เมษา...
อยากจะบอกว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาคุณพีเจเขาดีกับฉันมากโดยเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าทุกคนเขาเหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่ไม่ใช่ว่าตอนที่อยู่ด้วยกันตามลำพังเขาจะไม่ดีนะคะเขาดีค่ะดีกว่าหลังแต่งงานเยอะเลย คืออยากจะบอกว่าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ฉันไม่ได้กลับไปคอนโดเลยค่ะเพราะต้องดูแลคุณยายที่ตอนนี้อาการของท่านเริ่มไม่ค่อยดีเริ่มแย่ลง ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านกำลังจะจากไปในอีกไม่ช้าไม่นาน แต่สิ่งที่ทำให้ท่านยิ้มได้ก็คือเวลาที่เห็นฉันกับคุณพีเจแสดงความรักต่อกันต่อหน้าท่าน ท่านจะมีความสุขมากและท่านก็คอยถามฉันตลอดว่าฉันท้องหรือยัง ซึ่งฉันก็พยายามให้ความหวังกับท่านว่าอีกไม่นานทั้งที่จริงแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เพราะฉันถูกคุณพีเจสั่งให้กินยาคุมตลอดห้ามขาด ที่ฉันต้องโกหกคุณยายเรื่องเหลนว่าคงจะมาอีกไม่นานเพราะคุณหมอบอกว่าอาการของท่านแย่ลงเรื่อยๆอาจจะอยู่ได้ไม่เกินสองเดือนยังไงก็พยายามทำให้ท่านมีความสุขให้มากที่สุด พอคุณพีเจรู้เรื่องนี้เขาก็จะแอบมาร้องไห้ที่ห้องเพราะไม่อยากให้คุณยายเห็นน้ำตาของเขาเขาไม่อยากให้ท่านรู้ว่าเขาเสียใจขนาดไหน ฉันรู้ว่าคุณพีรู้สึกยังไงฉันจึงไม่เข้าไปปลอบเพราะฉันรู้ว่าเขาอยากอยู่คนเดียวตามลำพัง ส่วนคุณไทด์ก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จากับใครรวมทั้งฉันด้วย
และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น คุณยายได้จากพวกเราไปอย่างสงบ ป้ารำภาร้องไห้จนเป็นลมไปหลายรอบฉันกับทุกคนในบ้านต้องช่วนกันปฐมพยาบาล ส่วนคุณไทด์กับคุณพีเจก็ช่วยกันจัดการงานศพของคุณยาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นทั้งสองคนหันหน้าหข้าหากันปรึกษากันไม่ทะเลาะกัน จนในที่สุดงานศพของคุณยายก็ผ่านพ้นไป
พอคุณยายไม่อยู่บ้านทั้งบ้านก็อยู่ในความเงียบ ทุกคนยังคงเศร้าต่อการจากไปของท่าน ป้ารำภาก็เหมือนจะทำใจไม่ได้ถ้าต้องอยู่ที่นี่แกบอกว่าแกอยู่ไม่ได้เพราะแกคิดถึงคุณยาย แกมาบอกลาคุณไทด์และคุณพีเจแกบอกว่าจะขอไปบวชชีที่วัดที่บ้านเกิดซึ่งอยู่ทางภาคอิสาน ซึ่งคุณพีเจกับคุณไทด์ก็อนุญาต
พีเจ...
สองอาทิตย์ต่อมา...
"พีเจนายพอจะมีเวลาหรือเปล่าฉันมีเรื่องคุยด้วย"
"มีอะไร"
"ฉันคิดว่าจะไปอยู่ฮ่องกง"
"ฮ่องกง??"
"ใช่ฉันจะย้ายไปอยู่ฮ่องกงอาจจะอยู่ที่นั่นตลอดไปเพราะตอนนี้ไม่มีคุณย่าแล้วฉันก็ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ไปทำไมเพราะที่นี่มันไม่ใช่บ้านของฉันแต่แรก"
"แล้วงานที่บริษัท"
"บริษัทเป็นของนาย นายควรจะกลับมาดูแลได้แล้วนะ"
"ที่มึงจะไปไม่ใช่เพราะแค่เรื่องย่าใช่ไหม"
"มันจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันก็ต้องไป ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น"
"ถ้ามึงจะไปก็แล้วแต่เพราะไม่ว่ายังไงกูกับมึงก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว"
"อืม ฉันรู้ว่าไม่ว่าจะยังไงนายก็ไม่เคยยอมรับว่าฉันเป็นพี่ แต่ขอให้นายรู้ไว้ว่าไม่ว่ายังไงนายก็ยังเป็นน้องชายของฉันเหมือนเดิม"
"ว่าแต่จะไป มึงบอกเมษาหรือยัง" ผมว่าผมจะไม่ถามแต่ก็เสือกถามจนได้ ไม่รู้จะถามทำไม
"ยัง แต่ไม่ต้องห่วงฉันต้องไปบอกลาเมษาแน่นอน"
"หึ"
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้นายรู้สึกยังไงกับเมษา แต่ฉันอยากให้นายดูแลเธอให้ดีอย่าทิ้งเธอเพราะเธอไม่มีใคร ตอนนี้เธอมีแค่นายคนเดียว"
"ถ้าห่วงขนาดนี้ไม่พาไปด้วยเลยล่ะ"
"ก็ถ้าเมษายอมไปกับฉันฉันก็จะพาไปแต่ฉันเชื่อว่าเธอคงไม่ไปหรอกเพราะเธอรักนายไม่ได้รักฉัน"
"รู้แบบนี้ก็ดี"
"แต่ฉันยังขอยืนยันคำเดิมนะว่าฉันรักเมษา รักด้วยใจจริงซึ่งฉันก็หวังว่านายจะรักเธอได้ในสักวัน ลาก่อนนะ น้องชาย"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของไอ้ไทด์ก่อนที่มันจะเดินทางไปฮ่องกง
หนึ่งเดือนต่อมา....
ตอนนี้ผมเข้ามาบริหารงานที่บริษัทต่อจากไอ้ไทด์ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือบริษัทของผมนั่นแล่ะแต่ผมไม่ได้เข้ามาบริหารเพราะมีไอ้ไทด์ทำให้อยู่แล้ว ซึ่งครั้งแรกที่ผมเข้ามาทุกคนเหมือนจะไม่ไว้ใจผมให้ผมขึ้นแท่นผู้บริหารแทนไอ้ไทด์เพราะทุกคนเห็นว่าผมไม่มีประสบการณ์แต่ผมไม่แคร์ว่าใครจะว่าจะคิดยังไงในเมื่อบริษัทนี้มันเป็นของผมถ้าใครไม่พอใจก็เขียนใบลาออกไป ผมพูดในที่ประชุมว่าบริษัทนี้เป็นของผมผมจะทำให้มันรุ่งหรือร่วงก็เรื่องของผมถ้าใครไม่อยากอยู่ก็ไปอยู่ที่อื่นผมพร้อมจะจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าให้แต่ถ้าใครเชื่อใจผมอยู่ช่วยผมผมจะขึ้นเงินเดือนให้สองเท่า รู้มั้ยว่าไม่มีใครลาออกเลยแม้แต่คนเดียวเพราะเงินตัวเดียวเท่านั้น หึ เงินมันซื้อได้ทุกอย่างนั่นแล่ะ หรือใครจะเถียง แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะเพราะผมจะไม่มีวันทำให้บริษัทมันพังเพราะน้ำมือของผมง่ายๆแน่ บริษัทนี้พ่อกับแม่แล้วก็ย่าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาผมจะต้องทำให้มันก้าวหน้าทำให้ดีไม่แพ้ไอ้ไทด์
"กลับมาแล้วเหรอคะคุณพี" ผมกลับเข้าบ้านมาหลังจากประชุมเสร็จก็เจอเมษาที่ยืนรออยู่หน้าบ้านทั้งที่ตอนนี้มันจะเที่ยงคืนแล้ว
"คุณพีเจไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้วนะหนูเม" ป้าจันแม่บ้านถามฉันขณะที่ฉันกำลังจัดดอกไม่ใส่แจกัน
"คุณพีเจคงยุ่งอยู่กับงานที่บริษัทน่ะค่ะป้า"
"แต่ถึงจะยุ่งยังไงก็น่าจะกลับบ้านบ้างนะคะแต่นี่ไม่กลับไม่โทรมาหาเลยคุณพีเจน่าจะเป็นห่วงหนูเมบ้างรู้ทั้งรู้ว่าอยู่คนเดียว"
"เมอยู่คนเดียวที่ไหนกันคะคนออกจะเต็มบ้าน" ฉันพูดเพื่อปลอบใจตัวเองไปด้วยเพราะจริงๆแล้วฉันก็เหมือนอยู่คนเดียวจริงๆ
"แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ หนูเมเป็นภรรยาของคุณพีเจยังไงคุณพีเจก็ต้องกลับมาบ้านบ้างไม่ใช่หายไปเป็นอาทิตย์แบบนี้ เอ่อ อย่าหาว่าป้ายุ่งหรือยุแหย่ให้หนูเมระแวงหรือคิดมากเลยนะ คือป้าสงสัยว่าคุณพีเจจะมีผู้หญิงหรือเปล่าเพราะเมื่อหลายวันก่อนป้าไปได้ยินแม่บ้านที่ซักผ้าแอบคุยกันบอกว่าเจอซองถุงยางอนามัยในกระเป๋ากางเกงทำงานคุณพีเจ แถมยังเจอรอยลิปสติกที่ปกเสื้ออีกแต่ที่ป้าไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าหนูเมจะคิดมาก แต่ป้าอดไมได้จริงๆเพราะป้าไม่อยากให้หนูเมมารู้ทีหลัง เห้ออออ ป้าหวังว่าสิ่งที่ป้าคิดมันจะไม่ใช่เรื่องจริงนะคะเพราะถ้าเป็นแบบนั้นป้าสงสารหนูเม"
ฉันทำได้แค่ยิ้มเพราะไม่รู้จะพูดอะไร อยากจะบอกว่าฉันสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าตอนนี้คุณพีเจอาจจะกำลังมีผู้หญิงซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะก่อนหน้านี้เขาก็เป็นแบบนี้ที่เขาพาผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามานอนที่คอนโดแทบจะทุกคืนช่วงที่ฉันย้ายไปอยู่กับเขาใหม่ๆที่คอนโดแต่นั่นมันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วเพราะตั้งแต่เราย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านฉันก็ไม่เห็นเขาทำแบบนั้นอีกเลย ที่ฉันมั่นใจเพราะเรานอนด้วยกันมีอะไรกันแทบทุกคืน จะมาช่วงหลังนี้หลังจากที่คุณยายเสียเราทุกคนอยู่ในความทุกข์ความเศร้าเรื่องแบบนั้นก็เลยห่างหายไปโดยปริยาย
หลายวันต่อมา....
วันนี้ฉันตื่นแต่เช้ามืดเพื่อออกไปตัดดอกไม้มาไปปักแจกันรวมถึงเก็บดอกมะลิเพื่อนำไปร้อยพวงมาลัยถวายพระในห้องพระ พอฉันเดินลงมาสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นรถของคุณพีเจที่จอดอยู่ตรงบันไดหน้าตึก นั่นก็แปลว่าเมื่อคืนเขากลับมานอนบ้าน ด้วยความดีใจเพราะไม่ได้เจอกันหลายวันฉันรีบวางตะกร้าใส่ดอกไม้แล้วเดินเข้าบ้านอย่างรีบเร่ง
ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าห้องนอนของเขา ฉันลองหมุนลูกบิดประตูปรากฏว่าเขาไม่ได้ล็อคซึ่งฉันคิดว่าเขาน่าจะลืมเพราะปกติเขาจะนอนล็อคห้องทุกครั้ง ฉันค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆเพราะเกรงว่าเขาจะตื่น ฉันหวังแต่เพียงได้เห็นหน้าเขาสักแวบนึงก็ยังดี เพราะไม่ได้เจอกันหลายวันฉันยอมรับว่าคิดถึงเขามากจะโทรหาก็ไม่กล้าฉันทำได้แค่รอให้เขากลับมาบ้านเท่านั้นแต่สิ่งที่ฉันเจอและได้ยินเมื่อเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนของเขามันทำให้ฉันถึงกับช็อคจนก้าวขาไม่ออก ฉันรีบเอามือปิดปากตัวเองแน่นสนิทเพราะเกรงว่าเสียงของตัวเองจะดังออกมา
ตั่บ ตั่บ ตั่บ ตั่บ
"อ่าาาาา เธอแม่งโคตรเด็ดเลยซอนย่า ขย่มแรงๆ ซี๊ดดด อื่มมม"
"อ๊ะ อ๊ะ แบบนี้ใช่มั้ยคะพีเจขา ชอบมั้ยคะ" ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่ปวดร้าวแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่รับรู้เรื่องที่เขามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นแต่ครั้งนี้ฉันไม่ใช่ได้ยินแค่เสียงแต่ฉันได้เห็นกับตา ได้เห็นสิ่งที่เขาทำกับผู้หญิงอื่นเหมือนที่เขาเคยทำกับฉัน ฉันร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันไม่อาจทนมองภาพตรงหน้าได้ฉันอยากวิ่งออกไปจากห้องแต่ขาของฉันมันก้าวไม่ออก แต่เสียงสะอื้นไห้ของฉันมันหลุดรอดออกมาจนได้ทำให้คนสองคนหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันมามองหน้าฉันแทบจะพร้อมกัน
"ฮึก ฮึก ฮึก" ฉันสะกดกลั่นเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ
"กรี๊ดดดดดด แกเป็นใครเข้ามาได้ยังไง!!!" ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจที่เห็นฉันต่างจากอีกคนที่มองหน้าฉันด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียไร้รัก