ทั่วทั้งเมืองแชนนิ่งกำลังตื่นตัวเต็มที่
เครื่องบินทหารลำหนึ่งกำลังลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแชนนิ่ง
ทหารนับร้อยจากกองกำลังพิเศษเรียงแถวเป็นระเบียบที่ท่าอากาศยาน ทหารแต่ละนายสวมเครื่องแบบเต็มยศ
ไม่มีใครละสายตาที่เปี่ยมด้วยความเคารพออกจากเครื่องบินที่เพิ่งลงจอด บรรยากาศอบอลไปด้วยกลิ่นอายของการรอคอยอย่างกระตือรือร้น
นาธาน ครอส เดินลงบันไดมาหลังออกก้าวจากเครื่องบิน รองเท้าบูตคอมแบตสีดำของเขาส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว
“พร้อม!”
“วันทยหัตถ์!”
เสียงห้าวทรงอำนาจอันเคร่งครัดของนายทหารดังก้อง
กองทหารยกมือขวาขึ้นอย่างเป็นระเบียบเพื่อทำความเคารพและทักทายเขาโดยพร้อมเพรียงกัน “ยินดีต้อนรับสู่แชนนิ่งครับท่าน!”
เขาเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเขา ชื่อจริงของเขาคือ นาธาน ครอส แม้ว่าพวกเขาจะชอบเรียกเขาว่าแอรีสแห่งแดนเหนือก็ตาม
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเขาไม่เคยแพ้ในการรบเลยสักครั้งตลอดชีวิตการรับราชการทหารตั้งแต่วันที่เขาเข้าร่วมกองทัพในฐานะพลทหารหนุ่ม
ประวัติการทำงานของเขาในช่วงห้าปีที่ผ่านมาล้วนน่าตกตะลึง เนื่องจากเขานำกองกำลังไปรบชนะครั้งสำคัญๆ หลายครั้งในตอนเหนือ
เขาป้องกันชายแดนจากศัตรูที่มารุกรานหลายต่อหลายครั้ง ที่ประเทศสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะกลยุทธ์อันเฉียบแหลมและชั้นเชิงอันชาญฉลาดของเขา
นาธาน ครอส เป็นคนหล่อเหลา ด้วยรูปร่างกำยำสูงใหญ่ นัยน์ตาของเขาเป็นประกายราวกับเพชรที่สะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับ
ทว่าเขาดูจะไม่พอใจเท่าไรนัก เขาขมวดคิ้วพึมพำกับ คอลิน ดูนน์ หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ “ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องทำให้เอิกเกริก”
“ผมก็บอกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแชนนิ่งไปตามนั้นแล้วครับท่าน ผมเองก็ไม่นึกว่าเขาจะเล่นใหญ่ขนาดนี้” คอลิน ดูนน์ ตอบอย่างเก้อเขิน
“ส่งกองกำลังกลับไปและบอกให้ยกเลิกสัญญาณฉุกเฉิน ให้ทุกอย่างกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ คุณก็ด้วยนะ ผมไม่ต้องการให้คุณติดตามผมไปไหนมาไหน ผมมีแผนของผมแล้ว”
“ครับท่าน!” คอลิน ดูนน์ ตบเท้าและทำวันทยหัตถ์
นาธาน ครอส สาวเท้าออกจากท่าอากาศยานเพียงลำพังพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ท่วมท้นขึ้นมาในใจกะทันหัน ซึ่งผิดวิสัยคนบุคลิกนิ่งๆ อย่างเขาอยู่มาก
ห้าปีก่อน ความเศร้าจากการสูญเสียมารดาทำให้เขากินเหล้าเมามายและหลับไปบนถนน
หญิงสาวใจดีคนหนึ่งสงสารเขาและพยายามช่วยเหลือเขา แต่ความเมาปลุกเร้าความต้องการในตัวเขาและทำให้เขาบังคับขืนใจเธอ
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว
เป็นห้าปีที่เหนื่อยยากสำหรับนาธาน เพราะเขาทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาผู้หญิงคนนั้น โชคร้ายที่ความพยายามของเขาไม่เป็นผล กระทั่งไม่นานมานี้เองที่เขาได้ข้อมูลที่เขาตามหา
แหล่งข้อมูลของเขาบอกว่าเธอชื่อ เพนนี สมิท และเธอยังไม่แต่งงาน
เธอให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งชื่อ ควีนี่ สมิท ผลพวงจากความสัมพันธ์เพียงชั่วคืนของพวกเขา
เขาเจ็บปวดเมื่อนึกถึงสองแม่ลูกที่ต้องเผชิญกับชีวิตอันโหดร้ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพนนี ควีนี่ ผมรู้ว่าคุณกับลูกต้องลำบากมากแน่ๆ
ตอนนี้ผมเจอคุณแล้ว ผมรับรองว่าจากนี้ไปชีวิตคุณกับลูกจะมีแต่ความสุข เขาสาบานอย่างจริงจัง ผมจะมอบชีวิตที่ดีที่คุณกับลูกสมควรได้รับเอง
...
ในห้องประชุมของบริษัทดีว่า จำกัด เพนนี สมิท กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ซึ่งเป็นลูกค้าของเธอ เพนนีสวมชุดสูทดูเป็นการเป็นงาน แต่ยังมีเสน่ห์น่าดึงดูด
ทว่าใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่เธอจับจ้องชายอ้วนเตี้ยที่อยู่ตรงหน้า “ดิฉันขอโทษด้วยค่ะคุณฮาร์วีย์ แต่ดิฉันทำตามที่คุณขอไม่ได้ ดิฉันไม่ใช่คนที่จะยอมแลกตัวเองเพียงเพื่อทำสัญญาฉบับเดียวหรอกนะคะ” เธอปฏิเสธเขาอย่างฉุนเฉียว
กล่าวจบเธอก็ลุกขึ้นหมุนตัวจะออกจากห้อง
ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ยืดแขนหย่อนหยานของตัวเองออกมาขวางเธอไว้ไม่ให้เธอไป “อย่าเคืองเลยน่า คุณสมิท” ริมฝีปากเขาเหยียดออกเป็นรอยยิ้มน่าขยะแขยงราวกับหมาป่าที่หิวโหยแยกเขี้ยว “ผมก็แค่ขอให้คุณลองชุดชั้นในดีไซน์ล่าสุดของบริษัทคุณสักสองสามตัวเอง ผมจะได้เห็นชัดขึ้นว่าเวลาอยู่บนตัวคนใส่แล้วจะออกมาเป็นยังไง” เขาชายตามองพลางพยายามโน้มน้าวเธอ “แค่ขอดูให้ชื่นใจสักนิดนึงเอง!”
“ทำไมไม่ลองเป็นแบบให้ผมหน่อยล่ะ ผมจะสั่งห้าสิบล้านทันทีเลยนะถ้าผมเห็นแล้วถูกใจ นี่คือข้อเสนอของผม ถ้าไม่เอาก็ตามใจ”
“ที่สำคัญเลยนะ ผมจะให้ทิปคุณอย่างงามล้านนึง คุณจะว่ายังไงล่ะหือ”
“หยุดคุกคามดิฉันและให้เกียรติดิฉันด้วยค่ะ คุณฮาร์วีย์!”
“ให้เกียรติเหรอ” ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ทำเสียงสูง
“ใครจะไปให้เกียรติคุณหลังจากรู้เรื่องอดีตอันโสมมของคุณ ลูกสาวสุดที่รักของตระกูลสมิท คนในแวดวงชั้นสูงของแชนนิ่งมีแต่จะปิดปากหัวเราะคิกคักเรื่องความลับที่ไม่ลับนี้กันหมดแหละ เลิกทำตัวเป็นสาวน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ต่อหน้าผมได้แล้ว!”
เพนนีรู้สึกเย็นวาบไปตามไขสันหลัง หน้าซีดเผือดเมื่อเขายกเรื่องน่าอัปยศเรื่องนั้นขึ้นมา มันจะตามหลอกหลอนเธอไปชั่วชีวิต ความอับอายที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่จะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลสมิทมัวหมองตลอดไป
เพียงแค่พูดเรื่องนี้เธอก็ทรมานใจแย่แล้ว เธอไม่นึกเลยว่าดีเร็คจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอ
“ดิฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายชีวิตส่วนตัวของฉันให้คุณฟังค่ะ” ใบหน้างดงามของเธอฉายแววเย็นชา “และดิฉันตัดสินใจยกเลิกการจับมือทำธุรกิจกับบริษัทคุณแล้ว ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ!”
ดีเร็คไม่ยอมจำนน สายตายังคงจับจ้องเรือนร่างเย้ายวนของเพนนี เขาตวัดสายตาไปยังตัวอย่างชุดชั้นในบนโต๊ะและขู่ “ถ้าผมเล็งผู้หญิงคนไหนไว้แล้ว คนคนนั้นจะไม่มีทางรอดจากผมไปได้ คุณสมิท อย่าหาว่าผมรุนแรงนะถ้าคุณยังยืนกรานจะท้าทายผม”
คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหูเธอ บอดี้การ์ดสองนายที่มีรอยยิ้มบิดเบี้ยวเดินข้ามาประกบเธอทันที
นี่คือผู้ชายที่ข่มขืนเธอเมื่อห้าปีก่อน นำความอับอายมาสู่วงศ์ตระกูลของเธอ เพราะเขาทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งแชนนิ่ง เธอรู้สึกทึ่งที่ตัวเองสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ ผ่านคำประณามหยามเหยียดที่เสียดแทงต่างๆ นานาที่คนอื่นสาดใส่ตัวเธอมาได้
ทว่าผู้ชายคนเดิมที่บัดนี้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอไม่ได้มีท่าทีแสดงความเห็นใจในสถานการณ์อันเลวร้ายของเธอเลยแม้แต่น้อย ประโยคแรกที่เขาพูดเป็นการออกคำสั่งแก่ผู้น้อยให้เธอตามไปกับเขา คุณจะเอาฉันไปทำอะไร เอาไปเป็นทาสเหรอ
ดีเร็ค ฮาร์วีย์ เกือบจะได้แตะต้องตัวเพนนีแล้ว แต่การปรากฏตัวกะทันหันของนาธานขัดขวางแผนการของเขา ดวงตาของเขาถลนด้วยความโกรธ ขณะที่คางย้วยๆ กระเพื่อมด้วยความโมโหเมื่อเขาได้ยินว่านาธานกำลังจะพาเพนนีไป
“แกกล้าดียังไงมาแส่เรื่องของฉัน ไอ้เวร!” เขาคำตาม “ควิน ลุค พวกแกไปจัดการขามันซะ เอาให้แน่ใจว่ามันจะกลับมาเดินไม่ได้อีก!”
“ครับนาย!”
บอดี้การ์ดร่างสูงเผยเขี้ยวเล็บและพุ่งเข้าใส่ นาธาน ครอส
พลั่ก! โครม! ลูกถีบหนักๆ สองทีของนาธานส่งพวกมันลอยละลิ่วไปกระแทกพื้นอย่างแรง แรงถีบทำให้ซี่โครงพวกมันหัก ทิ้งรอยประทับไว้บนแผ่นอก ทั้งสองสลบเหมือดไป
เมื่อจัดการกับบอดี้การ์ดทั้งสองนายได้แล้ว นาธานก็เดินทอดน่องไปหา ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ด้วยแววตาอำมหิตเย็นชา
“แกกล้าดียังไง แกคิดว่าแกกำลังทำอะไรอยู่” ดีเร็ค ฮาร์วีย์ พยายามรวบรวมความกล้าเข้าสู้ แม้จะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นรองนาธานโดยสิ้นเชิงก็ตาม
“แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ฉันคือ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ เจ้าของหมิงต้าคอร์เปอเรชั่นเลยนะ!”
“ในแชนนิ่งไม่มีใครกล้าแตะต้องฉัน เพราะรู้ว่าฉันจะจัดการมันให้หมดถ้ามันกล้าแตะฉันแม้แต่เส้นผม”
นาธานยืนอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย มองด้วยแววตาเฉยเมย “พล่ามจบหรือยัง”
คำตอบของเขาทำให้ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ตกใจ เพราะเขาภาคภูมิใจว่าทุกคนจะต้องถอยห่างจากเขาด้วยความกลัวเมื่อได้ยินชื่อเขา แต่ผู้ชายคนนี้ดูจะไม่สะทกสะท้านต่อคำขู่ของเขาเลย
แล้วนาธานก็ยกขาขึ้นกระทืบขาซ้ายของ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ อย่างรุนแรงโดยไม่ให้ตั้งตัว
กร๊อบ ตามมาด้วยเสียงกระดูกหัก
นาธานทำกระดูกน่องของดีเร็คหัก ทำให้ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ลงไปกลิ้งชักดิ้นชักงอบนพื้นด้วยความเจ็บปวดพลางร้องโหยหวนราวกับผีแบนชี
นาธานหมุนตัวเดินไปหาเพนนีด้วยแววตาเฉยเมย ขณะที่เพนนีมองเขาตาโตเป็นไข่ห่าน “มากับผมนะ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง
“ไม่มีทาง!”
“ผมตามหาคุณไปทั่วทุกที่ตั้งแต่ผมพบคุณครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน ผมจะไม่ปล่อยให้คุณหายไปไหนอีก”
พูดจบเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วสาวเท้ายาวๆ ออกจากห้องไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงเธอผู้เดียว