บอยล์รู้ว่าพ่อของเจนนิเฟอร์มาจากไหน แต่กฎหมายไม่ใช่สถานที่สำหรับอารมณ์ เขาปลอบเขาตามความเป็นจริง “ผมสัญญาว่าอย่างน้อยที่สุดจำเลยจะไม่ถูกลงโทษสถานเบาแน่นอน ผมรับประกันว่าผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เขาติดคุกสิบปี”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทำให้จำเลยได้รับรับโทษที่รุนแรงกว่านี้หรือไม่ อย่างเช่นจำคุกตลอดชีวิต
พ่อของเจนนิเฟอร์พยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ทนายบอยล์ ขอบคุณมากครับ ด้วยคำพูดของคุณ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากเลย”
ฮันท์ลีย์เดินเข้าไปหาพวกเขา และลูบหลังพ่อของเจนนิเฟอร์ “คุณลุง มั่นใจได้เลยครับ เขาได้รับความชื่นชมอย่างมากในคณะนิติศาสตร์ในช่วงสมัยมหาวิทยาลัย เขาไม่เคยแพ้คดีเลยตั้งแต่เขาเป็นทนาย แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อในตัวผม คุณก็ยังคงต้องเชื่อใจเขา คุณแค่กลับบ้าน และรอสำหรับกำหนดการรอบสอง เราจะแจ้งให้คุณ และลูกสาวของคุณทราบทันทีที่เราได้รับข่าว”
พ่อของเจนนิเฟอร์ไม่รู้จะพูดอะไรอีกนอกจากแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจของเขากับพวกเขา "ขอบคุณมากครับ ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ คุณสองคนทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคดีของเรา แต่ได้รับจากเราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผม… ผม…”
เสียงของเขาขาดหายไป ในขณะที่เขาสำลักด้วยน้ำตา
บอยล์ลูบหลังของเขาเบา ๆ “นี่คือสิ่งที่เราควรจะทำ กลับบ้านไปพักผ่อน ระวังตัวด้วยตอนที่คุณเดินทางกลับ”
“เฮ้อ โอเคครับ”
จากที่ไกล ๆ สายตาของเชอรีชจับจ้องไปที่พวกเขาตลอดเวลา และเธอก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมพวกเขา พวกเขามีความกล้าหาญ และเต็มไปด้วยความยุติธรรมเหมือนกับตัวเอกในหนังสือนิยายหรือภาพยนตร์
เธอตระหนักว่ายิ่งเธอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบอยล์มากเท่าไหร่ ความรู้สึกของเธอก็ยิ่งลึกซึ้งกับเขามากขึ้นเท่านั้น ทุกแง่มุมของเขาช่างโดดเด่น และความชื่นชมของเธอที่มีให้เขาก็มากขึ้น ๆ ทุกวัน
ฮันท์ลีย์มองไปที่ร่างของพ่อของเจนนิเฟอร์ที่เดินห่างออกไปก่อนจะกลับมาตั้งสติ “ไปกินข้าวกันเถอะ”
เขาหันกลับมา และเห็นว่าเชอรีชหายตัวไปแล้ว "อ้าว? เชออยู่ที่ไหน?”
บอยล์หันกลับมา เขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยืนอยู่คนเดียวอยู่ไม่ไกล ฮันท์ลีย์เรียกเธอมา แล้วเธอก็วิ่งมาหาพวกเขา
ฮันท์ลีย์ถาม “เชอ คุณอยากไปกินข้าวที่ไหน?”
“ฉันกินที่ไหนก็ได้”
บอยล์ก้มศีรษะลงและเหลือบมองไปที่เธอ จากนั้นเขาก็ขัดจังหวะเธอด้วยคำถามที่ไม่คาดคิด “คุณไม่มีเรียนตอนเช้าหรือคุณโดดเรียน?”
‘เขารู้ได้ยังไง!’ เชอรีชอุทานภายในใจ ไม่พูดออกกับความคิดเห็นของเขา
บอยล์ใช้ความเงียบของเธอเป็นคำตอบว่า 'ใช่' เขาเดินเข้าไปหาเธอ และพูดอย่างเฉยเมยว่า “อย่าโดดเรียนอีก”
"โอเค" เชอรีชคอตก ในขณะที่เธอตอบเขา เมื่อพวกเขาออกจากศาล ฮันท์ลีย์กับเชอรีชเดินด้วยกันด้านหลังบอยล์
ริมฝีปากของฮันท์ลีย์โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซน “ดูเหมือนว่าเขาเริ่มสนใจคุณแล้วล่ะ”
เชอรีชเม้มปากของเธอ และไม่เห็นด้วย “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าฉันทำให้เขารู้สึกแย่จากการที่ฉันโดดเรียนล่ะ?”
“มันสำคัญด้วยเหรอ? สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำให้เขาประทับใจ เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคุณ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าคุณประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของเขา”
“ฮันท์ลีย์ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์งั้นหรือ?”
ฮันท์ลีย์โบกมือด้วยท่าทางเขินอาย “คุณชมผมมากเกินไปแล้ว ผมไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรขนาดนั้นหรอก”
ในขณะเดียวกัน บอยล์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยภายในใจ ฮันท์ลีย์กับเชอรีชสนิทสนมกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? พวกเขาพึมพำอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลาที่ผ่านมานี้
ขณะที่มืออยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา เขาหันหลังกลับมา และถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และเคร่งครึม “ทำไมพวกนายสองคนช้าจัง? พวกนายสองคนอยากจะกินข้าวหรือเปล่า?”
เชอรี่รีบวิ่งไปหาเขา “คุณเดินเร็วเกินไป เราเดินตามคุณไม่ทันด้วยขาสั้น ๆ ของเราหรอก”
ฮันท์ลีย์เดินเข้าไปหาพวกเขา และวางแขนของเขารอบไหล่ของบอยล์ "ถูกต้อง นายเป็นคนที่เดินเร็วมาก แต่นายยังโทษว่าเราเดินช้าเกินไปอีก”
'เรางั้นเหรอ? ฮันท์ลีย์เอาแต่พูดเข้าข้างเธอ พวกเขาไปสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?’ บอยล์สงสัย
เขาเหวี่ยงแขนของฮันท์ลีย์ออกไป และมองไปที่เขา
“ฉันพูดว่า วันนี้นายเป็นอะไร? นายเมนมาหรือไง? ไม่อย่างนั้นทำไมวันนี้นายดูเหมือนอารมณ์แปรปรวนจัง! เชอไปกันเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย ผมจะพาคุณไปที่ดี ๆ!”
บอยล์โกรธมาก เขาเหยียดแขนออก และดึงเชอรีชเข้ามาใกล้เขา “นายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี”
หลังจากพูดดูถูกเขา บอยล์ก็คว้าข้อมือของเชอรีช แล้วเดินจากไปโดยทิ้งเขาไว้ข้างหลัง
ฮันท์ลีย์จงใจปัดจมูกของเขา มีแววตาซุกซนประกายอยู่ในดวงตาของเขา
'ฮา! น่าสนใจ! ในที่สุดชายผู้ไม่มีไหวพริบคนนี้ก็มีสติแล้ว? ปฏิกิริยาของเขาบ่งบอกว่าเขาหึงหรือเปล่านะ?' ฮันท์ลีย์สงสัย
…
ฮันท์ลีย์เป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย เมื่อพวกเขามาถึงร้านอาหาร เขาสั่งอาหารเต็มโต๊ะ
ฮันท์ลีย์เทน้ำผลไม้สามแก้วแล้วยกแก้วหนึ่งขึ้นไปในอากาศ "มา แม้ว่าเราจะไม่แพ้หรือชนะในรอบนี้จริง ๆ แต่มาฉลองล่วงหน้าให้ชัยชนะในคดีของเราในรอบหน้ากันเถอะ!”
หลังจากดื่มน้ำผลไม้หมด เชอรีชก็ถามด้วยความสงสัย “พวกเขาจะถูกจำคุกกี่ปีเมื่อพวกคุณชนะคดีนี้?”
ฮันท์ลีย์อธิบาย “แม้ว่าโจทก์จะถูกข่มขืน แต่เธอก็ไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงอะไร ดังนั้นเราจึงได้แต่มุ่งไปที่ความทุกข์ทางจิตใจ หากเราโชคดีจำเลยอาจจะได้รับโทษจำคุกสิบปี ในกรณีแบบนี้เป็นเรื่องยากมากที่จะให้นักโทษถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต”
“ครอบครัวคงทนทุกข์กับความเครียดทางจิตใจเช่นกัน”
คำตอบโดยไม่ได้ตั้งใจของเชอรีชทำให้บอยล์ตกใจ เขาไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงที่เกิดในครอบครัวที่ดีจะเข้าใจความเจ็บปวด และความทุกข์ทรมานของผู้อื่น
ฮันท์ลีย์ตอบว่า “ใช่ มันยากมากสำหรับครอบครัวของเจนนิเฟอร์เช่นกัน เธอมาจากครอบครัวในชนบท และฟ้องคนข่มขืนในศาล แบบนี้มันก็เหมือนเธอประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอถูกข่มขืน แม้ว่าเธอจะตกเป็นเหยื่อในกรณีนี้ แต่มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายในอนาคต ไม่ต้องพูดถึงการมีความสัมพันธ์ และการแต่งงานตามปกติ เธอช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมาก”
ในขณะที่พวกเขากำลังรออาหารมาเสิร์ฟ เชอรีชก็วางคางบนแขนทั้งสองข้าง และสรุปด้วยท่าทีจริงจังว่า “นี่คือเหตุผลที่ผู้หญิงต้องดูแลตัวเองให้ดีเมื่ออยู่ข้างนอก”
ใบหน้าของเธอบริสุทธิ์ และอ่อนโยนในขณะที่เธอพูดอย่างนั้น
บอยล์จ้องเขม็งไปที่เธอ
ในขณะที่ฮันท์ลีย์เข้าร่วมบทสนทนาได้ดี เขาตบไหล่ของบอยล์ และเห็นด้วยกับเชอรีชว่า “ใช่ สาวน่ารักอย่างเชอ ดึงดูดความสนใจของผู้คน ให้บอยล์ดูแลความปลอดภัยของคุณ”
เชอก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย พร้อมกับหูที่แดงก่ำ เธอดื่มน้ำของเธอต่อโดยไม่พูดอะไร
น่าแปลกที่บอยล์ไม่ได้บอกให้ฮันท์ลีย์หุบปาก เขาไม่ได้มองเขาอย่างเย็นชาเช่นกัน
ริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มจาง ๆ และร่องรอยของความสุขที่ยากจะมีก็ประกายไปทั่วดวงตาของเขา
ไม่นานอาหารทั้งหมดก็มาเสิร์ฟ และพวกเขาก็เริ่มกิน สำหรับอาหารทุกจานที่เชอรีชกิน เธอจะหยิบต้นหอม ผักชี และกระเทียมออก
บอยล์สังเกตเห็นว่าเธอทำแบบนั้น 'ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้จะเป็นคนเลือกกินจริง ๆ' บอยล์คิดกับตัวเอง
…
เชอรีชรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเธอกับบอยล์นั้นห่างเหินกันในบางครั้ง ความใกล้ชิดของพวกเขาขึ้นอยู่กับความบังเอิญ และ 'อุบัติเหตุ' ล้วน ๆ
เขาไม่เคยมีความคิดที่จะติดต่อเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ฝ่ายเดียวของพวกเขากำลังตกต่ำเมื่อเวลาผ่านไป
ในบ่ายวันศุกร์ เชอรีชกับวิทนีย์ไม่มีคาบเรียนตอนบ่าย และตัดสินใจไปทบทวนหนังสือที่ห้องสมุดของโรงเรียน
คณิตศาสตร์เพิ่มเติมของเชอรีชนั้นยุ่งเหยิงไปหมด วิทนีย์เรียนเอกการเงิน แม้ว่าคณิตศาสตร์เพิ่มเติมของเธอจะกลาง ๆ แต่เธอก็ทำได้ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับเชอรีช นั่นคือเหตุผลที่เธอยังคงแนะนำเชอรีชในการทำการบ้านได้
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุขระหว่างทางไปห้องสมุด
“เธอควรไปขอบอยล์ในตำนานสอนเธอนะ คำแนะนำของเขา คณิตศาสตร์เสริมของเธอจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างมากแน่นอน”
เชอรีชกลอกตาของเธอไปที่วิทนีย์ “เธอคิดว่าฉันจะขอความช่วยเหลือจากเธอเหรอถ้าเขาเต็มใจที่จะสอนฉัน?”
วิทนีย์เยาะเย้ยเธอว่า “ผู้ชายมาก่อนเพื่อน!”
พวกเขาได้ที่นั่งบนชั้นสามของห้องสมุด ในขณะที่พวกเขากำลังทบทวน วิทนีย์เห็นบอยล์กับเลล่ากำลังเดินมายังทิศทางของพวกเขา
เธอสะกิดเชอรีชด้วยปากกาของเธอ ผู้ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ของเธอ "ดูสิ! ผู้ชายในฝันของเธอ!”
เชอรีชหันศีรษะของเธอไป และเห็นบอยล์
'เขาอยู่กับเลล่าอีกแล้ว…' เธอคิดในใจ
บางทีบอยล์อาจจะอยู่กับเลล่าตลอดเวลาที่เธอไม่อยู่กับเขา
เชอรีชรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายใน
ในขณะเดียวกัน วิทนีย์ก็เหยียดแขนขึ้นและโบกมือให้พวกเขา “บอยล์ในตำนาน! ที่นี่!”
เชอรีชมองไปที่วิทนีย์ และพึมพำ “ทำไมเธอถึงบอกให้พวกเขามาที่นี่!”
“เธออยากให้เลล่าแย่งบอยล์ไปจากเธองั้นเหรอ?”
“...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน