“เพี๊ยะ!”
วินาทีแรกที่เจียงซินเย่ว์ทะลุมิติมาในยุคราชวงศ์ต้าเยี่ยน ก็ถูกตบบ้องหูอย่างแรงเต็ม ๆ หนึ่งที
นางถูกตบหน้าโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวทันว่าเกิดอะไรขึ้น และก็ถูกเตะเข้ามาที่ขาทั้งสองข้างจนทรุดอ่อนแรงคุกเข่าลงไปดังตุบบนทางเดินหินกรวดของอุทยานหลวง
ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องลงอย่างร้อนแรง มีสตรีรูปงามนางหนึ่งอยู่ใต้พระกลดอันหรูหราที่กางอยู่เหนือหัว และดวงตารูปหงส์ที่คมกริบคู่นั้นก็ยิ่งทำให้คนที่ได้เห็นต้องสะพรึงกลัว ผิวพรรณที่ขาวดุจหิมะนั่นเปล่งปลั่งสว่างไสวออกมา และที่เล็บก็สวมประดับด้วยปลอกเล็บที่ฝังด้วยอัญมณีดูรูปลักษณ์รวม ๆ แล้วเป็นสิ่งที่นางสนมเอกระดับสูงพึงจะมี
“เจียงกุ้ยเหรินคงไม่ได้ตากลมแดดถึงกลับร้อนจนสมองเบลอไปแล้วหรอกนะ? การที่พระนางของพวกเราโปรดปรานต้นไห่ถังดอกนั้นถือเป็นวาสนาของต้นไห่ถังนั่น เจ้าจะแย่งไปไยกัน? จะเป็นการทำให้ดอกไห่ถังต้องเสียความงามนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์เสียเปล่า”
ใบหน้าและหัวเข่าของนางเจ็บแสบจนร้อนวูบวาบ ร่างกายของเจียงซินเย่ว์โอนเอนไปมาเล็กน้อย และก็ก้มหัวโขกกับพื้น “พระนางกุ้ยเฟยได้โปรดทรงพิจารณาด้วย หม่อมฉันมิทราบจริง ๆ ว่าพระนางทรงโปรดดอกไห่ถังดอกนั้น ถ้าหากหม่อมฉันทราบคงมิกล้าแย่งชิงกับพระนางเพคะ พระนางท่านเป็นดั่งจันทราที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า หม่อมฉันเป็นเพียงฝุ่นละอองใต้ฝ่าเท้าของท่านเท่านั้น หม่อมฉันจะบังอาจได้เยี่ยงไร?”
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตาม วิธีประจบสอพลอเอาตัวรอดได้เสมอ เพราะว่าตอนนี้ยังมองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และตัวเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองอยู่ ดังนั้นจึงจะเป็นการดีกว่าหากลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงและทำตัวให้อ่อนน้อมถ่อมตัวเอาไว้
สรุปแล้วก็คือ พูดแค่ประโยคเดียวก็คือ นางผิดแล้ว ผิดอย่างมากด้วย
“หึ!”
“ในเมื่อรู้ตัวว่าทำผิดแล้วก็จงคุกเข่าอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองชั่วยามจะได้รู้จักจำ ล่าเย่ว์ ยกเกี้ยว กลับตำหนัก”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยและสายตาแปลก ๆ ของนางสนมและนางกำนัลที่อยู่รอบ ๆ ไม่สามารถทำให้เจียงซินเย่ว์โกรธได้ เพราะก่อนนางจะทะลุมิติมานางเป็นถึงนักจิตบำบัดชั้นนำของโรงพยาบาลเอกชนที่มีแวดวงคนมีเงินในเมืองหลวงมาใช้บริการ
วิชาเอกที่เรียนตอนมหาวิทยาลัยก็คือจิตวิทยา นางสามารถเข้าใจจิตใจของลูกค้า VVIP ทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ทำให้นางได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการแผนกจิตวิทยาที่มีเงินเดือนประจำปีหลายล้านโดยใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
คำพูดเยาะเย้ยเพียงไม่กี่คำ นางก็แค่ฟังเป็นเรื่องตลก ๆ ขำ ๆ
ภายใต้แสงแดดที่แผดจ้า เจียงซินเย่ว์เหงื่อออกจนหลังเปียกโชกไปหมด สภาพน่าอนาถาราวกับสุนัขไร้บ้าน
ทันใดนั้นความทรงจำที่ไม่ใช่ของตัวเองก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองเต็มไปหมด นางจึงรู้ว่าตัวเองได้ทะลุมิติมายังราชวงศ์ต้าเยี่ยนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
เจ้าของร่างเดิมเป็นบุตรีลูกอนุของรองเสนาบดีกรมพิธีการ ที่เป็นขุนนางขั้นเจิ้งซื่อ แต่เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของนางโดดเด่นที่สุดในบรรดาหมู่พี่น้องของนาง ดังนั้นจึงได้รับเลือกจากคนในตระกูลให้เข้าวังหลวงมาพร้อมกับบุตรีทายาทสายตรงเพื่อรับใช้กษัตริย์
ความตั้งใจเดิมของตระกูลเจียงก็คือให้นางคอยช่วยพี่สาวทายาทสายตรงให้เป็นที่โปรดปราน ใครจะไปรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงแจกันดอกไม้ที่ประดับสวยงามเพียงเท่านั้น แค่ได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็นเวลาสองวันก็หลงระเริงเสียแล้ว
พอถูกคนพูดยุยงสองสามประโยคก็กล้าขึ้นเวทีมาต่อกรกับลี่กุ้ยเฟยที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของวังหลัง
นี่ไม่ใช่ว่าเมื่อวานเพิ่งถูกนางกำนัลของลี่กุ้ยเฟยผลักลงไปในทะเลสาบเพื่อเตือนสติจนจับไข้สูงไปหรอกหรือ นี่ยังถูกดึงตัวมาตบถึงหน้าอุทยานหลวงอีกยก
ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะป่วยตายหรือโมโหตาย แต่ถึงยังไงก็ทำให้วิญญาณจากต่างภพต่างชาติอย่างนางเข้ามาอยู่ในร่างได้ ด้วยความที่มาแล้วก็ต้องยอมรับสภาพตามที่เป็นอยู่เจียงซินเย่ว์จึงเริ่มคิดไตร่ตรองกับตัวเองดี ๆ ดูสักรอบ
อยากกลับไปก็คงกลับไปไม่ได้แล้ว นางประสบอุบัติเหตุขณะกำลังออกภาคสนามเพื่อไปช่วยเหลือคนชราแปลก ๆ คนหนึ่งจนร่างกายขาดเป็นสองท่อนคาที่คงไม่มีทางรอดได้หรอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักพันธนาการหัวใจ