งานหมั้นของแมนดี้จัดขึ้นที่ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของโรงแรมแอมบิชั่น ลักซ์ชัวรี่
เพื่อนและญาติของทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่รอบโต๊ะ
วิกเตอร์และแมนดี้ลุกขึ้นเพื่อดื่มอวยพรในขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหาร
“ขอดื่มอวยพรนี้เพื่อทุกท่าน ฉันขอบคุณทุกคนที่ช่วยผมกับแมนดี้ระหว่างงานแต่งงานของเรา”
ทุกคนก็ดื่มอวยพรให้พวกเขาเช่นกัน
“โอ้ คุณใจดีมาก เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อีกอย่าง คุณก็ช่วยเราตอนที่เราแต่งงานเหมือนกัน”
“ไม่เอาน่าพวกนาย ทุกคนนั่งลง และเพลิดเพลินกับอาหารของเรากันเถอะ”
“ฉันได้ยินมาว่าหนึ่งในเชฟที่เก่งที่สุดในเมืองหลวงทำงานที่โรงแรมนี้ เขาทำไข่คนอร่อยมาก”
“งั้นเราควรรีบลองชิมกันดูเถอะ”
แมนดี้เทน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว แล้วยกแก้วดื่มอวยพรให้นาตาลี เธอพูดว่า "นาตาลี ฉันขอบคุณจริง ๆ ที่จัดการเรื่องนี้ให้เรา การจองห้องบอลรูมขนาดใหญ่นี้ปกติจะต้องใช้เงินสี่พันเหรียญ แต่ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้เราได้รับส่วนลดเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ช่วยประหยัดเงินเราได้มากเลย"
“โว้ว ส่วนลดเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์หมายความว่าคุณจะประหยัดเงินได้มากกว่าหนึ่งพันเหรียญ โว้ว เธอค่อนข้างมีเส้นสายนะ นาตาลี ฉันอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเธอตอนที่ฉันจะแต่งงานในครั้งหน้า แต่ฉันไม่อยากได้ส่วนลดแค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าฉันได้ส่วนลดเก้าสิบหรือเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์"
ทุกคนต่างก็พูดล้อเล่นกันในกลุ่มพวกเขา
นาตาลีดูมีความสุขอย่างมาก หลังจากที่ได้รับคำชื่มชมอย่างสูงส่งจากทุกคน เธอพูดว่า “ถ้าพวกเธอยังคงสนใจที่จะจัดงานใด ๆ ที่นี่ มาหาฉันได้ถ้าพวกเธออยากจะได้ส่วนลด ฉันจะช่วยเธอเอง”
“นาตาลี โจนส์ นังสารเลว!”
ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับอาหาร จู่ ๆ ประตูห้องบอลรูมก็ถูกเปิดออก
มาดามไวท์กำลังถือกระเป๋า Hermes เธอเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดสามคนในชุดสูทข้างหลังเธอ เธอบุกเข้ามาด้วยความโกรธอย่างท่วมท้น
ก่อนที่ทุกคนจะได้เห็นว่าใครบุกเข้ามา มาดามไวท์ก็เข้ามาหานาตาลีแล้ว และตบหน้านาตาลีอย่างแรงหลายครั้งทันที
“นังสารเลว แกบังอาจมายั่วยวนสามีของฉัน! ทำไมแกไม่ลองหาข้อมูลดูก่อนว่าฉันเป็นใครก่อนที่แกจะทำแบบนั้น ฮ่ะ! แกคิดว่าแกมีสิทธิ์ได้จะแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยงั้นหรือ? แกไม่คู่ควรที่จะมาเป็นคนใช้ให้ครอบครัวของเราด้วยซ้ำ!"
มาดามไวท์โหดเหี้ยม ขณะที่เธอดึงผมของนาตาลี และเริ่มตบหน้าเธอ ขณะเอาหน้าของเธอจุ่มลงไปในชามซุป
นาตาลีกำลังดิ้น ขณะที่หูของเธอวิ้งจากการที่มาดามไวท์ตบอย่างไร้ความปราณี เธอสำลักซุปอย่างหนัก ขณะที่เธอพยายามพูดบางอย่างออกมา “แค๊ก แค๊ก แค๊ก… คุณจำคนผิดแล้ว! ปล่อยฉันไปเถอะ!”
“ฉันจำคนผิดงั้นเหรอ?”
ขณะที่มาดามไวท์กำลังจับผมของนาตาลี เธอก็เหลือบไปมองที่เก้าอี้ของนาตาลี ทันใดนั้น เธอก็เห็นกระเป๋า Hermes ใบเดียวกันกับเธอวางอยู่ที่เก้าอี้ข้าง ๆ เธอ
มาดามไวท์คว้ากระเป๋า Hermes และเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เชสให้กระเป๋าใบนี้กับแก ใช่ไหม? ฉันจะผิดคนได้อย่างไร? แกกำลังพูดว่าฉันตาบอดงั้นเหรอ?”
มาดามไวท์พุ่งพล่านด้วยความโกรธ ขณะที่เธอโยนกระเป๋า Hermes ลงบนพื้น และดึงหัวของนาตาลีออกจากชามซุป ก่อนที่จะตบหน้าเธออีกหลายครั้ง!
“นังสารเลว! ฉันจะบอกแกให้นะ แกอย่าว่าการที่แกมายั่วยวนสามีของฉันจะทำให้แกมีค่า!”
มาดามไวท์มีเสียงแหลม และคำด่ามากมายของเธอก็รู้สึกไม่ดีที่จะได้ยิน
ทุกคนในห้องตกตะลึง
แม้แต่เชอรีชก็ตกตะลึง เนื่องจากเธอไม่อยากเชื่อว่านาตาลีจะเป็นเมียน้อยของคนอื่น
"นังหน้าด้าน แกรู้ไหม มันมีกรรมสำหรับเมียน้อยอย่างแก!"
หลังจากที่มาดามไวท์ผลักนาตาลีลงไปที่พื้น เธอก็กระทืบนาตาลีหลายครั้งพร้อมกับตะโกนอย่างโกรธจัด “แกบังอาจทำตัวขี้อวดในโรงแรมของฉันงั้นเหรอ? แกมันก็เป็นแค่อีตัว! แกหน้าด้านใช้ชื่อสามีของฉันให้ส่วนลดเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์กับเพื่อนของแกได้ยังไง!"
มาดามไวท์ถ่มน้ำลายใส่หน้านาตาลีหลังจากนั้น
แมนดี้กับจอยอยากจะเข้าไปห้ามเธอ แต่พวกเธอถูกบอดี้การ์ดของมาดามไวท์หยุดไว้
ไม่นานมาดามไวท์ก็ให้บอดี้การ์ดลากนาตาลีขึ้นมาจากพื้น
นาตาลีเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ และเธอดูกระแซะกระเซิงอย่างมาก ขณะที่เธอถูกคนลากไป
ดูเหมือนว่างานปาร์ตี้ของแมนดี้จะถูกพังลงอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากฉากทั้งหมดนั้นรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานงานก็จบลง
อีกด้านมาดามไวท์กำลังลากนาตาลี โดยดึงผมของเธอขึ้นไปที่ห้องทำงานของเชส
เชสตกใจอย่างมากเมื่อมาดามไวท์บุกเข้ามาในห้องทำงาน และโยนนาตาลีใส่เขา
เมื่อเชสเห็นว่าภรรยาของเขามาถึง เขาก็รีบมองด้วยสายตาจริงจังและถามว่า “เฮ้ ที่รัก คุณมาทำอะไรที่นี่?”
มาดามไวท์โยนกระเป๋า Hermes ใส่หน้าเชสทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ? คุณไม่รู้เรื่องบาปที่คุณก่อไว้งั้นเหรอ? ฉันมาที่นี่เพื่อมาจับเมียน้อยของคุณให้ได้คาหนังคาเขาไง! คุณคิดว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ล่ะ! ฉันมาที่นี่เพื่อมาลงโทษเศษสวะอย่างพวกแกทั้งคู่!"
เชสตกใจทันที หลังจากที่มาดามไวท์โยนกระเป๋าใส่เขา
นาตาลีเงยหน้าที่รุ่งริ่งและสกปรกของเธอขึ้น และอ้อนวอน ขณะที่เธอคร่ำครวญ “ช่วยฉันด้วย เชส!”
ดวงตาของเชสมีประกายเล็ก ๆ ในตา ขณะที่เขาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “คุณผู้หญิง คุณไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระ คุณไม่ควรให้ร้ายผม!”
มาดามไวท์โกรธจัด เธอนั่งลงที่โซฟาหนัง และดูเหมือนเธอกำลังจะดูการแสดง เธอพูดว่า "คุณควรพูดมาดีกว่า คุณทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว และคุณทั้งคู่เริ่มเป็นชู้กันตั้งแต่เมื่อไหร่? อีกอย่าง คุณใช้เงินไปเท่าไหร่กับนังคนนี้?"
เชสรีบวิ่งไปหามาดามไวท์ทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาพูดอย่างลนลาน “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร ที่รัก? ผมจะไปมีชู้กับคนแปลกหน้าลับหลังคุณได้อย่างไร? ผมไม่รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ!”
“จริงเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอเคยทำงานเป็นล่ามของคุณ ทำไมคุณถึงไม่รู้จักเธอล่ะ?”
เชสตบหัวตัวเอง และแสร้งทำเป็นว่าจำบางอย่างได้ ในขณะที่เขาพูดออกมาว่า “โอ้ ผมจำได้แล้ว เธอเคยเป็นล่ามของผม แต่เธอไม่ได้ทำงานให้ผมนานเท่าไหร่ ผมยุ่งอยู่เสมอ ดังนั้นผมจะจำได้อย่างไรว่าเธอเป็นใคร? คุณจะมาหาเรื่องผมด้วยเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้จริง ๆ เหรอ? คุณกำลังทำให้ผมเสียเวลาพักเที่ยงนะ"
มาดามไวท์ไม่ใช่คนโง่ ขณะที่เธอจ้องไปที่นาตาลีที่กำลังคุกเข่าอยู่ ก่อนจะหันกลับไปมองที่เชส เธอพูด "ฉันต้องการให้คุณบอกฉันเดี๋ยวนี้ คุณจะทำอย่างไรกับนังผู้หญิงคนนี้?"
“เธอไม่เกี่ยวอะไรกับผม คุณจะทำอะไรกับเธอก็ได้ตามที่คุณต้องการ ที่รัก!”
"จริงเหรอ?" มาดามไวท์แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะจ้องไปที่เขาด้วยสายตาเยาะเย้ย
“แน่นอนสิ ผมซื่อสัตย์กับคุณเสมอ ที่รัก ความภักดีของผมหนักแน่นดั่งทองคำ!”
มาดามไวท์ไม่อยากจะเถียงกับเขาแล้ว เพราะการที่ผู้ชายที่ร่ำรวยมีชู้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเธอ เธอไม่สนใจที่จะจัดการกับเขา เนื่องจากเธอรู้ว่าเชสไม่กล้าที่จะหย่ากับเธอ
แต่เรื่องเดียวคือ ความโกรธของเธอไม่สามารถสงบลงได้เมื่อมองไปที่อีตัวที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
เมื่อนาตาลีฟังทั้งคู่ทะเลาะกัน เธอก็มองไปที่เชสด้วยสายตาที่เครียดแค้น และสิ้นหวังอย่างยิ่ง
เชสรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเธอ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมองไปทางอื่น
นาตาลีเย้ยหยันอย่างเย็นชา เพราะเธอไม่อยากเชื่อว่าเธอเพิ่งถูกเพลย์บอยทิ้ง!
เธอคิดเสมอว่าเชสไม่เคยแต่งงาน และเธอก็หวังที่จะแต่งงานกับเชสด้วยซ้ำ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” นาตาลีเริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เชสและมาดามไวท์ตกตะลึง
มาดามไวท์ขมวดคิ้ว และถาม “แกหัวเราะอะไร?”
นาตาลีกัดฟันและจ้องเขม็งไปที่มาดามไวท์ ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด “ฉันหัวเราะเยาะเธอที่โชคร้ายกว่าฉัน เธอไม่คิดที่จะหย่ากับเขาด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่รู้ธาตุแท้ของคนสารเลวนั่นแล้ว! เธอนั่นแหละอีตัว!”
เชสโกรธมากหลังจากถูกเธอดูถูก เขาเดินเข้าไปหาเธอ และตบหน้าเธออย่างแรงทันที ผลของการตบของเขารุนแรงมากจนมุมปากของเธอเริ่มมีเลือดออก
“หุบปาก แล้วทำตัวดี ๆ!”
นาตาลีไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าชู้ของเชส และเขาไม่ได้มีความรู้สึกมากมายให้กับเธอตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะโยนความผิดให้นาตาลี เมื่อผลประโยชน์ และชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน
เชสคลายเนกไทของเขาด้วยความหงุดหงิด ขณะที่เขามองไปที่หญิงสาวบนพื้น จากนั้นเขาก็สั่งบอดี้การ์ดของเขา “ลากเธอออกไป การให้เธออยู่ที่นี่มีแต่จะรกหูรกตาของฉันเปล่า ๆ!”
บอดี้การ์ดสองคนลากนาตาลีออกไปนอกประตูทันที และโยนเธอที่ทางเข้าลิฟต์
เมื่อนาตาลีมองเงาสะท้อนของเธอจากประตูลิฟต์ เธอก็เห็นว่าใบหน้าที่ดูสะอาดของเธอถูกเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมาย ผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมด และมีรอยเท้าสองสามรอยบนกระโปรงราคาแพงของเธออีกด้วย
มุมปากของเธอเลือดออกและฟกช้ำ
มาดามไวท์ฉีกผมของเธอเป็นหย่อม ๆ ทิ้งรอยเลือดถลกหนังศีรษะเป็นหย่อม ๆ มันทำให้เธอเจ็บปวดมากจนรู้สึกชา
เธอฝืนยิ้ม ขณะที่เธอยืนอย่างทนงตัวข้าง ๆ กำแพงลิฟต์
เธอถูกมองและถูดตัดสินโดยผู้คนมากมายตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงทางออก
เมื่อเธอเดินไปถึงทางออกของโรงแรม เธอก็สังเกตเห็นบอยล์ยืนอยู่ข้างรถมายบัคสีดำ เขาเปิดประตูเบาะหลังเหมือนกับสุภาพบุรุษ เขาจับเอวของเชอรีช ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งจับที่ขอบประตูเพื่อป้องกันไม่ให้หัวเธอกระแทกขณะที่พวกเขาเข้าไปในรถ
มายบัคคันหรูขับผ่านนาตาลีหลังจากนั้น
เริ่มมีฝนตกปรอย ๆ ในเมืองหลวง และเมื่อรถมายบัคขับผ่านแอ่งน้ำ ก็กระเซ็นน้ำใส่ร่างของนาตาลี
ในขณะนี้ เธอรู้สึกเหมือนเศษผ้าที่ไร้ค่า ในขณะที่เชอรีชเป็นเจ้าหญิงที่เล่อค่า
นาตาลีกำหมัดแน่นจนปลายนิ้วมือของเธอซีด เธอจ้องมองไปที่ท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้ม
เธออุทานเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่เสียงดังชัดเจน “ฉันจะไม่มีวันยอมรับการพ่ายแพ้ของฉันหรอก เชอรีช ฟัดด์!”
…
บอยล์ได้รับโทรศัพท์
คนที่โทรมานั้นพูดขวานผ่าซาก “ผมชื่อ ฮีลตัน ฟัดด์ และฉันอยากจะพบคุณ”
ดูเหมือนว่าในที่สุดทุกอย่างจะไล่ตามเขาทัน และเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม
บอยล์ไม่เคยตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงเขา เขาพูด "ผมสามารถไปพบคุณได้ทั้งที่นอร์ท ซิตี้ หรือในเมืองหลวงก็ได้"
“ไม่จำเป็นหรอก ตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ผมจะส่งที่อยู่ไปให้คุณทีหลัง”
บอยล์ได้รับข้อความจากฮีลตันหลังจากที่เขาวางสาย
มันเป็นที่อยู่สำหรับการพบกันของพวกเขา
…
ณ ร้านกาแฟข้างถนนพีช ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ชายทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน มีความน่าเกรงขาม และความแน่วแน่พอ ๆ กัน
ชายทั้งสองเป็นที่ที่ไม่ธรรมดาสำหรับคนทั่วไป
“ความสัมพันธ์แบบไหนที่คุณมีกับลูกสาวของผม?”
คำถามของฮีลตันนั้นตรงไปตรงมา
คำตอบของบอยล์ก็ตรงไปตรงมาไม่แพ้กัน "เราเจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ผมกำลังตามจีบลูกสาวของคุณอยู่ แต่เธอยังไม่ยอมรับความรู้สึกของผม"
ฮีลตันกัดฟันของเขา ในขณะที่แววตาน่ากลัวประกายไปทั่วดวงตาของเขา เขาพูดว่า "พวกคุณเลิกกันไป 7 ปีแล้ว คุณยังจะมาพยายามตามจีบเธอในอีก 7 ปีต่อมาทำไมอีก?"
“เมื่อ 7 ปีก่อนผมยังไม่แข็งแกร่งพอ และผมไม่ได้ทิ้งเธอเพราะคุณ ผมแค่รู้สึกว่าตอนนั้นผมยังไม่คู่ควรกับเธอ ดังนั้นผมจึงจากไป ผมไม่สามารถลืมเธอ และผมก็ไม่สามารถปล่อยเธอไปได้ในตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา”
ฮีลตันพูดอย่างเย็นชา “แล้วยังไง?”
บอยล์มองไปที่เขาด้วยแววตามั่นใจ ขณะที่เขาพูด “ดังนั้น ผมไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว แม้แต่วินาทีเดียว ผมรักเธอ และต้องการเธอ ครั้งนี้ไม่สำคัญว่าใครจะมาขวางทางของผม ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอ”
ฮีลตันพูดออกมาอย่างโกรธจัด “แต่คุณเป็นคนที่ทิ้งเธอไปในตอนนั้น คุณรู้ไหมว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงก็เพราะคุณ?”
ลำคอของบอยล์กระตุก เขาตอบด้วยน้ำเสียงต่ำ "ผมรู้"
“แล้วทำไมคุณยังมายุ่งกับเธออีกตอนนี้? คุณกำลังพยายามทำให้ทุกอย่างแย่ลงสำหรับเธอ!” ฮีลตันตะโกนใส่เขา ขณะที่พยายามระงับความโกรธ
ฮีลตันไม่สามารถทำตัวดี ๆ กับผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวของเขาเจ็บปวดอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน