ขวัญชีวาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาตามคำบิดา นั่นก็คือการแต่งชุดสวยๆ มาเป็นเพื่อนท่านในคืนนี้ หล่อนไม่รู้หรอกว่าพ่อจะพาไปที่ไหน จนได้เห็นบุคคลที่ท่านมาพบนั่นแหละ หญิงสาวถึงได้อ้าปากค้างแก้มแดงก่ำด้วยความตกใจ
‘วินซ์ เอเมอร์ตัน...’
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับคุณขวัญชีวา ซีร์ยานอฟ”
วินซ์ยื่นมือมาตรงหน้า แต่ขวัญชีวากลับเลือกยกมือไหว้ อังเดรเห็นแล้วก็กลัวชายหนุ่มจะโกรธจึงรีบแก้ตัวแทนบุตรสาวบุญธรรม
“พ่อแม่แท้ๆ ของขวัญชีวาเป็นคนไทยน่ะครับ เธอก็เลยยังติดวัฒนธรรมไทยอยู่”
วินซ์เลิกคิ้วเข้มของตัวเองขึ้นสูง กวาดตามองร่างอรชรที่วันนี้มาในชุดเรียบหรูปิดตั้งแต่ลำคอจนถึงหัวเข่าซึ่งแตกต่างจากชุดราตรียาวในคืนงานเลี้ยงวันนั้นนักอย่างชื่นชมไม่ปิดบัง
“แสดงว่าคุณอังเดรไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของคุณขวัญชีวาสินะ”
อังเดรพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ ผมรับขวัญมาเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อน พ่อแม่ของเธอตายเพราะถูกลูกหลงจากการปะทะกันของซีร์ยานอฟกับเซอร์คอฟเมื่อสิบกว่าปีก่อน”
ขวัญชีวาสังเกตเห็นริ้วรอยความคั่งแค้นเต็มใบหน้าของวินซ์ชัดเจน แต่มันก็จางหายไปเมื่อรอยยิ้มเลือดเย็นผุดขึ้นมาที่มุมปากหยักสวยแสนเซ็กซี่คู่นั้น
“อย่างนั้นหรือ? แล้วเพชรล่ะ ได้หรือเปล่า”
“นี่ครับเพชรสีทอง เพชรประจำตระกูลของซีร์ยานอฟ”
หญิงสาวเห็นบิดาบุญธรรมของตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สองทองอร่ามออกมาวางตรงหน้า ก่อนจะเปิดมันออก แสงเพชรระยิบระยับสะท้อนออกมาจนหล่อนแสบตาเลยทีเดียว เพชรสีทองขนาดใหญ่มาก และสวยมากด้วย
วินซ์รับเพชรสีทองน้ำงามขึ้นไปมอง แล้วก็ระบายยิ้มบางๆ ออกมา
“วิธีพิสูจน์เบื้องต้นว่าเพชรนั้นเป็นเพชรแท้หรือเปล่ามีอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายที่สุดโดยที่เราไม่ต้องตระเตรียมของใดๆ เลยก็คือการนำเพชรไปขูดกับกระจก ถ้าเป็นรอยก็แสดงว่าเป็นของจริง แต่ถ้าไม่มีรอยใดๆ เกิดขึ้นก็แสดงว่ามันเป็นเพชรปลอม”
วินซ์หรี่ตามองผู้ชายตรงหน้าเขม็ง
“คุณอังเดรยินดีให้ผมพิสูจน์หรือเปล่าล่ะครับ”
“ตามสบายครับ เพราะผมมั่นใจว่ามันคือเพชรสีทองแห่งซีร์ยานอฟร้อยเปอร์เซ็นต์”
วินซ์ระบายยิ้ม เดินนำอังเดรไปที่กระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
“ผมให้คุณเป็นคนทดสอบก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มส่งเพชรสีทองคืนให้อังเดร
“ครับ”
อังเดรรับเพชรสีทองเม็ดใหญ่มาถือเอาไว้ พร้อมกับกดมันลงกับกระจกตรงหน้า แล้วลากเป็นเส้นยาวประมาณสองเซ็นต์ แต่แล้วก็ต้องตกใจจนหน้าซีดเผือดเมื่อบนกระจกไม่มีร่องรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิดเดียว
เจ้าของเพนต์เฮาส์รูปหล่อแสยะยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้น
“จะลองอีกครั้งก็ได้นะ ผมรอได้”
และแน่นอนว่าอังเดรจัดการกดเพชรสีทองลงกับกระจกอีกครั้งและอีกครั้ง จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม นั่นก็คือกระจกตรงหน้ายังใสกิ๊กดังเดิม
“เป็นไปไม่ได้...ไม่มีทางที่จะเป็นของปลอมไปได้”
อังเดรพึมพำออกมาด้วยความตกใจสุดขีด ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่เพชรสีทองเม็ดนี้จะเป็นของปลอม ในเมื่อเขาเห็นยอดชายหยิบมันออกมาจากตู้เซฟกับตาตัวเอง
“แต่คุณก็เห็นไม่ใช่หรือคุณอังเดร ว่ามันเป็นของปลอม เลิกแหกตาผมดีกว่า” วินซ์จ้องหน้าคู่สนทนาด้วยสายตาเลือดเย็น ขวัญชีวาเป็นห่วงบิดาจึงโต้ตอบเขาออกไป
“คุณอย่ามาว่าพ่อฉันนะ”
วินซ์หันขวับมาจ้องหน้าแม่สาวปากเก่งที่นั่งเงียบมาตลอดระยะสิบกว่านาทีเขม็ง
“หุบปากซะคนสวย ถ้ายังอยากนั่งสบายๆ อยู่ในห้องนี้”
“แต่ว่าคุณ...”
“ขวัญเงียบเถอะ พ่อจัดการเอง”
อังเดรหันไปสั่งบุตรสาวเสียงเฉียบขาด ก่อนจะหันมาก้มหน้ารับผิดกับวินซ์ เอเมอร์ตัน
“ผมต้องขอโทษคุณวินซ์ด้วยครับที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ผมรับรองว่าจะไปนำเพชรสีทองของจริงมามอบให้กับคุณวินซ์ให้ได้ครับ”
“กี่วันล่ะ หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี”
คนตัวโตตาสีน้ำเงินพูดเสียงเหยียดหยาม แต่ขวัญชีวาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมพ่อบุญธรรมของหล่อนถึงต้องมีท่าทางเกรงอกเกรงใจผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยกลัวใครเลยแม้แต่คนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกันนะ?
“สามวันครับ เพราะผมพอจะรู้แล้วว่าใครมันทรยศ”
“นานเกินไป ผมรอไม่ได้ และไม่คิดจะรออีกต่อไปด้วย ผมต้องการหลักประกันอื่นที่มันสมน้ำสมเนื้อกับเงินห้าสิบล้านเหรียญที่ผมจ่ายล่วงหน้าให้คุณไป”
‘นึกแล้วเชียวว่าอีตาเทพบุตรตาสวยตรงหน้าต้องหว่านพืชแล้วหวังผลแน่ๆ แต่ว่าเขาอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนกันนะ’
“คุณวินซ์ต้องการอะไรเป็นหลักค้ำประกันครับ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มร้ายกาจ ขณะปรายตาไปมองที่ร่างของขวัญชีวา
“ลูกสาวบุญธรรมของคุณ ผมต้องการเธอเป็นหลักค้ำประกันระหว่างที่รอเพชรสีทองของจริง”
ขวัญชีวารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองถูกแผดเผาด้วยไฟร้อนจนมอดไหม้เป็นผงธุลีเมื่อถูกสายตาสีน้ำเงินเข้มมองมาอย่างสำรวจตรวจตรา ลำคอสาวแห้งผาก หูอื้อไปในทันทีที่ได้ยินคำพูดอาจหาญของเขาจบประโยค
“ต้องการยายขวัญหรือครับ”
ฟังจากน้ำเสียงของบิดา ท่านก็คงรู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน
“ใช่ ผมต้องการขวัญชีวาเป็นหลักค้ำประกัน เงินมันเยอะนะคุณอังเดร ตั้งห้าสิบล้านเหรียญแน่ะ หรือว่าคุณมีมาใช้ผมกันล่ะ”
‘หล่อนเกลียดน้ำเสียงและก็แววตาของผู้ชายคนนี้นัก ทำไมเขาถึงทำราวกับว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่ความเป็นคนของหล่อน ไม่มีทางหรอก หล่อนไม่มีวันยอม’
“คนสารเลว!”
ขวัญชีวาคว้าแก้วน้ำของตัวเองสาดใส่หน้าของผู้ชายเจ้าของเพนต์เฮาส์หรู
“ยายขวัญ นี่แกทำบ้าอะไรฮึ!”
อังเดรตวัดมือกำลังจะฟาดลงบนใบหน้าของลูกสาวด้วยความโมโห แต่ก็ถูกวินซ์ห้ามเอาไว้เสียก่อน หล่อนเห็นเขายกมือหนาสีแทนขึ้นปาดน้ำออกจากหน้า ก่อนจะจ้องมองหล่อนด้วยสายตาโอหังจนน่าหมั่นไส้
“ให้ผมเป็นคนตัดสินโทษของเธอเองดีกว่าครับ”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินโทษของฉันตามอำเภอใจแบบนี้ ในเมื่อคนที่ผิดมันคือคุณ!”
“ขวัญชีวา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย