เมียไร้รัก นิยาย บท 36

เมษา...

ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น น้องพอใจรู้รหัสตู้เซฟแม่ของคุณพีเจ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาบอกลูกถ้าแกไม่จูงมือฉันกับคุณพีเจมาที่ห้องนี้ห้องที่เขาบอกกับฉันว่าเป็นห้องของแม่ของเขาซึ่งเขาไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาแต่น้องพอใจดกกลับเดินเข้าห้องนี้เหมือนคุ้นเคย แกเดินไปที่ตู้เซฟแล้วกดรหัสฉันและคุณพีเจถึงกับมองหน้ากันด้วยความอึ้งที่แกรู้เรื่องนี้ คุณพีเจบอกว่ามีแค่เขาคนเดียวที่รู้รหัสนี้คนอื่นไม่มีใครรู้ แล้วลูกรู้ได้ยังไงนี่คือสิ่งที่ฉันคิด จนกระทั่งลูกบอกกับฉันว่าแกเคยอยู่ห้องนี้ห้องนี้เป็นของแกทั้งที่แกไม่เคยมาที่นี่เลย

"น้องว่าน้องเคยอยู่ห้องนี้เหรอคะ"

"ใช่ค่าแม่ น้องเคยอยู่ห้องนี้จริงๆน้องจำได้" 

"เธอจำเรื่องที่ฉันเคยบอกได้ไหม" คุณพีเจหันมาถามฉันเสียงเบาเหมือนกลัวว่าลูกจะได้ยิน

"เรื่องอะไรคะ"

"เรื่องที่แม่มาเข้าฝันฉันตอนนั้นไงแล้วท่านก็บอกว่าท่านจะกลับมาอยู่กับฉัน แล้วตอนนั้นเธอเป็นคนบอกกับฉันเองว่าแม่อาจจะมาเกิดเป็นลูกของฉัน"

"นี่คุณกำลังจะบอกว่าน้องพอใจคือ..."

"ฉันมั่นใจว่าใช่นะ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะน้องพอใจมีปานที่ข้อมือเหมือนแม่ของฉันซึ่งฉันก็เพิ่งสังเกตเมื่อเช้า" ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ฉันพอจะนึกออกแล้วล่ะว่าเขาเคยพูดเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน และนั่นทำให้ฉันนึกย้อนไปตอนที่น้องพอใจอายุได้ซักขวบกว่าๆแกกำลังหัดพูดจู่ๆแกเรียกชื่อคุณพีเจขึ้นมาทั้งที่ฉันไม่เคยสอนไม่เคยบอกให้แกเรียก ฉันหันไปมองลูกที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียงเปิดดูอัลบั้มรูปที่วางอยู่ข้างโต๊ะหัวเตียงแกมองอย่างตั้งใจแล้วจู่ๆแกก็ร้องไห้ ฉันตกใจที่เห็นแกเป็นแบบนั้นก็รีบเดินไปหาลูกแล้วถามว่าแกเป็นอะไร แกบอกว่าแกคิดถึงคนๆนี้แล้วแกก็ชี้ไปที่รูปผู้ชายคนนึงซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร

"คนๆนี้ใครเหรอคะ" ฉันหันไปถามเขา

"รูปพ่อฉันเอง" คุณพีเจตอบฉันเสียงสั่นตอนที่เห็นลูกนั่งร้องไห้แล้วชี้ไปที่รูปของพ่อเขา

"พ่อคุณ??"

"อื้มใช่"

"แล้วลูกร้องไห้ทำไมทำไมแกถึงบอกว่าแกคิดถึงล่ะคะ"

"อาจจะเป็นเพราะแม่รักพ่อมากก็เลยทำให้รู้สึกแบบนั้น"

"แล้วเราจะทำยังไงดีคะฉันไม่อยากให้แกต้องมารู้สึกหรือจดจำเรื่องราวเกี่ยวกับอดีต ตอนนี้แกคือลูกของฉัน คือ..." ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาเข้าใจฉันกลัวว่าเขาจะคิดว่าฉันหวงลูกไม่อยากให้ลูกจำอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเขาได้

"แล้วเธอจะทำยังไง"

"เอาอย่างนี้มั้ยคะเราพาแกไปหาพระที่วัดเผื่อท่านจะช่วยได้"

"ก็ได้"

หลังจากตัดสินใจว่าจะพาลูกไปหาพระที่วัดฉันก็พาลูกไปอาบน้ำแต่งตัว พอลงมาด้านล่างก็เจอคุณไทด์เดินเข้าบ้านมาพอดี

"อ้าวจะไปไหนกันเหรอสองคนแม่ลูก"

"ไปวัดค่าคุณลุงไทด์^^"

"ไปวัด ไปทำไมมีอะไรหรือเปล่า" คุณไทด์หันมาถามฉัน

"ไว้เมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะคะ" คือฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีและอาจจะต้องอธิบายนาน

"แล้วนี่จะไปกันยังไงให้พี่ไปส่งมั้ย เสร็จแล้วเราจะได้ไปหาบ้านเช่าต่อ"

"ไม่ต้อง!!!" เสียงคุณพีเจดังขึ้นจากทางทางด้านหลังเขาเดินล้วงกระเป๋าลงมาสายตาจ้องไปที่คุณไทด์อย่างไม่พอใจ

"อ่อ ถ้านายจะไปส่งเมษาที่วัดก็แล้วไปฉันคิดว่าเมษาจะไปเอง"

"พี่ไทด์จะไปด้วยกันมั้ยคะ"

"อื้มไปสิ ดีเหมือนกันตั้งแต่กลับมาพี่ยังไม่ได้เข้าวัดทำบุญเลย ถือโอกาสไปทำบุญที่วัดซะหน่อย"

พีเจ...

ผมมองเคืองไปที่เมษาที่จู่ๆดันชวนไอ้ไทด์ไปวัดด้วยทั้งๆที่รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบขี้หน้ามันแต่ก็ยังชวนมันไปด้วยอีก เห็นแล้วเสียอารมณ์ชิบหาย ยิ่งเวลาเห็นสองคนนั้นพูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็ยิ่งน่าหมั่นไส้ แต่ที่ผมแปลกใจตัวเองก็คือเมื่อก่อนเวลาที่เห็นสองนี้คุยกันผมจะรู้สึกโกรธเคียดแค้นอยากเอาชนะแต่ตอนนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นแต่ผมรู้สึกไม่พอใจไม่อยากเห็นไม่ชอบให้เธอเรียกมันว่าพี่ไทด์  ผมจึงเดินไปคว้าลูกมาจากเมษาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวดีที่ลูกยอมมากับผมแต่โดยดีจากนั้นผมก็พาแกเดินออกมาจากบ้านตรงไปยังโรงรถทันทีเพราะผมกลัวว่าเมษาจะพาลูกไปนั่งรถไอ้ไทด์ 

"ไว้เจอกันที่วัดนะ"

"ค่ะพี่ไทด์^^" หึ ยิ้มหวานให้มันอีก แม่งเอ้ย ผมว่าจะไม่มองไม่สังเกตแล้วนะแต่ก็อดไม่ได้ 

"แม่จ๋าเราจะไปที่ไหนกันเหรอ"

"เอ่อ....ไปทำบุญค่ะ" เมษาหันไปตอบลูกที่นั่งคาร์ซีทอยู่ตรงเบาะด้านหลังส่วนเมษาผมบังคับให้มานั่งหน้า

"ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด"

"คำสัญญาของคุณมันเชื่อถือได้ด้วยเหรอคะ เพราะเท่าที่ฉันจำได้คุณไม่เคยรักษาสัญญาอะไรเลย"

"นั่นมันเมื่อก่อนไหมล่ะ"

"จะเมื่อก่อนหรือเดี๋ยวนี้มันก็เหมือนกันนั่นแล่ะค่ะเพราะคุณก็ยังเป็นคุณพีเจคนเดิม"

"เธอจะไม่เชื่อใจฉันบ้างเลยรึไงห๊ะ"

"แล้วคุณมีอะไรให้ฉันเชื่อใจได้บ้างไหมล่ะคะ เอาล่ะค่ะฉันไม่อยากจะเถียงคุณ เอาเป็นว่าฉันจะให้คุณพาลูกไปเที่ยวทะเลก็ได้ แต่ต้องไปกลับไม่มีการค้างเพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปดูบ้านเช่า" ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับเมษาดีเพราะเธอดื้อมากไม่ยอมฟังไม่ยอมเชื่ออะไรเลย เอะอะก็จะไปท่าเดียว แม่งใครมันจะไปยอมวะ  ผมไม่ให้ไปง่ายๆหรอก

เมษา...

ตอนนี้เรามาถึงวัดกันแล้วค่ะระหว่างทางฉันก็ได้ปะทะคารมกับเขามาตลอดทางแต่เราสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเสียงดังหรอกนะคะเพราะกลัวว่าลูกจะได้ยินและสงสัยโชคดีที่เขาเปิดการ์ตุนให้ลูกดูลูกก็เลยไม่ได้สนใจฉันกับเขา พอรถจอดสนิทฉันกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าลูกมาอุ้มเพื่อพาแกลงจากรถแต่ไม่ทันเขาเพราะเขารีบลงจากรถแล้วเปิดประตูด้านหลังอุ้มลูกเดินออกไปหน้าตาเฉยโดยไม่รอฉันสักนิด ฉันจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วตามเขาไป แต่ก้าวขาไม่ถึงสามก้าวคุณไทด์ก็ขับรถมาจอดข้างๆพอดี ฉันจึงยืนรอคุณไทด์ลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปในวัดด้วยกัน แต่เหมือนมีใครบางคนจ้องมองมาที่ฉันฉันก็เลยมองกลับไปปรากฏว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันเองค่ะ คุณพีเจ เขามองฉันตาเขียวมองแบบไม่พอใจขั้นสุด เขาคงจะโกรธฉันที่ฉันไม่ยอมอยู่บ้านเขาก็ได้เพราะฉันยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่อยู่เด็ดขาด ฉันกลัว...กลัวอะไรหลายอย่าง กลัวใจตัวเองด้วย ทางเดียวที่จะทำให้ฉันเลิกกลัวก็คือการแยกออกมาอยู่กับลูกตามลำพังเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเพราะฉันกับเขาสถานะของเราเป็นแต่พ่อและแม่ของลูกเท่านั้นแม้ว่าตอนนี้น้องพอใจจะยังไม่รู้ว่าเขาคือพอ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะบอกลูกเมื่อไหร่ยังไง คือเรื่องนี้ฉันแล้วแต่เขาฉันจะไม่ยุ่งถ้าเขากล้าบอกความจริงกับลูกเขาก็ต้องกล้ายอมรับกับผลที่จะตามมาที่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือร้าย

"หน้าตาน่ารักดีนะ นี่ลูกโยมเรอะหน้าเหมือนกันมากเลยนะพ่อลูก" หลวงพ่อเอ่ยทักเมื่อเราทุกคนขึ้นมานั่งอยู่บนศาลากันพร้อมหน้าพร้อมตาโดยที่น้องพอใจนั่งพนมมืออยู่บนตักของเขา

"ไม่ใช่ค่าหลวงตาคุณอาคือคุณอาค่าคุณอาไม่ใช่พ่อของน้องค่าน้องไม่มีพ่อน้องมีแต่แม่คนเดียวเพราะพ่อของน้องอยู่บนฟ้าค่าหลวงตา" คนที่ตอบคำถามหลวงพ่อก็คือลูกสาวของฉันเองค่ะซึ่งคำตอบของลูกทำเอาคนเป็นพ่ออย่างเขาซึมลงเล็กน้อย

"5555ช่างพูดช่างจานะตัวแค่นี้" หลวงพ่อหัวเราะชอบใจในคำตอบ

"รู้สึกยังไงบ้างล่ะโยมพีเจที่ได้ยินแบบนั้น" ท่านถามเข้าด้วยน้ำเสียงเห็นใจซึ่งถ้าให้เดาท่านอาจจะรู้ว่าน้องพอใจเป็นลูกของเขา

"รู้สึกแย่ครับหลวงพ่อ"

"มันคือกรรมของโยมนะ กรรมที่โยมเคยทำไว้กับใครบางคนที่โยมก็คงจะรู้ว่าอาตมาหมายถึงใคร" พูดจบหลวงพ่อก็หันมามองหน้าฉันแล้วท่านก็ยิ้ม

"แล้วผมต้องทำยังไงครับ"

"อาตมาคิดว่าโยมรู้ว่าควรทำยังไงขอแค่โยมรู้ใจตัวเองก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไปอีกครั้งเพราะคราวนี้โยมจะไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว"

"ผมขอกราบขอบคุณนะครับหลวงพ่อที่พูดให้คนบางคนได้คิดเพราะไม่อย่างนั้นเค้าคงคิดไม่ได้คิดไม่เป็นเพราะจิตใจมีแต่ความโกรธแค้น" เป็นคุณไทด์ค่ะที่พูดกับหลวงพ่อเลยทำให้คุณพีเจหันหลังมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจเพราะรู้ว่าที่คุณไทด์พูดหมายถึงตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียไร้รัก