ห้องรับแขกดูคับแคบลงไปถนัดตาเมื่อบุรุษสายเลือดซีร์ยานอฟทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน คอร์เนลแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่าตามมารยาท ก่อนจะทรุดกายที่ใหญ่โตกว่าแขกเบื้องหน้ามากลงบนโซฟาหนังแท้เนื้อนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มแต้มริมฝีปากน้อย เมื่อเอ่ยทักทายอังเดร ซีร์ยานอฟ น้องชายของบิดาตัวเอง
“ต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอนใช่ไหมครับ คุณอาถึงมาหาผมถึงที่แบบนี้”
“ได้ข่าวว่าได้เมียกลับมาด้วย อาก็เลยอยากเห็นหน้าเท่านั้นเอง”
อังเดรระบายยิ้มบางๆ ทุกความรู้สึกถูกซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาสีเขียวจัดเฉกเช่นเดียวกับคอร์เนลจนมิดชิด
“ลูกสาวมหาเศรษฐีคนไหน ราชนิกุลประเทศอะไร หรือว่าเป็นแค่เด็กข้างถนน”
คอร์เนลรู้ดีว่าอังเดรกำลังเหยียดหยามตนเองอยู่ และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะอดทนต่อคำพูดหยามหยันของใครต่อใครได้เช่นกัน
“มันไม่เกี่ยวกับคุณอา!”
เสียงคำรามที่ถูกเค้นออกมาจากลำคอของคู่สนทนาสายเลือดเดียวกันทำให้อังเดรลอบยิ้ม มองก็รู้ว่าเจ้าหลานชายคนนี้มันกำลังติดบ่วงอะไรอยู่
‘บ่วงรัก...และดูท่าทางจะติดแหง็กจนขึ้นยากซะด้วย’
“หลานสะใภ้ไม่เกี่ยวได้ยังไง ไหนล่ะเธออยู่ที่ไหน”
“ผมบอกแล้วไงว่าคุณอาไม่เกี่ยว อย่ามาวุ่นวายจนผมทนไม่ได้ดีกว่า”
ชายหนุ่มเค้นเสียงใส่หน้าอังเดรด้วยความหงุดหงิด รู้สึกไม่ต่างจากกำลังถูกส่งตัวเข้าเครื่องประหารยังไงยังงั้น
อังเดรแสยะยิ้ม จ้องมองหลานชายด้วยสายตาเป็นต่ออยู่หลายขุม ปกติเขาไม่เคยจะชนะหรือมีอิทธิพลใดๆ ต่อเจ้าหลานชายหัวแข็งคนนี้เลย แต่ครั้งนี้...แค่คำพูดไม่กี่คำของเขาที่เกี่ยวกับแม่เด็กคนนั้นสามารถทำให้คอร์เนลงุ่นง่านและทำอะไรไม่ถูก
“อย่าเสียมารยาทกับญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของแกแบบนี้สิคอร์เนล”
ยิ่งอังเดรหัวเราะดังเท่าไร คอร์เนลก็ยิ่งเดือดดาล เกรี้ยวกราดมากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะทนฟังไม่ได้เพียงแค่ยาหยีถูกอังเดรสบประมาทเท่านั้นเอง
‘นี่เขาเป็นอะไรไปนะ ทำไมจะต้องหงุดหงิดไม่พอใจด้วย อังเดรจะว่า จะกล่าวยาหยี มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย ในเมื่อเจ้าหล่อนก็แค่อีตัวที่เขายังไม่เบื่อเท่านั้นเอง...แล้วทำไมต้องโกรธด้วยนะ โกรธจนตัวสั่นเลยให้ตายสิ!’
คอร์เนลร้องถามตัวเองลั่นอยู่ภายในอก แต่ถึงจะร้องถามดังมากแค่ไหน คำตอบก็ไม่มีสำหรับเขาอยู่ดี
“หากคุณอาเลิกค้ายา เลิกค้าของเถื่อน เลิกค้าประเวณี และเลิกทำทุกอย่างที่ผิดกฎหมายเมื่อไร เมื่อนั้นแหละครับผมถึงจะยอมรับว่ามีญาติผู้ใหญ่ที่ชื่ออังเดร ซีร์ยานอฟอยู่อีกคนหนึ่ง” คอร์เนลลุกขึ้นยืนเมื่อขว้างคำพูดเลือดเย็นใส่หน้าอังเดรสำเร็จ
“ถ้าธุระของคุณอามีเพียงแค่มาดูตัวเมียของผมเท่านั้นละก็ กลับไปได้แล้วล่ะครับ เพราะผมยังไม่คิดจะแต่งงานในตอนนี้แน่”
อังเดรกัดฟันกรอดขณะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับหลานชายรูปหล่อปานเทพบุตร
“แล้วแม่เด็กสาวที่แกนอนกกนอนกอดอยู่ล่ะ เป็นอะไร?”
“ผมไม่จำเป็นต้องบรรยายให้ใครฟังเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว”
คอร์เนลตัดบท เดินไปเกาะที่ริมหน้าต่าง หงุดหงิดฟุ้งซ่านอย่างรุนแรง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะรู้สึกแย่ได้ถึงขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินคุณอาของตัวเองพูดถึงยาหยีในลักษณะไม่ดีเท่านั้น
‘นี่เขาเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บแค้นแทนแม่ยาหยีคนนั้นด้วย เขาควรจะไม่รู้สึกอะไรสิ แต่นี่กลับร้อนเป็นไฟ อยากจะต่อยหน้าอาของตัวเองซะอย่างงั้น’
“ผมขอตัวนะครับ มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าการที่จะต้องมานั่งตอบปัญหาโลกแตกแบบนี้”
ว่าแล้วคอร์เนลก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องรับแขกไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง อังเดรรีบก้าวตามหลังไปติดๆ
“เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมต้องโกรธอาด้วยล่ะถ้าหากไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
ทั้งสองคนเดินมาหยุดที่ทางเดินผ่านช่องบันไดพอดี ซึ่งจังหวะนั้นเองยาหยีกำลังเดินลงมา อังเดรมองเห็นและเดาได้ว่ายาหยีเป็นใคร ในขณะที่คอร์เนลยืนหันหลังให้อยู่จึงไม่รู้ว่ามีบุคคลที่สามร่วมฟังการโต้ตอบของตัวเองกับอังเดรด้วย
“ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมรำคาญ...ไปซะเถอะครับ อย่าให้ผมต้องไล่ซ้ำ!”
แม้จะเจ็บแค้นเจ้าหลานชายนอกคอกมากแค่ไหน แต่อังเดรก็ยังยืนหยัดระบายยิ้มไม่เลิก เพราะเขามั่นใจว่ากำลังจะทำให้คอร์เนลพบกับหายนะลูกหย่อมๆ ทีเดียวแหละ
อังเดรปรายตามองยาหยีที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดชั้นล่างสุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดยั่วโทสะหลานชายของตัวเองออกไปอีก
“งั้นก็บอกมาก่อนสิว่าผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
“ผมบอกให้ออกไปไง!”
“ถ้าแกไม่บอก อาก็จะถามอยู่อย่างนี้แหละ หรือว่าต้องการให้อาไปถามเด็กคนนั้นเอาเอง”
คอร์เนลกัดฟันแน่น หายใจฟืดฟาดด้วยความหงุดหงิดเดือดดาลเต็มพิกัด ขณะที่อังเดรแสยะยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะเอาไว้ในมือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายฉลาดเฉียบแหลมและเพอร์เฟ็กต์ไปซะทุกเรื่องอย่างคอร์เนล ซีร์ยานอฟ จะมีจุดอ่อนกับเขาได้เหมือนกัน
“ถ้าคำตอบของผมมันจะทำให้คุณอาหายไปจากสายตาของผมได้โดยเร็วละก็ โอเค...ผมจะตอบ”
มือใหญ่สีแทนทั้งสองข้างยื่นไปข้างหน้า ก่อนที่คำพูดร้ายกาจต่อหัวใจของยาหยีจะกระเด็นออกมา
“นางบำเรอ...”
“แน่ใจหรือที่พูดน่ะ”
อังเดรหรี่ตามองหลานชายอย่างจับผิด ใบหน้าอวบอูมแทบจะซ่อนรอยยิ้มสะใจเอาไว้ไม่มิด
คอร์เนลไหวไหล่กว้างทรงพละกำลังของตัวเองน้อยๆ ก่อนจะย้ำชัดๆ ออกมาอีกครั้ง และมันก็ทำให้ยาหยีที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังถึงกับเซทรุดแทบหมดแรง
“เธอเป็นนางบำเรอของผม...พอใจหรือยังครับคุณอา!”
จบคำพูดที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดนั้น คอร์เนลก็ก้าวยาวๆ เดินออกนอกตึกไปในพริบตา โดยไม่มีโอกาสจะได้เห็นร่างอรชรที่สั่นเทิ้มเพราะแรงสะอื้นของยาหยีแม้แต่นิดเดียว
อังเดรแสยะยิ้มสะใจ มองเจ้าหลานชายตัวร้ายขับรถหายไปจนลับตาแล้ว จึงหันมามองยาหยีเขม็ง เขาขยับตัวเข้าไปใกล้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยออกไป
“ได้ยินชัดเต็มสองหูแล้วสินะ”
“ขอตัวนะคะ”
ยาหยีรีบกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก ก้มหน้าตั้งใจจะเดินเลี่ยงออกไป แต่ก็ถูกชายวัยกลางคนตรงหน้าก้าวเท้าเข้ามาขวางทางเอาไว้ซะก่อน จากนั้นคู่สนทนาก็พ่นคำพูดเลือดเย็นใส่หน้าหล่อนอย่างอำมหิต
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร”
อังเดรจ้องมองยาหยีนิ่ง เห็นประโยชน์จากเด็กสาวตรงหน้าอย่างมหาศาลทีเดียว
“ยาหยี โรจน์มหามงคล...”
“คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไงกันคะ? หรือว่า...” สาวน้อยเบิกตากว้าง มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความเคลือบแคลงใจ
อังเดรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเฉลยให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“เจ้าหลานนอกคอกมันไม่ได้บอกฉันหรอก แต่ฉันรู้จักเธอผ่านพ่อของเธอต่างหากล่ะ”
คำว่าพ่อของเธอทำให้ยาหยีถึงกับหน้าซีดเผือด
“พ่อ? คุณรู้จักพ่อของฉันด้วยหรือคะ แล้วตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน?”
คำถามร้อนรนกระวนกระวายของคู่สนทนาต่างวัยทำให้อังเดรแค่นยิ้มออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย