วันนี้ก็เป็นอีกวันที่คอร์เนลเลือกที่จะมาทานมื้อค่ำกับหล่อนที่ห้องอาหารปีกซ้าย หล่อนเคยสงสัยว่าทำไมเขาถึงเลือกที่นี่ ทั้งๆ ที่มีห้องทางปีกขวาเป็นห้องโอ่อ่าและใหญ่โตกว่ามาก แต่เชอรี่ก็เฉลยให้ฟังว่าคอร์เนลชอบที่นี่ก็เพราะมันดูเป็นส่วนตัว และใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่า แถมฉากหลังก็ยังเป็นสวนสวยที่มีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เสียงน้ำไหลให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหลือเกิน
“ตอนบ่ายออกไปไหนมาหรือลูกหยี”
ช้อนในมือชะงักงันทันที
“เอ่อ...อ๋อ...ฉันออกไปเดินเล่นน่ะค่ะ เดินไปเรื่อยๆ พอดีมีความสุขที่รู้ว่าเราสองคนต่างใจตรงกัน”
ทั้งๆ ที่รู้ว่าคำแก้ตัวฟังไม่ขึ้นเลยแต่หญิงสาวก็ยังพูดมันออกไป ก็หล่อนคิดคำแก้ตัวอื่นไม่ได้นี่ หญิงสาวถอนใจออกมา ก่อนจะแสร้งตักอาหารใส่จานให้กับคอร์เนล พร้อมๆ กับยิ้มหวานฉ่ำ
“ทานเยอะๆ นะคะ คืนนี้คุณอาจจะเหนื่อย”
คอร์เนลระบายยิ้ม ตักอาหารที่ภรรยาบรรจงตักใส่จานให้เข้าปาก ดวงตาไม่คลาดไปจากดวงหน้านวลเลยแม้แต่นิดเดียว
“รู้ไหมว่าผมได้เพชรสีทองคืนมาแล้ว”
ยาหยีทำเป็นส่ายหน้าไขสือ
“ไม่ทราบสิคะ ฉันไม่...สนใจมันเท่าไรนัก ฉันสนใจแต่เจ้าของมันมากกว่า”
“ทำไมวันนี้ปากหวานจัง กำลังรู้สึกผิดอะไรอยู่ในใจหรือเปล่าลูกหยี”
เขาคาดคั้นราวกับกำลังรู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ ยาหยีปล่อยช้อนกระทบกับจานจนเกิดเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยตะกุกตะกัก
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
“ผมถามว่าคุณกำลังรู้สึกผิดอะไรอยู่ในใจหรือเปล่าลูกหยี”
“ไม่...ไม่นี่คะ ทำไมฉันต้องรู้ผิดด้วยล่ะคะ ในเมื่อฉันรักคุณจริงๆ รักมาก”
คราวนี้สิ่งที่พูดออกไปเต็มไปด้วยความจริงของหัวใจ ยาหยีอยากจะล้มเลิกแผนการทุกอย่าง แต่ก็ทำไม่ได้ พ่อกำลังรอความช่วยเหลือจากหล่อนอยู่
คอร์เนลยิ้มบางๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปอีกหลายคำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดอีกครั้ง
“เพชรสีทองเป็นสิ่งที่คุณแม่ท่านรักมาก และมันก็เป็นของประจำตระกูลซีร์ยานอฟด้วย จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันคืนมา”
“ค่ะ มันมีค่ามากฉันรู้...”
ยิ่งคอร์เนลพูดแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกผิด ละอายใจจนน้ำตาเริ่มซึมออกมาคลอหน่วยตา
“ผมเก็บมันไว้อย่างดีในตู้เซฟในห้องทำงาน ผมใส่รหัสเอาไว้สี่ตัว คุณอยากรู้ไหมว่าผมใส่ตัวเลขอะไรไว้บ้าง”
“มะ...ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากรู้...”
ยาหยีก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากทั้งๆ ที่ลิ้นไม่รับรู้รสชาติใดๆ ของอาหารอีกแล้ว ภาวนาอยู่ในอกให้เขาเฉลยตัวเลขพวกนั้นออกมา หล่อนจะได้ไม่ต้องแบกเจ้าตู้เซฟมันไปให้กับอังเดรทั้งตู้
“หนึ่ง-เก้า-สาม-ศูนย์ มันเป็นเวลาตกฟากของผมเอง”
“อ๋อ...ค่ะ”
“และที่ผมบอกคุณก็เพราะคุณคือคนที่ผมไว้ใจ ลูกหยี...ผมรักคุณ และเชื่อใจคุณนะ”
ราวกับเขากำลังจะกล่อมให้หล่อนเปลี่ยนใจอย่างนั้นแหละ แต่หล่อนเปลี่ยนใจไม่ได้ หล่อนทำแบบนั้นไม่ได้ ภาพของพ่อนอนจมกองเลือดยังติดตา หล่อนจะเป็นลูกอกตัญญูไม่ได้ ฉะนั้นหล่อนจึงเลือกที่จะทรยศคอร์เนลเพื่อช่วยชีวิตของบิดา
“ขอบคุณค่ะ ฉันก็รักคุณเช่นกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้รู้ว่าฉันรักคุณมาก...มากกว่าชีวิตของฉันเสียอีก”
สาวน้อยก้มหน้าลงมองจานข้าว ซ่อนน้ำตาแห่งความละอายใจเอาไว้จนมิด แม้จะรู้ดีว่าการกระทำของตัวเองในครั้งนี้จะทำให้คอร์เนลเสียใจที่สุดในชีวิต แต่หล่อนถอยหลังกลับไม่ได้เสียแล้ว
“ผมขอตัวก่อนนะลูกหยี พึ่งนึกได้ว่ามีโทรศัพท์สำคัญที่ต้องรอรับ ทานให้อิ่มแล้วตามผมขึ้นไปบนห้องนอนนะ”
เขาเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มเช่นเคย ยิ้มบางๆ ให้หล่อนอย่างสุภาพ ก่อนจะก้าวยาวๆ หายออกไปจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
น้ำตาของยาหยีที่ซ่อนเอาไว้ทะลักทลายออกมาราวกับเขื่อนทำนบแตก มันไหลทะลักออกมาท่วมท้นใบหน้างาม ก้อนสะอื้นร้ายกาจกำลังอัดแน่นอยู่ในอก หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดนี้ดังเล็ดลอดออกมาจากกลีบปากของตัวเอง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ในที่สุดก็ต้องปล่อยโฮออกมาลั่นห้อง
“พรุ่งนี้คุณจะต้องเกลียดฉัน คอร์เนล...คุณจะเกลียดฉันจนแทบบ้า”
สาวน้อยมองฝ่าความมืดมิดออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย หัวใจเจ็บดุจถูกเข็มเป็นล้านเล่มทิ่มแทง พยายามบังคับตัวเองให้หยุดร้องไห้ แต่มันก็ไม่สำเร็จ ความชอกช้ำที่กัดกินอยู่ภายในมีฤทธิ์มากมายมหาศาลเหลือเกิน มันทำให้หล่อนเจ็บ เจ็บจนแทบอยากจะหยุดหายใจ น้ำตาอุ่นๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน ประสาทสัมผัสทั้งห้าอ่อนด้อยไร้ประสิทธิภาพลงอย่างน่าตกใจ และในที่สุดมันก็มืดบอดไม่ผิดจากคืนเดือนดับเลยแม้แต่นิดเดียว
หนึ่งชั่วโมงต่อมายาหยีก็มาปรากฏตัวในอยู่ภายในห้องนอนพร้อมด้วยแก้วยาวเนื้อดีที่ข้างในบรรจุนมมาเกือบเต็มแก้ว รอยยิ้มหวานๆ ที่โปรยปรายมาทำให้คอร์เนลที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียงถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย