สรุปเนื้อหา ตอนที่ 73 – เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย โดย เนื้อนวล
บท ตอนที่ 73 ของ เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เนื้อนวล อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ขวัญชีวาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาตามคำบิดา นั่นก็คือการแต่งชุดสวยๆ มาเป็นเพื่อนท่านในคืนนี้ หล่อนไม่รู้หรอกว่าพ่อจะพาไปที่ไหน จนได้เห็นบุคคลที่ท่านมาพบนั่นแหละ หญิงสาวถึงได้อ้าปากค้างแก้มแดงก่ำด้วยความตกใจ
‘วินซ์ เอเมอร์ตัน...’
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับคุณขวัญชีวา ซีร์ยานอฟ”
วินซ์ยื่นมือมาตรงหน้า แต่ขวัญชีวากลับเลือกยกมือไหว้ อังเดรเห็นแล้วก็กลัวชายหนุ่มจะโกรธจึงรีบแก้ตัวแทนบุตรสาวบุญธรรม
“พ่อแม่แท้ๆ ของขวัญชีวาเป็นคนไทยน่ะครับ เธอก็เลยยังติดวัฒนธรรมไทยอยู่”
วินซ์เลิกคิ้วเข้มของตัวเองขึ้นสูง กวาดตามองร่างอรชรที่วันนี้มาในชุดเรียบหรูปิดตั้งแต่ลำคอจนถึงหัวเข่าซึ่งแตกต่างจากชุดราตรียาวในคืนงานเลี้ยงวันนั้นนักอย่างชื่นชมไม่ปิดบัง
“แสดงว่าคุณอังเดรไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของคุณขวัญชีวาสินะ”
อังเดรพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ ผมรับขวัญมาเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อน พ่อแม่ของเธอตายเพราะถูกลูกหลงจากการปะทะกันของซีร์ยานอฟกับเซอร์คอฟเมื่อสิบกว่าปีก่อน”
ขวัญชีวาสังเกตเห็นริ้วรอยความคั่งแค้นเต็มใบหน้าของวินซ์ชัดเจน แต่มันก็จางหายไปเมื่อรอยยิ้มเลือดเย็นผุดขึ้นมาที่มุมปากหยักสวยแสนเซ็กซี่คู่นั้น
“อย่างนั้นหรือ? แล้วเพชรล่ะ ได้หรือเปล่า”
“นี่ครับเพชรสีทอง เพชรประจำตระกูลของซีร์ยานอฟ”
หญิงสาวเห็นบิดาบุญธรรมของตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สองทองอร่ามออกมาวางตรงหน้า ก่อนจะเปิดมันออก แสงเพชรระยิบระยับสะท้อนออกมาจนหล่อนแสบตาเลยทีเดียว เพชรสีทองขนาดใหญ่มาก และสวยมากด้วย
วินซ์รับเพชรสีทองน้ำงามขึ้นไปมอง แล้วก็ระบายยิ้มบางๆ ออกมา
“วิธีพิสูจน์เบื้องต้นว่าเพชรนั้นเป็นเพชรแท้หรือเปล่ามีอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายที่สุดโดยที่เราไม่ต้องตระเตรียมของใดๆ เลยก็คือการนำเพชรไปขูดกับกระจก ถ้าเป็นรอยก็แสดงว่าเป็นของจริง แต่ถ้าไม่มีรอยใดๆ เกิดขึ้นก็แสดงว่ามันเป็นเพชรปลอม”
วินซ์หรี่ตามองผู้ชายตรงหน้าเขม็ง
“คุณอังเดรยินดีให้ผมพิสูจน์หรือเปล่าล่ะครับ”
“ตามสบายครับ เพราะผมมั่นใจว่ามันคือเพชรสีทองแห่งซีร์ยานอฟร้อยเปอร์เซ็นต์”
วินซ์ระบายยิ้ม เดินนำอังเดรไปที่กระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
“ผมให้คุณเป็นคนทดสอบก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มส่งเพชรสีทองคืนให้อังเดร
“ครับ”
อังเดรรับเพชรสีทองเม็ดใหญ่มาถือเอาไว้ พร้อมกับกดมันลงกับกระจกตรงหน้า แล้วลากเป็นเส้นยาวประมาณสองเซ็นต์ แต่แล้วก็ต้องตกใจจนหน้าซีดเผือดเมื่อบนกระจกไม่มีร่องรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิดเดียว
เจ้าของเพนต์เฮาส์รูปหล่อแสยะยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้น
“จะลองอีกครั้งก็ได้นะ ผมรอได้”
และแน่นอนว่าอังเดรจัดการกดเพชรสีทองลงกับกระจกอีกครั้งและอีกครั้ง จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม นั่นก็คือกระจกตรงหน้ายังใสกิ๊กดังเดิม
“เป็นไปไม่ได้...ไม่มีทางที่จะเป็นของปลอมไปได้”
อังเดรพึมพำออกมาด้วยความตกใจสุดขีด ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่เพชรสีทองเม็ดนี้จะเป็นของปลอม ในเมื่อเขาเห็นยอดชายหยิบมันออกมาจากตู้เซฟกับตาตัวเอง
“แต่คุณก็เห็นไม่ใช่หรือคุณอังเดร ว่ามันเป็นของปลอม เลิกแหกตาผมดีกว่า” วินซ์จ้องหน้าคู่สนทนาด้วยสายตาเลือดเย็น ขวัญชีวาเป็นห่วงบิดาจึงโต้ตอบเขาออกไป
“คุณอย่ามาว่าพ่อฉันนะ”
วินซ์หันขวับมาจ้องหน้าแม่สาวปากเก่งที่นั่งเงียบมาตลอดระยะสิบกว่านาทีเขม็ง
“หุบปากซะคนสวย ถ้ายังอยากนั่งสบายๆ อยู่ในห้องนี้”
“แต่ว่าคุณ...”
“ขวัญเงียบเถอะ พ่อจัดการเอง”
อังเดรหันไปสั่งบุตรสาวเสียงเฉียบขาด ก่อนจะหันมาก้มหน้ารับผิดกับวินซ์ เอเมอร์ตัน
“ผมต้องขอโทษคุณวินซ์ด้วยครับที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ผมรับรองว่าจะไปนำเพชรสีทองของจริงมามอบให้กับคุณวินซ์ให้ได้ครับ”
“กี่วันล่ะ หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี”
คนตัวโตตาสีน้ำเงินพูดเสียงเหยียดหยาม แต่ขวัญชีวาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมพ่อบุญธรรมของหล่อนถึงต้องมีท่าทางเกรงอกเกรงใจผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยกลัวใครเลยแม้แต่คนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกันนะ?
“สามวันครับ เพราะผมพอจะรู้แล้วว่าใครมันทรยศ”
“นานเกินไป ผมรอไม่ได้ และไม่คิดจะรออีกต่อไปด้วย ผมต้องการหลักประกันอื่นที่มันสมน้ำสมเนื้อกับเงินห้าสิบล้านเหรียญที่ผมจ่ายล่วงหน้าให้คุณไป”
‘นึกแล้วเชียวว่าอีตาเทพบุตรตาสวยตรงหน้าต้องหว่านพืชแล้วหวังผลแน่ๆ แต่ว่าเขาอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนกันนะ’
“คุณวินซ์ต้องการอะไรเป็นหลักค้ำประกันครับ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มร้ายกาจ ขณะปรายตาไปมองที่ร่างของขวัญชีวา
“ลูกสาวบุญธรรมของคุณ ผมต้องการเธอเป็นหลักค้ำประกันระหว่างที่รอเพชรสีทองของจริง”
ขวัญชีวารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองถูกแผดเผาด้วยไฟร้อนจนมอดไหม้เป็นผงธุลีเมื่อถูกสายตาสีน้ำเงินเข้มมองมาอย่างสำรวจตรวจตรา ลำคอสาวแห้งผาก หูอื้อไปในทันทีที่ได้ยินคำพูดอาจหาญของเขาจบประโยค
“ต้องการยายขวัญหรือครับ”
ฟังจากน้ำเสียงของบิดา ท่านก็คงรู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน
“ใช่ ผมต้องการขวัญชีวาเป็นหลักค้ำประกัน เงินมันเยอะนะคุณอังเดร ตั้งห้าสิบล้านเหรียญแน่ะ หรือว่าคุณมีมาใช้ผมกันล่ะ”
‘หล่อนเกลียดน้ำเสียงและก็แววตาของผู้ชายคนนี้นัก ทำไมเขาถึงทำราวกับว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่ความเป็นคนของหล่อน ไม่มีทางหรอก หล่อนไม่มีวันยอม’
“คนสารเลว!”
ขวัญชีวาคว้าแก้วน้ำของตัวเองสาดใส่หน้าของผู้ชายเจ้าของเพนต์เฮาส์หรู
“ยายขวัญ นี่แกทำบ้าอะไรฮึ!”
อังเดรตวัดมือกำลังจะฟาดลงบนใบหน้าของลูกสาวด้วยความโมโห แต่ก็ถูกวินซ์ห้ามเอาไว้เสียก่อน หล่อนเห็นเขายกมือหนาสีแทนขึ้นปาดน้ำออกจากหน้า ก่อนจะจ้องมองหล่อนด้วยสายตาโอหังจนน่าหมั่นไส้
“ให้ผมเป็นคนตัดสินโทษของเธอเองดีกว่าครับ”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินโทษของฉันตามอำเภอใจแบบนี้ ในเมื่อคนที่ผิดมันคือคุณ!”
“ขวัญชีวา!”
“คนหลงตัวเอง...คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ว่ามาได้เลย”
ขวัญชีวาจ้องมองร่างกายกำยำของวินซ์นิ่ง เขาดูตัวใหญ่กว่าวันนั้นที่สระว่ายน้ำเสียอีก ห้องดูแคบไปเลยให้ตายสิ แล้วยิ่งเขาขยับเข้ามาใกล้แบบนี้ หล่อนก็ยิ่งดูตัวจ้อยลงไปอย่างน่าตกใจ
“ความจริงอยากจะให้คุณแก้ผ้าแล้วขึ้นไปอ้าขารอผมบนเตียง...”
“คนหยาบคาย! คนทุเรศ!”
คนถูกด่ายักไหล่อย่างไม่แยแสต่อคำชื่นชมนั้น
“ตอนที่ผมเห็นคุณครั้งแรกที่สระน้ำ ยังคิดว่าคุณด่าไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงๆ ด่าได้น่าฟังชะมัด อย่างนี้ผมคงต้องทำให้คุณด่าบ่อยๆ ซะแล้ว”
“คนโรคจิต ไอ้คน...”
หมดปัญญาที่จะหาคำด่าที่เหมาะสมมาใช้กับผู้ชายตรงหน้า เพราะดูเขาจะหน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าถนนคอนกรีตเสียอีก ด่าไปก็รังแต่จะเหนื่อยเปล่า
“ฉันเกลียดขี้หน้าคุณนัก!”
“เพื่อนผมเคยบอกให้ฟังว่าผู้หญิงไทยเอาใจเก่ง แถมยังอ่อนหวานกว่าสาวๆ ทุกชาติในโลก แต่ผมคิดว่าเพื่อนผมมันคงลืมบอกคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของสาวไทยให้ผมฟังแน่ๆ เลย” วินซ์ยิ้มกว้าง กว้างเสียจนคนมองอย่างขวัญชีวาอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ด่าเก่ง...”
“คุณเป็นคนแรกที่ฉันด่าต่างหาก เพราะคุณมันเลวสุดทนจริงๆ ผู้ชายบ้าอะไรคิดแต่จะใช้เงินซื้อผู้หญิงมาบำเรอบนเตียง รู้ไว้ซะด้วยนะว่าเงินซื้อทุกอย่างบนโลกไม่ได้หรอกนะ”
“แต่ผมก็สามารถใช้มันซื้อคุณมานอนดิ้นบนเตียงได้ไม่ใช่หรือ”
“คุณมันปีศาจจากขุมนรก เลวที่สุด!”
ขวัญชีวาผุดลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนตัวโตอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าศีรษะของหล่อนจะต่ำอยู่แค่หัวไหล่ของเขาเท่านั้นเอง
“ถ้าผมเป็นปีศาจในนรก งั้นตอนนี้คุณก็คงตกนรกสินะถึงได้มาเจอกับผม ไม่เอาน่าคนสวย ทำใจดีๆ ใจร่มๆ เอาไว้ ผมยังไม่คิดจะเชยชมคุณในคืนนี้หรอกน่า”
ยิ่งพูดก็ยิ่งถูกต้อนจนจนมุม ขวัญชีวาทำได้แค่ยืนมองหน้าวินซ์ เอเมอร์ตันเขม็ง แต่พอได้เห็นรอยยิ้มจากริมฝีปากสุดเซ็กซี่เท่านั้นแหละ หัวใจสาวก็เอียงกระเท่เร่กลับหัวคว่ำดิ่งลงดินซะอย่างนั้น ทำไมเขาถึงหล่อได้ขนาดนี้นะ แม้แต่ยิ้มหยันๆ เหยียดๆ ก็ทำให้ผู้ชายคนนี้หล่อบาดจิตเหลือเกิน แล้วนี่หล่อนจะรับมือกับผู้ชายอันตรายคนนี้ได้สักกี่น้ำกันล่ะ?
“นี่คุณจะพาฉันไปไหน”
ร้องถามขึ้นเมื่อถูกวินซ์กุมข้อมือเล็กของตัวเองเอาไว้แล้วลากให้เดินตาม แม้จะดิ้นรนแต่ก็สู้แรงช้างม้าวัวกระทิงของเขาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ไปพักผ่อนยังไงล่ะ ไปอยู่ให้ไกลหูไกลตาผม แล้วคืนนี้คุณจะรอดจากการครอบครองของผม”
ว่าแล้วเขาก็ดันร่างอรชรของหล่อนให้เข้าไปในห้องกว้างขวางห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยโทนสีเข้มลึกลับ วินซ์ก้าวตามเข้ามาหยุดแค่ปากประตูห้อง
“พักที่นี่แหละ ผมจะต่อลมหายใจให้คุณสามคืน ถ้าพ่อของคุณผิดคำพูดกับผมเมื่อไร ผมจะมาขยี้คุณบนเตียงนั่นแหละ”
หญิงสาวมองตามนิ้วเรียวยาวสีแทนของวินซ์ไปก็พบกับเตียงนอนขนาดหกฟุตอยู่กลางห้อง แก้มสาวแดงระเรื่อโดยอัตโนมัติ
วินซ์ระบายยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ชอบนักที่ขวัญชีวาแสดงทุกความรู้สึกออกมาทางสีหน้าและแววตาแบบนี้
“ฝันดีล่ะ แล้วอย่าลืมฝันถึงผมบ้างนะ”
“ถ้าฝันถึงคุณก็แสดงว่าฉันฝันร้ายน่ะสิ ฉันไม่มีวันฝันถึงคุณหรอก” หญิงสาวรีบเดินตามไปล็อกประตูทันทีเมื่อร่างสูงใหญ่ของวินซ์ เอเมอร์ตันก้าวพ้นออกไป หัวใจเต้นระรัวขณะหันหลังพิงกับบานประตูไม้เอาไว้
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง ก็ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้หล่อนยังเข้าครัวทำอาหารค่ำให้กับบิดาอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้หล่อนถึงได้มาถูกกักขังอยู่ในอาณาจักรของผู้ชายที่ทุกท่วงท่าอัดแน่นไปด้วยความอันตรายอย่าง วินซ์ เอเมอร์ตัน นะ นี่หล่อนฝันไปหรือเปล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย