอ? เป็นเพราะโรคของเขาอย่างนั้นเหรอ?
ทำไมเขาถึงไม่บอกเธอ?
เมื่อเธอสังเกตเห็นสีแดงในดวงตาของเซรีน โจนก็เอื้อมมือไปตบไหล่ของเธอเบา ๆ ขณะที่พูดว่า “อย่าเสียใจกับมันมากนักเลย ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี คนอย่างพวกเราอยู่บนขอบที่ขาดวิ่น เราไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไหร่ศัตรูของเราจะบุกทะลวงแนวป้องกันเพื่อระเบิดเราทิ้ง เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากเลย”
พวกเขาต้องประสบกับสถานการณ์ความเป็นความตายมาหลายครั้ง จึงจะพูดเรื่องความตายได้อย่างใจเย็นขนาดนี้
เซรีนรู้ว่าเธอไม่เหมือนวิลสันและโจน เธออาจจะไม่ยอมรับความตายได้อย่างง่าย ๆ หรือไม่เคยมีประสบการณ์กับสถานการณ์ความเป็นความตายใด ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน