เช้าวันต่อมาศศินาขับรถออกจากคอนโดไปตอนสิบโมงเพื่อไปพบลูกค้าหลายที่ตามที่นัดหมายไว้ ในส่วนของภัทรพลนั้นเมื่อศศินาออกจากคอนโดไป ก็ขับรถอีกคันมุ่งตรงไปยังคอนโดของนลินี เขาจอดรถไว้บริเวณที่จอดรถของแขกเช่นเคย แล้วใช้คีย์การ์ดกดไปยังชั้นที่พักของเธอ
“พี่พีท มาแล้วเหรอคะ”
นลินีกำลังทำอาหารอยู่ในครัว เห็นภัทรพลเดินมา กอดทางด้านหลังก็หันมาส่งยิ้มหวานให้
“ทำอะไรทานครับ”
” เสต็กปลาค่ะพี่พีทหิวไหมคะ น้ำหวานคิดว่าพี่พีทจะมาถึงตอนเที่ยงนิดๆ เลยเพิ่งลงมือทำ”
วันนี้เขาไม่ได้เข้าออฟฟิศเพราะเมื่อคืนจัด all you can fuck ให้ศศินาเลยตื่นสาย และรอให้เธอออกจากห้องก่อนเขาจึงอาบน้ำแต่งตัวออกมาหานลินี
“ไม่หิวครับ พี่เพิ่งทานข้าวเช้าตอนเก้าโมงนี่เอง พอดีวันนี้ไม่ได้เข้าออฟฟิศครับ”
เมื่อเช้าศศินาทำไข่ลวกให้เขาตั้งสี่ฟอง แถมโด๊ปด้วยซุปไก่อีกถ้วยเบ้อเร่อ
ระหว่างที่อยู่ที่คอนโดภัทรพลก็พยายามจะหาโอกาสคุยกับนลินีเรื่องงานแถลงข่าว แต่เธอก็เปิดปากพูดกับเขาก่อน
“พี่พีทคะ...น้ำหวานอยากชวนพี่พีทไปทานข้าวที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
นลินีตัดสินใจเปิดปากพูดหลังจากที่บีบีแนะนำให้เธอพาชายหนุ่มเข้าตามตรอกออกตามประตู อีกทั้งเธอก็ไม่สบายใจที่เหมือนคบกันหลบๆ ซ่อนๆ ภัทรพลอึ้งไปเพราะตั้งใจจะมาบอกให้เธอเก็บเรื่องระหว่างเธอกับเขาไว้เป็นความลับก่อน
“ได้สิครับพี่ก็อยากหาโอกาสไปพบท่านเหมือนกัน แต่ขอเป็นหลังงานแถลงข่าวได้ไหมครับ”
ภัทรพลตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“ได้ค่ะ น้ำหวานว่างวันอาทิตย์หน้า พี่พีทสะดวกไหมคะ”
“ได้ครับ”
ภัทรพลรับปากออกไปอย่างว่าง่าย เพราะกำลังจะขอให้เธอเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับก่อนเพื่อให้งานแถลงข่าวผ่านพ้นไป เขาคิดแค่เพียงว่าอย่าให้นลินีแสดงพิรุธอะไรไปต่อหน้าศศินาก็พอ เพราะหลังจากงานแถลงข่าวผ่านไปแล้ว นลินีกับศศินาก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก เพราะโฆษณาก็รันไปตามกำหนดของมัน จะเจอกันเฉพาะมีอีเวนท์ตามสัญญาซึ่งมีแค่ไม่กี่ครั้งในช่วงเวลาที่ห่างกันพอสมควร ตอนนั้นเขาน่าจะจัดการอะไรอะไรได้ลงตัว ภัทรพลตอบรับโดยลืมคิดไปว่าทุกบ่ายวันอาทิตย์จะต้องไปกินข้าวที่คฤหาสน์พาณิชย์ศิริกุลพร้อมศศินา
“น้ำหวานครับพี่มีเรื่องอยากจะขอร้องน้ำหวานเหมือนกัน”
ภัทรพลตัดสินใจเอ่ยปากออกไปทันทีเมื่อทำตามความต้องการของเธอแล้ว
“อะไรคะ”
นลินีมองหน้าภัทรพลอย่างรอฟัง เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้
“น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางนาเชิญท่านสุรวิทย์ไปเป็นประธานในงานแถลงข่าวแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณแม่โทรมาบอกเหมือนกันค่ะ คุณลุงท่านไปทานข้าวที่บ้าน เลยแจ้งกับคุณพ่อไป”
“มีใครทราบเรื่องของเราหรือยังครับ”
“พี่ไม่อยากให้ใครมาเพ่งเล็งเรื่องของเรามากกว่างานประกันชีวิตในขณะที่น้ำหวานอยู่ในตำแหน่งพรีเซนเตอร์ พี่ไม่อยากให้ใครมาพูดถึงน้ำหวานในทางที่ไม่ดี อาจจะมีคนเอาไปพูดได้ว่า น้ำหวานได้งานเพราะเอาตัวเข้าแลก พี่ไม่อยากให้น้ำหวานเสียชื่อเสียง อีกอย่างวันนั้นคุณลุงของน้ำหวานก็ไปในงานด้วย ถ้าเราแสดงอะไรที่โจ่งแจ้ง แล้วนักข่าวเอาไปถามท่านพี่เกรงว่าจะไม่เหมาะเพราะพี่อยากให้ท่านรู้จากปากพี่เอง หลังจากที่พี่ไปพบคุณพ่อคุณแม่ของน้ำหวานแล้ว”
ภัทรพลชี้แจงด้วยเหตุผลยาวเหยียด และนึกชมตัวเองว่า ‘มึงนี่หาเหตุผลเก่งจริงๆ เลยไอ้พีท’ จากที่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ก็นึกเหตุผลออกเป็นฉากๆ เขาคงจะต้องหาเวลาไปพบกับครอบครัวของนลินีเป็นการส่วนตัว แล้วค่อยหาเหตุผลทำให้ไม่มีข่าวเล็ดลอดออกมาให้เข้าหูศศินา เพียงแค่นี้เขาก็จะเก็บนลินีไว้ข้างกายโดยที่ศศินาไม่รู้ และในส่วนของศศินาก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่า ศศินา กับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ภัทรพลดีใจที่เริ่มเห็นทางสว่างเขาไม่รู้ว่าจะปิดเรื่องนี้ได้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้
“แต่พี่พีทคะ สัญญาตั้งสองปีเลยนะคะ พี่พีทจะให้น้ำหวานปิดบังเรื่องของเราไว้ตั้งสองปีเลยเหรอคะ”
“สองปีเองค่ะน้ำหวาน ระหว่างนี้เราก็คบหากันเหมือนเดิมไงคะ พี่จะมาหาน้ำหวานที่นี่ ไปพบคุณพ่อคุณแม่ของน้ำหวานที่บ้าน เราเปิดเผยกับคนสนิท แต่จะไม่ให้เป็นข่าวให้น้ำหวานเสียหายดีไหมคะ น้ำหวานเป็นนางเอกดังการประกาศว่ามีแฟนในเวลานี้อาจจะไม่เหมาะ พี่เป็นห่วงน้ำหวานนะคะ”
ภัทรพลเกลี่ยผมไปทัดใบหูให้หญิงสาว แล้วกดจูบลงไปที่แก้ม
“นะคะ ตกลงตามนี้”
ภัทรพลถือโอกาสสรุปเองทันที นลินีมองชายหนุ่มอย่างค้นคว้า และถามออกไปว่า
“พี่พีทไม่ได้มีใครอยู่ใช่ไหมคะ”
“ไม่มี ค่ะ ไม่มี พี่มีน้ำหวานคนเดียว”
นลินีมองหน้าสบตาเขาแล้วพยักหน้าตกลง ภัทรพลก็อุ้มเธอเข้าห้อง
แว่วเสียงหัวเราะหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ตามด้วยเสียงครวญคราง ดังออกมาจากห้องเนิ่นนาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียครับ ผัวขอโทษ
สงสารน้ำหวาน สงสารหนูนา ไอ้พีทคือผู้ชายเลวๆ ที่เห็นได้ทั่วไปเลยอะ...