ยาหยีมองสายที่ตัวเองไม่ได้รับด้วยด้วยสายตาเจ็บปวด หน้าจอโทรศัพท์มือถือโชว์เบอร์ของคอร์เนลที่โทรมาหาหล่อนเกือบยี่สิบครั้ง แต่หล่อนก็ไม่รับ และก็คงไม่กล้ารับด้วย น้ำตาไหลรินออกมาขณะทรุดกายลงบนเก้าอี้ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา
“คอร์เนล...ฉันรักคุณค่ะ รักจนไม่อาจจะฟังคำเหยียดหยาม คำประณามใดๆ จากคุณได้อีก ฉันจะจำสิ่งดีๆ ที่คุณมีกับฉัน” สาวน้อยร่ำไห้รุนแรงจนกายสาวสั่นสะท้าน
“และฉันจะไม่มีวันลืมคุณเลยตลอดชีวิต” มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาแห่งความเสียใจที่ไหลพรากออกมาเต็มหน้า เมื่อโทรศัพท์มือถือมีสายเรียกเข้ามา ใบหน้างามซีดเผือด หัวใจสาวสั่นระรัวเมื่อสมองร้องว่าเป็นคอร์เนล แต่เมื่อก้มลงมองก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกเบอร์หนึ่ง ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายที่หล่อนกำลังร้องไห้ด้วยความคิดถึง
หญิงสาวตัดสินใจกดรับเพราะค่อนข้างจะมั่นใจว่าเป็นบิดา และก็ใช่ท่านจริงๆ เสียงของท่านดูผ่อนคลายจนหล่อนอดระบายยิ้มออกมาไม่ได้ หล่อนทำไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกจะช่วยบิดา แทนที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง
“พ่อหรือคะ พ่ออยู่ไหน”
“พ่อสบายดีลูกหยี ตอนนี้พ่อกำลังจะบินกลับไปที่มอสโก แต่ลูกหยีไม่ต้องห่วงพ่อแล้วนะ มีคนช่วยพ่อเอาไว้แล้ว พอพ่อเคลียร์ปัญหาทางนี้จบ เราจะได้อยู่ด้วยกัน ลูกหยีดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าให้พวกของนายน้อยทำร้ายได้อีก” คำสั่งของบิดาดังมาตามสาย ยาหยีรีบร้องถามด้วยความผิดหวัง
“ลูกหยีนึกว่าพ่อจะมาอยู่กับลูกหยีเสียอีก พ่อจะไปอีกแล้วเหรอคะ”
“พ่อต้องไปลูก ต้องไปจัดการเรื่องบางเรื่องให้จบสิ้น”
“แต่ลูกหยีอยากอยู่กับพ่อนี่คะ ลูกหยี...” หญิงสาวคร่ำครวญไปตามสาย แต่ผู้เป็นบิดาหาได้หยุดฟังไม่
“รอพ่ออยู่ที่เมืองไทยนะลูกหยี พ่อไปไม่นานแล้วจะรีบกลับมา” ยอดชายรีบวางสายอย่างรวดเร็ว จนยาหยีร้องเรียกเอาไว้ไม่ทัน
“พ่อคะ พ่อ...” เมื่อเห็นว่าสัญญาณถูกตัดลงไปแล้ว หญิงสาวจึงรีบกดต่อสายหาบิดาอีกครั้ง แต่ท่านก็ไม่ยอมรับสายของหล่อนอีกเลย ยาหยีปล่อยโทรศัพท์ร่วงหล่นลงจากมือ ขณะร่ำไห้ออกมาปานจะขาดใจ
‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้หล่อนไม่เหลือใครข้างกายเลย ทั้งบิดา ทั้งคอร์เนล นี่หล่อนทำถูกหรือผิดกันแน่นะที่เลือกจะทรยศคอร์เนลเพื่อช่วยบิดาของตัวเอง บิดาที่เป็นคนขโมยเพชรล้ำค่าของเขามา’
ยาหยีกัดปากแน่นจนเลือดออก แต่แปลกที่สาวน้อยหาได้รู้สึกเจ็บอีกไม่ ความเจ็บปวดมันไปรวมตัวกันอยู่ที่หัวใจกันหมดแล้ว เจ็บจนแทบจะขาดใจตาย เจ็บจนไม่อยากจะมีลมหายใจอยู่ในโลกที่แสนโหดร้ายแบบนี้อีกแล้ว
ขณะที่บุตรสาวกำลังโศกากับความอ้างว้างอยู่นั้น ยอดชายก็กำลังเดินเข้าไปในสนามบินกับคนที่บุกมาช่วยเหลือตัวเอง
“ขอบคุณเจ้านายมากนะครับที่มาช่วยเหลือผม”
“เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว”
ยอดชายเหลียวกลับไปมองทางด้านหลังด้วยความหวาดระแวงที่ปิดไม่มิด
“ผมกลัวคนของนายน้อยจะตามมาทันจังครับ เพราะหากคราวนี้นายน้อยจับผมได้อีก ผมคงต้องไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมบอกที่ซ่อนเพชรสีทองกับนายน้อย”
คำพูดของยอดชายมีผลทำให้ชายร่างสูงใหญ่ที่เดินนำหน้าอยู่ชะงักเท้าทันที ก่อนจะหันกลับมามอง
“เพชรสีทองมันเป็นของฉัน ไม่มีวันที่ฉันจะคืนมันให้กับไอ้คอร์เนลอย่างแน่นอน”
ดวงตาคมกริบที่อัดแน่นไปด้วยความเหี้ยมโหดของบุรุษตรงหน้าทำเอายอดชายถึงกับหน้าซีดเผือดลงถนัดตา
“และกลับไปมอสโกคราวนี้ หากแกยังไม่ยอมพาฉันไปเอาเพชรสีทองที่แกนำไปซ่อนไปอีกละก็...”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคู่สนทนาตรงหน้านั้นมีผลทำให้ยอดชายหนาวสันหลังวูบวาบ ความหวาดกลัวแล่นฉิวขึ้นสูงจุกคอหอย
“ฉันจะฆ่าแกแน่...”
“อย่าทำผมครับเจ้านาย ผมจะพาเจ้านายไปแน่นอนครับ แต่ผมยังกลัวอิทธิพลของนายน้อยอยู่เลยครับ นายน้อยอาจจะส่งคนมาดักเราที่สนามบินในมอสโกก็ได้นะครับ” ยอดชายพูดออกไปด้วยความหวาดกลัว แต่คู่สนทนากลับหัวเราะร่วนซะงั้น
“มันคิดไม่ถึงหรอกว่าคนบงการจะเป็นฉัน และเมื่อมันคิดไม่ถึง มันก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าตอนนี้แกกำลังจะบินกลับไปยังมอสโก ถ้ำเสือของมันนั่นแหละ”
‘นั่นสินะ ใครจะคิดว่าคนบงการให้เขาขโมยเพชรสีทองนั่นจะเป็นผู้ชายคนนี้ไปได้’
“แต่ผมคิดว่าเราควรจะระวังตัวกันบ้างนะครับ นายน้อยฉลาดเป็นกรด”
“ต่อให้มันฉลาดยิ่งกว่าบิลเกตต์ มันก็ไม่มีทางชนะฉันได้หรอก เอาน่า อย่ากังวลไปเลย ฉันเตรียมพร้อมสำหรับทุกอย่างนั่นแหละ แกคงไม่คิดว่าคนที่ฉลาดกว่าพ่อของบิลเกตต์อย่างฉันจะยอมตกม้าตายง่ายๆ แค่นี้หรอกนะ”
“ผมเชื่อเจ้านายครับ...และจะภักดีตลอดไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย