“ระยำ!”
กำปั้นแข็งแกร่งทุบลงบนพวงมาลัยรถสปอร์ตที่ตอนนี้กำลังติดไฟแดงอยู่ในเขตตัวเมืองหลวงด้วยความเดือดดาล ทุกขณะเนื้อหนุ่มเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคฤหาสน์อันแสนเป็นส่วนตัวของเขาจะมีคนนอกบุกรุกเข้ามาก่อความวุ่นวายได้ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็แทบจะเดินชนกันเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มกระแทกคันเร่งแรงๆ ทันทีเมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้น ขณะที่รถแล่นทะยานไปข้างนอกอย่างรวดเร็วนั้น สมองของเขาก็แบ่งออกไปสองพรรคสองพวก มันตีกันยุ่งเหยิงจนคนกลางอย่างเขาปวดหัวตึบ
พวกหนึ่งบอกว่าเขาควรจะกลับไปหายาหยีที่โรงแรมที่พัทยานั่น กลับไปพาเจ้าหล่อนมาด้วย แต่พวกหนึ่งก็ค้านอย่างดุเดือดว่า ยาหยีคือตัวหายนะ การปล่อยหล่อนให้อยู่ห่างจากกายจากใจสักพักหนึ่งจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขา และตอนนี้สิ่งที่ควรจะทำที่สุดก็คือการตามลากคอไอ้ยอดชายและคนที่บังอาจบุกเข้ามาช่วยมันมาขยี้ให้แหลกคามือมากกว่า
กรามแกร่งที่เขียวครึ้มด้วยไรหนวดบดกันแน่นจนเนื้อแก้มกระตุกเป็นริ้วๆ โทสะร้ายวาววับอัดแน่นอยู่ในดวงตาสีเขียวจัดของคอร์เนลมหาศาล
และในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกที่จะมุ่งหน้ากลับไปจัดการกับปัญหายุ่งยากที่บ้านแทนการเลี้ยวรถกลับไปหายาหยีที่โรงแรม
“นายน้อยครับ” เซอร์เกรีบวิ่งออกมารับหน้าเมื่อรถสปอร์ตสีดำของคอร์เนลแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึก ชายวัยกลางคนลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าเจ้านายหนุ่มของตัวเองกลับมาเพียงลำพัง
“เกิดอะไรขึ้นเซอร์เก ใครมันบังอาจเข้ามาเหยียบจมูกฉันถึงที่นี่”
คอร์เนลก้าวลงจากรถได้ก็ตวาดถามคนสนิทที่ตัวเองไว้ใจเสียงดังลั่น ความผิดหวังอัดแน่นอยู่เต็มกระแสเสียง
“ฉันผิดหวังกับการทำงานของนายมากนะเซอร์เก”
“ผมขอโทษครับ ผมสะเพร่าเอง”
เซอร์เกก้มหน้ารับผิดโดยไม่เอ่ยอุทธรณ์ใดๆ ออกมา คอร์เนลขบกรามแน่น ขณะเดินผ่านร่างของคนสนิทไปหยุดที่อีวานแทน
“บอกมาสิว่ามันมากันกี่คน แล้วมันเข้ามาได้ยังไง”
“เอ่อ...ผม...” อีวานอ้ำอึ้ง เซอร์เกจึงต้องเป็นฝ่ายตอบแทน
“คนของเราเห็นว่ามันมากันสามคนครับ มันปีนเข้ามาทางรั้วที่อยู่ใกล้ๆ กับเรือนคุมตัวนายยอดชาย พวกเราไม่ทันเห็น...”
“ระยำ! ไม่ทันเห็นเหรอ!”
คอร์เนลตวาดลั่น ยกกำปั้นจะต่อยหน้าเซอร์เก แต่พอเห็นอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหลบ เขาจึงสะบัดมันลงข้างตัวแทน แล้วคำรามออกมาเสียงเลือดเย็น
“แล้วพวกนายทำอะไรกันอยู่ฮึ! แทบจะเดินชนกันตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“ผมขอโทษครับนายน้อย ผมผิดเอง...”
ยังเป็นเซอร์เกคนเดียวที่สามารถพูดออกมาได้ในสภาวะที่คอร์เนลกำลังเกรี้ยวกราดเดือดดาลเช่นนี้
“ฉันไม่ได้ต้องการหาคนผิด แต่สิ่งที่ฉันต้องการรู้ก็คือ พวกมันเข้ามาได้ยังไง!”
มือใหญ่ของคอร์เนลรวบคอเสื้อของเซอร์เกและกระชากชายต่างวัยให้เข้ามาเผชิญหน้า ความเจ็บแค้นที่ถูกลูบคมทำให้ชายหนุ่มเกือบจะทำอะไรรุนแรงลงไป แต่พอคิดถึงความภักดีที่เซอร์เกเคยมีให้ เขาก็ข่มโทสะนั้นเอาไว้ และปล่อยร่างของเซอร์เกจากอุ้งมือ
“แล้วไอ้คนที่นั่งมองกล้องวงจรปิดล่ะ มันทำอะไรอยู่”
“กล้องสามตัวที่อยู่บริเวณนั้นเสียพร้อมกันครับ” เซอร์เกรายงานเสียงแผ่วเบา และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่จัดการทำให้กล้องวงจรปิดเหล่านั้นไม่สามารถบันทึกภาพได้ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเป็นคนปล่อยยอดชายไปเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด มีใครบางคนสวมรอยเข้ามาชิงตัวนายยอดชายไปเสียก่อน
“เสีย?”
คอร์เนลอุทานเสียงสูง พลางเดินกลับไปกลับมาคล้ายกับหนูติดจั่น ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำด้วยโทสะและความขัดเคืองใจ
‘เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ในเมื่ออาณาจักรของเขานั้นถือว่ามีระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ แต่ทำไมมีคนบุกเข้ามาช่วยนักโทษโดยที่คนของเขาไม่เห็นกันนะ แถมเจ้ากล้องวงจรปิดก็ดันมาเสียพร้อมๆ กันเสียอีก มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน’
“ต้องมีหนอนบ่อนไส้...” คอร์เนลเค้นเสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา
“นายน้อย ผมไม่รู้เรื่องนะครับ!”
อีวานที่เป็นวัวสันหลังหวะอยู่ร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว คอร์เนลหันมาจ้องเขม็งแต่เซอร์เกก็รีบแก้สถานการณ์เสียก่อน
“ไม่มีใครโทษแกหรอกน่าอีวาน เอ่อ...นายน้อยครับ ผมคิดว่าคนที่เข้ามาช่วยนายยอดชายไปมันต้องเฝ้าดูเรามาหลายวันแล้วแน่นอนครับ และก็น่าจะเป็นอย่างที่นายน้อยสงสัย นั่นก็คือมีหนอนบ่อนไส้ในคนของเราเอง”
คอร์เนลหรี่ตามองคนสนิทเขม็ง
“นายสงสัยใครเซอร์เก...”
เซอร์เกยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบออกมา คอร์เนลมองอย่างเข้าใจความคิด
“ตามฉันไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้เซอร์เก”
“ครับนายน้อย”
คอร์เนลก้าวยาวๆ จากไปแล้ว อีวานจึงรีบเข้ามากระซิบกระซาบกับน้าชายด้วยความตื่นกลัว
“ผมกลัวครับน้าเซอร์เก ผมกลัวว่านายน้อยจะรู้...”
เซอร์เกแกะมือของหลานชายออกจากตัว ก่อนจะกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น
“อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยอีวาน ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนของเรานั่นแหละ แค่เพียงว่าเราไม่ได้เป็นคนปล่อยนักโทษไปด้วยมือตัวเองเท่านั้นเอง”
“แล้วน้าเซอร์เกจะรับมือกับนายน้อยยังไงล่ะครับ”
เซอร์เกถอนใจออกมา
“แกไม่ต้องรู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราทำกันลงไปทั้งหมดนี่ก็เพียงเพราะว่าเราจงรักภักดีต่อนายน้อย ท่องไว้ว่าทำเพื่อนายน้อย”
“ครับน้าเซอร์เก”
อีวานก้มหน้ารับคำทั้งๆ ที่เสียงยังสั่นอยู่
ผู้เป็นน้าชายยกมือขึ้นตบไหล่หลานชายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“อยู่เงียบๆ ทำและพูดตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”
จบคำเซอร์เกก็ก้าวยาวๆ เดินตามคอร์เนลที่มุ่งหน้าเดินนำไปที่ห้องทำงานนานหลายอึดใจแล้วอย่างรวดเร็ว และเมื่อก้าวเข้ามาหยุดภายในห้องแสนโอ่อ่า คำถามของคอร์เนลก็ดังขึ้นทันที
“บอกมาสิว่านายสงสัยใคร”
“ผมสงสัยคุณยาหยีครับ”
“ฉันไม่เชื่อ ยาหยีไม่มีทางทำแบบนั้น”
‘นึกอยู่แล้วเชียวว่าคอร์เนลจะต้องไม่เชื่อ แต่เขามีแผนสองรองรับความผิดพลาดอยู่ในมือแล้ว’
คอร์เนลก้าวยาวๆ ไปเกาะขอบหน้าต่างห้อง บางสิ่งบางอย่างในคำพูดของเซอร์เกกำลังบีบคั้นเลือดในกายของเขาให้ทะลักออกมา
“คนในบ้านหลังนี้ล้วนจงรักภักดีต่อนายน้อยทุกคน ยกเว้นเพียงแต่...”
“นายจะบอกว่ายาหยีใช่ไหม” คอร์เนลกระชากเสียงถามด้วยความหงุดหงิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย