“เกิดอะไรขึ้นครับนายน้อย”
เซอร์เกเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลเมื่อได้ยินคอร์เนลสั่งให้คนขับรถเปลี่ยนเส้นทางออกไปยังเขตนอกเมืองกะทันหัน แล้วยังโทรศัพท์เมื่อครู่นี้อีก
“อาอังเดรจับยาหยีเอาไว้ แล้วบังคับให้ฉันนำเพชรสีทองของจริงไปแลกกับชีวิตของเธอ”
น้ำเสียงของคอร์เนลราบเรียบ แต่เซอร์เกรู้ดีว่านายน้อยของตัวเองกำลังรุ่มร้อนแค่ไหน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอังเดรจะเลวได้ถึงเพียงนี้
“พวกมันรู้แล้วหรือครับว่าเพชรสีทองเม็ดนั้นเป็นของปลอม”
คอร์เนลกัดฟันแน่น นัยน์ตาสีเขียวเข้มจัดด้วยความเดือดดาล พยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ยาหยีจะตาย จะทรมานแค่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาอีกแล้ว ในเมื่อหล่อนเป็นฝ่ายทรยศต่อหัวใจของเขาเอง ทว่าแม้จะบอกกับตัวเช่นนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วเขากลับทำไม่ได้...เขารักหล่อน ใช่...รักมากจนไม่สนใจว่าหล่อนจะทรยศยังไง จะเลวร้ายแค่ไหน
“อาอังเดรไม่ใช่คนโง่ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับการถูกหลอก ตอนนี้ยาหยีกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“แล้วนายน้อยจะทำยังไงครับ”
“ฉันก็จะฆ่ามันน่ะสิ หากมันแตะต้องเมียของฉันแม้แต่ปลายก้อย!”
กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น สองมือกำเข้าหากันเป็นหมัด คอร์เนลต่อยมันลงกับเบาะข้างตัวแรงๆ ด้วยต้องการระบายอารมณ์ ไม่เคยรู้สึกว่ารถที่นั่งอยู่จะวิ่งช้าเป็นเต่าแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“เฮ้ย! อีวานขับให้มันเร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงวะ!”
“ผมเหยียบมิดไมล์แล้วครับนายน้อย”
อีวานตอบกลับมาเสียงสั่นเทา เซอร์เกเห็นท่าทางจะเป็นจะตายของคอร์เนลแล้วก็ถอนใจออกมาแรงๆ
“นายน้อยใจเย็นๆ ครับ ยังไงเราก็ถึงโกดังนั้นก่อนเที่ยงคืนแน่”
“แต่เมียฉันอยู่ในมือของพวกมันนะ มันอาจจะทำร้ายยาหยี ฉันทนไม่ได้ รอต่อไปแค่นาทีเดียวก็แทบจะขาดใจอยู่แล้ว”
คอร์เนลนั่งหงุดหงิดรุ่มร้อนอยู่ภายในห้องโดยสารทางตอนหลังของรถลีมูซีนคันงาม เวลาแต่ละนาทีมันช่างยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์เหลือเกิน ความหวาดกลัวต่อความสูญเสียทำให้ชายหนุ่มร้อนเป็นไฟราวกับอกแทบจะระเบิด
‘ลูกหยีรอผมก่อนนะ ผมกำลังไปช่วยคุณ ได้โปรดรอผมก่อน’
อังเดรก้าวลงจากรถแล้วก็ให้ลูกน้องสามสี่คนของตัวเองที่มาด้วยกันลากร่างที่อ่อนแรงของยาหยีเข้าไปในโกดังร้างเบื้องหน้า ความมืดมิดจากคืนเดือนดับยิ่งสร้างความพึงพอใจให้กับอังเดรมากขึ้นหลายเท่าตัวนัก
“โทรตามพวกเรามาอีกสักสิบยี่สิบคน”
“ครับนาย”
อังเดรแสยะยิ้มชั่วร้ายขณะเดินตามลูกน้องเข้าในโกดังร้างเบื้องหน้า
“วันนี้แกสิ้นชื่อแน่ไอ้คอร์เนล”
หัวเราะออกมาดังลั่น ขณะมองร่างของยาหยีที่ตอนนี้เริ่มดิ้นรนอีกแล้วด้วยความสะใจ
“เฮ้ย! แกะผ้าที่ปากมันออก”
เมื่อผ้าผืนใหญ่ที่พันธนาการริมฝีปากหลุดออกไป ยาหยีก็เริ่มอาละวาดอีกครั้ง
“ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่วช้า ปล่อยฉันไปนะ ปล่อยสิ”
หญิงสาวพยายามดิ้นรนแต่ข้อมือที่ถูกมัดไพล่หลังเอาไว้มันทำให้ทางหนีรอดติดลบต่ำว่าศูนย์เสียอีก
“ปากดีไปเถอะ นี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ถ้าผัวของแกมันมาไม่ทัน หรือไม่มาละก็ แกได้เพิ่มรายชื่อของไอ้พวกนี้ลงไปในบัญชีรายชื่อผัวแน่นังเด็กนรก”
ยาหยีปรายตามองลูกน้องสี่ห้าคนของอังเดรที่ยืนจ้องมองมาที่ร่างกายของหล่อนพร้อมกับเลียปากด้วยท่าทางหยาบคายอย่างหวาดกลัว ความขยะแขยงชิงชังพุ่งเข้าใส่ร่างกายจนแทบจะโก่งคออาเจียนออกมา ขณะร่นถอยหนีไปจนแผ่นหลังชนเข้ากับพาเลทไม้เก่าๆ
“พวกแกจะต้องไม่ได้ตายดีแน่ ไอ้คนชั่ว!”
“ถึงฉันจะตายไม่ดี แต่ก็ตายทีหลังแกกับผัวแน่ หุบปากซะแล้วจะไม่เจ็บตัวมากกว่าที่เป็นอยู่”
อังเดรเค้นเสียงดุกร้าวเตือน จนยาหยีต้องหุบปากสนิท แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวตายหรอกนะ ทว่าหล่อนกำลังใช้สมองคิดหาทางรอดต่างหากล่ะ
หญิงสาวพยายามขยับมือที่ถูกมัดติดกันด้านหลังอย่างสุดความสามารถแต่มันก็แน่นเหลือเกิน ดิ้นเท่าไรก็ไม่หยุด มือบางควานสะเปะสะปะไปทั่วแล้วก็พบกันเจ้าวัตถุชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือเศษขวดที่แตกตกอยู่ด้านหลัง
“นายครับ มันมากันแล้ว”
เบรทรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นรถของคอร์เนลแล่นมาจอดที่หน้าโกดังร้าง อังเดรระบายยิ้มชั่วร้าย
“มันมากันกี่คน?”
“รถสองคันครับ น่าจะประมาณห้าหกคน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย